จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 122

“อ๊าก…”

“ไว้ชีวิตด้วย”

เวลากลางดึก ในเขตคฤหาสน์มีเสียงร้องน่าอนาถดังขึ้น

หม่าซานที่ประจำการอยู่ที่โถงใหญ่สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด

“ไอ้โล้นเวรนี่มาถึงเร็วขนาดนี้เชียว?” ใบหน้าของเขาฉายแววเหี้ยมโหด พูดขึ้นว่า “มือปราบของทางการยังไม่มา ตรึงกำลังมันเอาไว้ กลวิธีอะไรใช้ออกมาให้หมด ไม่ต้องสนใจคนของทางการแล้ว ฆ่ามันซะ”

ยังพูดไม่ทันจบ หวงหย่งก็พุ่งตัวโซเซเข้ามาจากด้านนอก

“ท่านหม่า แย่แล้ว…ไม่ใช่…ไม่ใช่เจ้าโล้นนั่น เป็น…เป็น…”

เขายังพูดไม่จบ ปราณกระบี่วาววับสายหนึ่งก็พลันพุ่งเข้ามาจากด้านนอก แทงทะลุกลางหลังของเขาไป

หวงหย่งกระอักเลือด ตัวอ่อนปวกเปียกล้มลงไปบนพื้น ร่างกายเกร็งกระตุก ไม่นานก็ตายสนิท

หม่าซานเหงื่อซึมชื้นทั่วกายทันที

ตอนนี้เอง เขาถึงได้พบว่าเสียงร้องโหยหวนข้างนอกเงียบหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ไม่ใช่เพียงแค่เสียงร้องคร่ำครวญ ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ทั้งหมดก็หายไปเช่นกัน

และข้างกายของเขาก็เหลือองครักษ์เพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น อันธพาลที่คุ้มกันกลไกต่างๆ ข้างนอกหลายร้อยคนก็ราวถูกราตรีมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดกลืนกินหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก

เกิดอะไรขึ้น?

หรือว่า…

ในใจของหม่าซานเกิดความรู้สึกไม่สู้ดีขึ้น

จากนั้นก็เห็นร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดขาวราวกับเซียนราตรีโบยบินมา

เงาร่างนี้ชุดขาวปลิวพลิ้ว ดุจเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์ เพียงแค่กะพริบวูบก็หายไปจากภูเขาจำลองมืดมิดข้างนอกซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยจั้ง แล้วมายังประตูโถงใหญ่ มือถือกระบี่ยาวเย็นเยียบพลางเดินเข้ามาทีละก้าวๆ

“เป็นเจ้า?”

หม่าซานตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

เณรน้อยยังไม่มา ผู้ที่มากลับเป็นสตรีชุดขาวที่ร้านบะหมี่ผักของแม่เฒ่าไช่วันนี้

สตรีชุดขาวเป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ

อาการเย็นวาบที่ยากจะควบคุมได้แผ่ลามมาจากแผ่นหลังของหม่าซาน

ภาษิตกล่าวไว้ว่า เดินยามค่ำคืนบ่อยเข้า สุดท้ายก็เจอผีจนได้[1] ก่อนหน้านี้เขาก็แค่วางอำนาจบาตรใหญ่ กำเริบเสิบสานไปในตำบลสุขสงบเท่านั้น ไม่ได้ไปหาเรื่องบุคคลชั้นยอดที่แท้จริงเข้า จึงจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่า ในที่สุดตนก็ไปหาเรื่องบุคคลที่ไม่ควรไปยุแหย่ด้วยเข้าให้เสียแล้ว

“จอม…จอมยุทธ์หญิง มีอะไรพูดจากันดีๆ ข้า…” หม่าซานเข่าอ่อนบ้างแล้ว

สตรีชุดขาวปรากฏตัวอย่างสุขุม ส่วนพี่น้องที่ดักซุ่มอยู่ข้างนอกหลายร้อยคนก็ไร้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ…โดนสังหารเรียบแล้ว นับจากเสียงร้องน่าอนาถดังขึ้นจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลาแค่หนึ่งถ้วยชาเท่านั้น แต่กลับโดนฆ่าตายจนสิ้น คิดดูแล้วก็ทำให้หม่าซานตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกว่าน่ากลัวนัก

อย่าว่าแต่ผู้ชายตัวใหญ่กำยำหลายร้อยคนที่ติดอาวุธครบครัน ทั้งยังมีอาวุธสงคราม กับดัก และยาสลบ ลูกเล่นต่างๆ ต่อให้เป็นหมูร้อยตัวบุกฝ่ามาทีละตัวๆ ก็ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยกระมัง ต่อหน้าสตรีชุดขาวผู้นี้ พี่น้องพวกนั้นของเขาเปรียบกับหมูก็ยังไม่ได้อย่างนั้นรึ?

ฝีมือของสตรีชุดขาวคนนี้ต้องน่ากลัวถึงเพียงใดกัน

“พวกเรา…อาจจะเข้าใจอะไรผิดกันเล็กน้อย ข้า…” หม่าซานกายสั่นเทิ้ม ถอยไปข้างหลังช้าๆ

สตรีชุดขาวเงียบไม่ปริปาก สายลมยามราตรีพัดผ้าคลุมหน้าโปร่งบางสีขาว ราวกับแสงจันทร์เย็นเยียบทอแสง

กระบี่ในมือของนางราวน้ำยามฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บไหลเอื่อย

นางก้าวเข้ามาในโถงใหญ่ทีละก้าวๆ ประหนึ่งเทพธิดาสังหารองค์หนึ่ง

จู่ๆ มุมปากของหม่าซานก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม มือของเขากดลงบนหัวมังกรแกะสลักของที่วางแขนเก้าอี้ข้างหลัง

แกร๊ก

เสียงกลไกดังขึ้น

กรงเหล็กร่วงลงมาจากหลังคาทันใด ครอบสตรีชุดขาวเอาไว้ข้างในได้พอดิบพอดี

ตึง!

เสียงกรงเล็กกระแทกเข้ากับพื้นดังสนั่นหวั่นไหว

กรงนี้ทุกซี่กรงสร้างขึ้นโดยใช้เหล็กชั้นยอดหนาขนาดแขนของเด็กอ่อน ช่องว่างระหว่างกันห่างไม่เกินหนึ่งชุ่น ต่อให้เป็นเด็กทารกแรกเกิดก็ไม่มีทางมุดออกมาจากร่องตรงกลางได้ ด้านบนเป็นเหล็กแผ่นหนาปิดตายโดยสมบูรณ์

“ฮ่าๆๆ นังเด็กซน เจ้าติดกับแล้ว”

สีหน้าตื่นตระหนกของหม่าซานหายไป ก่อนหัวเราะขึ้นอย่างได้ใจ

“ในคฤหาสน์ของข้าแห่งนี้ ทุกที่ล้วนมีกับดักกลไก ในโถงใหญ่นี่ยิ่งเต็มไปด้วยกลไกต่างๆ นานา ดังนั้นข้าถึงได้รอเจ้าอยู่ที่นี่ วรยุทธ์สูงส่งแล้วอย่างไร? พลังแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? ตอนนี้ก็เป็นนกกระจอกในกรงมิใช่รึ ฮี่ๆ นังแพศยา เจ้าฆ่าพี่น้องของข้าไปมากมายขนาดนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ บนโลกนี้มีเรื่องอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ฮ่าๆๆ!”

ระหว่างพูด อันธพาลทั้งหลายคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ในโถงใหญ่ก็ยกหน้าไม้เจาะเกราะขึ้นมา ลูกธนูเจาะเกราะสามแฉกแต่ละดอกวาววับเย็นเยียบ เล็งไปยังสตรีชุดขาวที่อยู่ในกรงเหล็ก

……

“เอ๋?”

หลี่มู่มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ พบว่าประตูใหญ่ของคฤหาสน์พังเสียหายไปแล้วก

กลิ่นคาวเลือดจางๆ โชยมาจากข้างใน

“น่าจะมาไม่ผิด เป็นที่นี่แหละ”

หม่าซานพวกอันธพาลกลุ่มนี้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในตำบลสุขสงบ ถามหาที่อยู่ของพวกมันไม่ยาก อีกทั้งคฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้ที่ตำบลสุขสงบก็มีไม่กี่แห่ง ไม่มีทางมาผิดที่หรือหาผิดที่แน่นอน

แต่ว่าที่นี่เหมือนจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น?

หลี่มู่ตกใจเล็กน้อย

เขาเดินเข้าไปในประตูใหญ่ของคฤหาสน์ เงยหน้าขึ้นมองเห็นเงาร่างสิบกว่าร่างยืนแข็งทื่ออยู่บนเส้นทางหลัก ยังรักษาท่าทางพุ่งโจมตีเอาไว้ แต่ไม่เหลือพลังชีวิตเลยแม้แต่น้อย ราวกับรูปแกะสลักก็ไม่ปาน

ดูจากเสื้อผ้าและรูปร่าง คนพวกนี้คือพวกอันธพาลที่ตายไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา