บทที่ 497 ภูเขาอมตะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหล่าโอรสสวรรค์ออกศึก!
ศึกบนแท่นผนึกเทพทำให้เหล่าโอรสสวรรค์ตาพร่ามัว
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนสู้กับทุกคนได้จริงๆ ทั้งยังได้ชัยชนะ
กำลังรบนี้น่าเหลือเชื่อ
เรียกว่าเหนือกว่าประวัติการณ์ เป็นหนึ่งแห่งยุค
เวลานี้ โอรสสวรรค์มากมายตื่นตะลึง ปลงอนิจจังกันอย่างยิ่ง
…….
ส่วนสุดยอดโอรสสวรรค์ที่พ่ายแพ้พวกนั้นกลับเกิดความตกใจระคนสงสัย
เพราะพวกเขาพบว่าเสิ่นเทียนสำแดงวิชาสูงสุดหลายสิบชนิดในศึกครั้งนี้
วิชาสูงสุดพวกนั้นคล้ายกับมรดกสุดยอดที่พวกเขาฝึกฝนหลายส่วน
และที่สำคัญคือเสิ่นเทียนตระหนักรู้วิชาสูงสุดพวกนี้ถึงขั้นสุดแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าโอรสสวรรค์มุมปากกระตุก
มีใครบ้างเรียนวิชาสูงสุดขนาดนี้ได้พร้อมกัน ทั้งยังชำนาญกว่าที่คนตระหนักรู้วิชาหนึ่งโดยเฉพาะ
ต่อให้เป็นอวี้ซวีจื่อที่มีกายมรรคสวรรค์ประทานก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้!
มีความลับ จะต้องมีความลับในตัวสหายคนนี้แน่!
…..
เซิ่งหยางซวีกดความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ไหว เดินตรงเข้ามา “สหายเสิ่นหยวนมีพรสวรรค์เป็นหนึ่ง แซ่เซิ่งนับถือ ไม่รู้ว่าสหายเสิ่นเรียนวิชามิติมาจากที่ใดรึ”
เซิ่งหยางซวีตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง
เมื่อครู่ประมือกับเสิ่นเทียน เขาไม่ได้เปรียบเลยสักนิด ในทางตรงข้ามกลับถูกเสิ่นเทียนพบตำแหน่งหลายต่อหลายครั้ง เสียเปรียบหนัก
ดังนั้นเซิ่งหยางซวีจึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
หรือว่าเสิ่นหยวนจะเป็นบรรพบุรุษลึกลับบางท่านของแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขา ถึงได้ชำนาญวิชามิติขนาดนี้
ไม่ใช่แค่เซิ่งหยางซวี โอรสสวรรค์คนอื่นต่างเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นนี้
ในตัวคนคนหนึ่งกลับแฝงด้วยเจตจำนงมรรคเกือบร้อยชนิด นี่มันน่าเหลือเชื่อ
เสิ่นเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มราบเรียบ “แซ่เสิ่นแค่เจอมรดกโบราณบางส่วน ในนั้นบันทึกวิชาต่างๆ ไว้”
ถึงอย่างไรเผ่าวิญญาณร้ายก็ไม่ได้รุกรานห้าดินแดนครั้งสองครั้ง มรดกมากมายหายไปในการต่อสู้ ดังนั้นวิชาที่โอรสสวรรค์พวกนี้ฝึกฝนจึงมีส่วนที่ขาดหายไป
เสิ่นเทียนมีวิชาสูงสุดของร้อยแปดขุนพลบรรพกาล ทั้งยังฝึกจนชำนาญถึงระดับลึกล้ำยากจะคาดเดา
วิชาที่คนพวกนี้ฝึกฝนย่อมไม่ชำนาญเท่าเสิ่นเทียน
แววตาเซิ่งหยางซวีเต็มไปด้วยความชื่นชม “สหายเสิ่นมีดวงชะตาสูงสุดจริงๆ ถึงได้โชคลิขิตเช่นนี้! แต่ว่าแค่มีมรดกก็ยังไม่มีประโยชน์ ต้องอาศัยทักษะการตระหนักรู้ด้วย มีเพียงสหายเสิ่นที่มีพรสวรรค์สูงสุดเท่านั้นถึงจะตระหนักรู้ได้!”
ทุกคนพยักหน้ายอมรับ พวกเขายอมเสิ่นเทียนจากใจจริงแล้ว
มีโอรสสวรรค์พูดปลง “วันนี้ได้เห็นท่วงท่าสง่างามของสหายเสิ่น นับเป็นเกียรติกับพวกข้าจริงๆ”
เสิ่นเทียนยิ้มบางๆ ก่อนพูดถ่อมตัว “สหายทุกท่าน พบกันคือวาสนา สู้พวกเรามาดื่มชา สนทนามรรคกันดีหรือไม่”
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็นำอ่างใหญ่ออกมา เริ่มต้มชาตระหนักรู้
โอรสสวรรค์พวกนี้เป็นบุตรแห่งโชค ย่อมต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม
จากนี้บางทีอาจจะได้มหาดวงชะตาจากพวกเขาก็ได้
…….
เมื่อได้ฟังคำเชิญของเสิ่นเทียน ทุกคนก็ตกใจที่ได้รับความกรุณา
พวกเขาเคยประมือกับเสิ่นเทียน รู้ว่าเขาตระหนักในเจตจำนงมรรคลึกล้ำยิ่ง
บอกว่าสนทนามรรคกัน แท้จริงแล้วเสิ่นเทียนชี้แนะพวกเขาต่างหาก
ถึงอย่างไรด้วยศักยภาพของเสิ่นเทียน ไฉนจะต้องสนทนามรรคกับพวกเขาอีก
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงตื่นเต้น ดีใจกันมาก
แต่ก็มีคนพูดเกรงใจ “สหายเสิ่นหยวนยินดีสนทนามรรคกับเรา นับเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว และยังต้องรบกวนสหายเสิ่นชงชาให้อีก เรื่องเล็กๆ แค่นี้พวกเราจัดการให้ก็ได้”
มีโอรสสวรรค์หลายคนก้าวออกมา พวกเขาชำนาญการชงชา ทั้งยังพกใบชาระดับโอสถศักดิ์สิทธิ์มาด้วย
คนพวกนี้ขันอาสา อยากจะแสดงออกบ้าง
……
ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนนำชาตระหนักรู้สีม่วงหลายใบกับชาตระหนักรู้สีเงินหลายใบออกมา โยนไปในอ่างใหญ่
เมื่อรู้สึกถึงท่วงทำนองมรรครุนแรงจากใบชาแล้ว โอรสสวรรค์พวกนั้นพลันตะลึงค้าง มีสีหน้าอึ้งงัน
“นี่มัน…ชาตระหนักรู้รึ”
โอรสสวรรค์ทำหน้างุนงง ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนบอกชงชา จะเป็นการชงชาตระหนักรู้
ชานี้มีมูลค่าสูงมากจริงๆ
ชาตระหนักรู้ชนิดนี้หายากมาแต่โบราณ ล้ำค่ามาก
อย่าว่าแต่เหล่าโอรสสวรรค์เลย ต่อให้เป็นบรรพบุรุษพวกเขาก็อาจจะนำออกมาไม่ได้
ปรากฏว่าเสิ่นเทียนกลับนำชาตระหนักรู้ล้ำค่าเช่นนี้ออกมากำใหญ่ และยังจะต้มในอ่างใหญ่
นี่มันอะไรกัน!
สหายท่านนี้ที่บ้านมีเหมือง ฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้เชียวรึ
เหล่าโอรสสวรรค์หน้าแดง รีบยัดชาตระหนักรู้ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นกลับไป
อยู่ต่อหน้าชาตระหนักรู้ ใบชาโอสถศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นเป็นขยะ เอาออกมาไม่ได้เลย
…..
เสิ่นเทียนเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ ไม่นานก็ต้มชาตระหนักรู้เสร็จ
มีกลิ่นหอมชาเข้มข้นโชยไปไกลพันลี้ ในกลิ่นหอมยังเต็มไปด้วยเจตจำนงมรรครุนแรงยิ่ง ทำให้จิตใจคนปลอดโปร่ง
เหล่าโอรสสวรรค์มีสีหน้าตื่นตกใจ ดวงตาลุกวาว ต่างมารวมกันตรงอ่างใหญ่หน้าเสิ่นเทียน
หลายคนอดกลืนน้ำลายมิได้ น้ำลายไหลสามฉื่อ
ชาตระหนักรู้ประเมินค่าไม่ได้ มีผลเพิ่มการตระหนักรู้
คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้โดดเด่นสุดยอดจากขุมอำนาจใหญ่ มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวาง
แต่เมื่อเห็นชาตระหนักรู้ก็ต้องใจสั่นไหว
……
เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มก่อนพูดเชื้อเชิญ “สหายทุกท่าน ขอเชิญดื่มชาสนทนามรรค”
ชาตระหนักรู้สิ่งนี้ เสิ่นเทียนยังมีเก็บไว้อยู่ ย่อมไม่ขี้เหนียว
มิหนำซ้ำ กุยช่ายก็ต้องเก็บเกี่ยวอ้วนๆ ถึงจะได้ผลดีที่สุด
เมื่อได้ยินเสิ่นเทียนเชิญ เหล่าโอรสสวรรค์เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ
พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะไม่ใช่แค่ยินดีสนทนามรรค แต่ยังยินดีแบ่งปันชาตระหนักรู้ที่ล้ำค่าเช่นนี้อีก
น้ำใจเช่นนี้ กว้างใหญ่จริงๆ
เวลานี้โอรสสวรรค์มากมายละอายใจอย่างยิ่ง “สหายเสิ่น สิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป พวกข้าละอายใจที่จะรับไว้”
ก่อนหน้านี้พวกเขารุมเสิ่นเทียนเพื่อศักดิ์ศรี แม้จะสู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ถือว่าไร้คุณธรรม
เสิ่นเทียนไม่ใช่แค่ไม่ใส่ใจ แต่ยังมอบให้ ทำให้ทุกคนอับอายละอายใจ
แม้ชาตระหนักรู้จะทำให้พวกเขาใจสั่นไหว แต่พวกเขาก็อายที่จะเดินเข้าไป
เสิ่นเทียนยิ้ม “สหายทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ กับอีแค่ชาตระหนักรู้ มันจะไปล้ำค่าอะไรกัน ดื่มหมดแล้ว แซ่เสิ่นจะชงให้อีกก็ได้”
เซิ่งหยางซวียิ้มแป้น “สหายเสิ่นหยวน แบบนี้จะได้อย่างไรกัน!”
แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่ตัวกลับซื่อตรงมาก
เขาทะยานขึ้นแท่นผนึกเทพ รินชาตระหนักรู้เองและลิ้มรสช้าๆ
“ชาดี ชาดี! ชานี้ควรอยู่บนสวรรค์ โลกมนุษย์ยากจะได้ดอมดมสักครั้ง! ไม่นึกเลยว่าสหายเสิ่นจะไม่ใช่แค่มีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่ยังมีศิลปะการชงชาชั้นยอด น่าเลื่อมใสจริงๆ”
เซิ่งหยางซวีปลงอนิจจังอย่างยิ่ง จากนั้นรินชาตระหนักรู้อีกหลายแก้ว ดื่มลงท้องดังอึกๆๆ
พอเห็นภาพนี้ ในที่สุดโอรสสวรรค์ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธอีก กลัวว่าเจ้าเซิ่งหยางซวีจะดื่มชาตระหนักรู้หมด
ทุกคนทยอยกันเข้าไป นั่งล้อมรอบเสิ่นเทียน เริ่มดื่มชากัน
ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจกับทุกคน
โอรสสวรรค์ที่อยู่รอบนอก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกใจและอิจฉา
ใครจะไปคิดว่าการประลองใหญ่โอรสสวรรค์จะกลายเป็นงานเลี้ยงดื่มชา
ทุกอย่างเป็นเพราะเสิ่นเทียน
ขณะเดียวกันในใจพวกเขายังเกิดน้ำมะนาวขึ้น แววตาคับแค้นใจอย่างยิ่ง
ถึงอย่างไรชาตระหนักรู้เช่นนี้ พวกเขาก็อยากดื่มเหมือนกัน!
……
เหมือนรู้สึกถึงความคิดของโอรสสวรรค์รอบนอก เสิ่นเทียนจึงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ แบ่งชาตระหนักรู้ไปถึงมือโอรสสวรรค์พวกนั้น
คนพวกนี้ล้วนเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ แม้จะสู้พวกเซิ่งหยางซวีไม่ได้ แต่ก็เป็นเสาหลักของทุกขุมอำนาจ
ถึงอย่างไรครั้งนี้ชงชามาเยอะพพอ คนละถ้วยก็ยังเพียงพอ
เพราะสิ่งนี้แค่ดื่มถ้วยเดียวก็เกิดผล และมีน้อยคนมากที่จะตะกละเหมือนเซิ่งหยางซวี
โอรสสวรรค์รอบนอกรับชาตระหนักรู้ไปแล้วต่างมีสีหน้าดีใจใหญ่
พวกเขารีบตะโกน ก่อนพูดด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง “ขอบคุณสหายเสิ่นหยวนมาก!”
ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนพูดอย่างน่าเกรงขาม เสียงเหมือนเสียงลี้ลับมหามรรค ดังก้องฟ้าดิน
เขากำลังบรรยายความเข้าใจในเจตจำนงมรรค ถ่ายทอดแก่นสำคัญของวิชามรดกร้อยแปดขุนพลสวรรค์บรรพกาลให้ทุกคนฟัง
ทันใดนั้นเอง เจตจำนงมรรคลี้ลับได้แผ่คลุมไปทั้งยอดเขาประตูสวรรค์ ขอบเขตยิ่งใหญ่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้
เจตจำนงมรรคมากมายกลายเป็นแสงดาราคลุมรอบกายโอรสสวรรค์พวกนี้ทั้งหมด ทำให้พวกเขามีสีหน้าตื่นตกใจ
ทุกคนทำหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง เหมือนแก้ปัญหายากที่เงียบสงบมาหลายปี
อีกทั้งด้วยชาตระหนักรู้ คนพวกนี้เปล่งแสงทั้งตัว เข้าสู่การตระหนักรู้
…..
เจียงไท่อี่ตื่นมาก่อน เขาระเบิดพลังแก่กล้ายิ่งมาจากในกาย
รอบกายเขาเปล่งประกายสายฟ้า แผ่อำนาจเทพมหาศาล แกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
เจียงไท่อี่มีสีหน้าดีใจ รีบป้องมือขอบคุณ “ขอบคุณที่สหายเสิ่นชี้แนะมาก ข้าตระหนักได้แล้ว!”
รอบกายเขาเปล่งประกายสายฟ้าทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าได้ประโยชน์ในการตระหนักรู้ไปไม่น้อย อีกไม่นานเท่าไรก็จะทะลวงพลังได้!
คนอื่นได้ประโยชน์ไปไม่น้อยเช่นกัน พัฒนากันอย่างมาก
ดังนั้นทุกคนจึงพากันขอบคุณ และยิ่งเคารพเสิ่นเทียนมากกว่าเดิม
อวี้ซวีจื่อขมวดคิ้วมุ่น เขามีกายมรรคสวรรค์ประทาน เดิมทีตระหนักรู้หมื่นวิชาถ่องแท้อยู่แล้ว
ตอนที่เขาเห็นเสิ่นเทียนสำแดงวิชาร้อยแปดวิชาออกมาไม่ขาดสาย ก็ได้เกิดความสงสัยลับๆ ในใจ
อวี้ซวีจื่อพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเขาจะไม่ได้มีแค่กายมรรคสวรรค์ประทาน พรสวรรค์เช่นนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นคุณสมบัติกายสูงส่งที่สุดนั้น”
เขารู้ความลับดึกดำบรรพ์บางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน