หนึ่งหมื่นตำลึงทองไม่ใช่หนึ่งหมื่นตำลึง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นมหาศาลเกินไป
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย “ก่อนหน้านี้ทำไมข้าถึงคิดวิธีนี้ไม่ได้กัน?” หากคิดวิธีนี้ได้ ป่านนี้โรงฝึกยุทธ์พลังพายุได้รวยไปถึงไหนๆ นานแล้ว? ยังต้องจัดลูกศิษย์ไปแบกหามที่ท่าเรือทุกวันเสียที่ไหน?
เทพพยากรณ์ได้ยินแล้วตกใจใหญ่ “ดีที่ท่านคิดวิธีเสียสติแบบนี้ไม่ได้ มิฉะนั้นโรงฝึกยุทธ์พลังพายุเราได้กลายเป็นสำนักร้างไปแล้ว” ขูดรีดข่มขู่ แถมยังรีดไถสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลตัวโหดแบบนั้นอีก นี่ใช่เรื่องที่ใครก็กล้าทำหรือ?
แต่ว่าครั้งนี้ ความสมเหตุสมผลอยู่ที่ยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์คนนี้ไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ได้
“เป็นอย่างไร? คิดให้ดี โอกาสมีเพียงครั้งเดียว” เสียงของหลี่มู่ดังออกมาจาก ‘เรือนซอมซ่อ’ อีกครั้ง “ข้าไม่บังคับเจ้า เจ้าเลือกเอาเอง พูดตามตรงนะ หากข้าเป็นเจ้าแล้วละก็ ข้าจะใช้ดาบฟันให้ตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ลูกไม่เอาถ่านแบบนี้ตายไปเสียก็นับว่าเจ้าได้กำไรแล้ว เสียเจ้าลูกแบบนี้ไปแล้ว เจ้าก็กลับไปตบแต่งอนุพยายามๆ เข้ายังมีได้อีกสองสามคน มีประโยคหนึ่งกล่าวว่าไงนะ อ้อ ลูกคนแรกเลี้ยงจนเสียคนไปแล้ว มีคนที่สองจงใช้ประสบการณ์อบรมเลี้ยงดูใหม่อีกครั้ง” ในน้ำเสียงเจือการหยอกล้ออันมีเจตนาร้าย
โจวเต๋อเต้าเหงื่อเต็มหน้าผาก ยืนอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าดิ้นรนเหี้ยมเกรียม
“ท่านพ่อ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ท่านมีข้าเป็นลูกชายแค่คนเดียวนะ…” โจวอวี่ที่ถูกมัดอยู่ในรถม้า ทั้งตัวขยับไม่ได้ พยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งคร่ำครวญ ร้องลั่น ราวกับตกอยู่ในทรายดูดเหลือแค่หัวที่โผล่ออกมาข้างนอก ตะโกนราวกับคนเป็นฮิสทีเรีย
โจวเต๋อเต้ากัดฟัน กล่าวว่า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
เขาได้ลูกเมื่อยามแก่ มีแค่ลูกชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น ถึงได้ตามใจขนาดนี้ อีกทั้งสิ่งที่ยิ่งสำคัญก็คือ โจวเต๋อเต้าใช่ว่าจะไม่มีอนุ เขาแอบเลี้ยงอนุไว้ข้างนอกอีกหลายบ้าน แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร กินยาวิเศษต่างๆ ไม่รู้ต่อเท่าไหร่ หลายปีผ่านไปก็ไม่มีบุตรอีกเลย เหมือนว่าเขาจะไม่ไหวในด้านนี้แล้ว
ดังนั้นลูกไม่เอาไหนคนนี้ เขาต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้
ไม่เช่นนั้นจะสืบทอดสกุลต่อไปอย่างไร?
“ดี เช่นนั้นเจ้าก็ไปเตรียมเงินมาเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน”
เสียงของหลี่มู่ดังขึ้น
ใบไผ่เขียวชุ่มชอุ่มใบหนึ่งปลิดปลิวลงมาจากกำแพงเขียวมรกตของบริเวณ ‘เรือนซอมซ่อ’ ปลิวลอยละล่องมาพร้อมกับเสียงนี้ มันปลิวเข้าไปในช่องของรถม้า ร่วงลงบนหน้าผากของโจวอวี่ที่ร้องแหกปาก
พูดแล้วก็แปลกนัก เพียงเสี้ยวขณะที่ใบไผ่แตะลงไป โจวอวี่ที่ดิ้นรนสุดชีวิตจนหน้าดำหน้าแดงก็สงบลงทันที แววตาของเขากลับคืนสู่สภาพปกติ จากนั้นก็สงบลงแล้วหลับตาช้าๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปเหมือนกับนอนหลับลึก
“ภายในหนึ่งวัน เขาจะปลอดภัยไร้กังวล”
เสียงของหลี่มู่ดังขึ้นอีกครั้ง
โจวเต๋อเต้าพุ่งเข้าไปในรถม้า พิจารณาดูลูกชายอย่างละเอียด หมอชื่อดังที่ตามมาด้วย หลังจากแตะชีพจรก็พยักหน้า พูดขึ้นว่า “ชีพจรของคุณชายโจวสม่ำเสมอ ลมหายใจสงบ อวัยวะภายในเต้นชัดเจน ไม่เป็นอะไรแล้ว แค่หลับไปเท่านั้น”
โจวเต๋อเต้าโล่งอก
“ขอบคุณท่านยอดปรมาจารย์ที่ออมมือ” เขาประสานมือ
จากนั้นหันไปชี้ยังรถม้าสองสามคันข้างหลัง โจวเต๋อเต้าพูดอีก “นี่คือของกำนัลที่ข้าแซ่โจวเตรียมไว้ให้ท่านก่อนมา ท่านโปรดรับเอาไว้ด้วย นี่ไม่ได้นับรวมกับหนึ่งหมื่นตำลึงทองที่ตกลงกันไว้ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินท่านไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย เพียงแต่สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลของข้า ทรัพย์สมบัติมีจำกัด รวบรวมหนึ่งหมื่นตำลึงทองให้ได้ภายในหนึ่งวันก็ค่อนข้างฉุกละหุก ขอท่านเมตตาขยายเวลาให้อีกสักหน่อย ให้ข้ารวบรวมนำมามอบให้ภายในหกวันเป็นอย่างไร?”
ใน ‘เรือนซอมซ่อ’ เงียบงันไปครู่หนึ่ง ในตอนที่โจวเต๋อเต้าใจเต้นระส่ำ ก็ได้ยินเสียงของยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าก็แค่อยากจะยืดเวลามอบเงินออกไปหลังจากที่ข้าสู้กับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์บ้าบออะไรนั่นไม่ใช่รึ? หึๆ หากข้าตาย เจ้าก็ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว ใช่ไหมเล่า?”
“นี่ ข้าไม่กล้าเด็ดขาด” โจวเต๋อเต้าเหงื่อเย็นชื้นซึมทั่วหน้าผาก สิ่งที่เขานึกไว้ย่อมเป็นความคิดนี้ นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะมองออกในชั่วพริบตาเดียว
“ข้ารับปากเจ้าก็ได้ เจ้าไปเถอะ” เสียงของหลี่มู่ดังออกมาจากข้างใน
โจวเต๋อเต้ารีบหมุนตัวจากไปราวได้รับการละเว้นโทษ
คนสกุลโจวก็ถอยไปด้วยเช่นกัน
“เจ้าโจวเต๋อเต้านี่มันคนโง่” ใบหน้างดงามของหัวหน้าโรงฝึกยุทธ์เผยความเหยียดหยาม พูดพร้อมแสยะยิ้ม
เทพพยากรณ์ฉงน “เอ๋ ลูกพี่ทำไมคิดอย่างนั้นเล่า?”
“เจ้าคิดดูนะ หากยอดปรมาจารย์หลี่มู่สู้จนตายขึ้นมาจริงๆ ถึงตอนนั้นลูกชายของเขาก็ยิ่งไม่มีคนช่วย ได้ตายแน่ไม่ต้องสงสัย หากข้าเป็นเขาจะต้องให้หลี่มู่ถอนอาคมของลูกชายก่อนที่จะไปท้าดวลให้ได้ แบบนี้ถึงจะไม่พลาด” หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุกล่าว
เทพพยากรณ์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “ลูกพี่ ท่านอาจจะลืมเรื่องอะไรไปเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร?”
“หากคนที่ลงอาคมตายไป มีโอกาสในระดับหนึ่งว่าอาคมที่ลงไว้ในร่างของผู้โดนอาคมจะสลายไปเองโดยไม่ต้องแก้”
“เอ๋? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”
“มีแน่นอน แต่ว่าก็เป็นแค่โอกาสส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ร้อยทั้งร้อย โจวเต๋อเต้าก็กำลังวางเดิมพัน หากหลี่มู่สู้จนตัวตาย และอาคมในตัวโจวอวี่ไม่สลายไป เช่นนั้นโจวอวี่ต้องตายก็ตายไปเถอะ สำหรับเขาแล้วนี่คือลิขิตสวรรค์ ถึงอย่างไรหนึ่งหมื่นตำลึงทองก็มากมหาศาลจนปวดใจเอาการอยู่ ข้าเดาว่าเขาคิดจะฝากการตัดสินใจครั้งนี้ไว้กับสวรรค์มากกว่า” เทพพยากรณ์เอ่ย
“มารดามันสิ เจ้าพวกพ่อค้านี่นะ ทั่วตัวช่างเหม็นกลิ่นทองแดง[1]เสียจริงๆ คนที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมีเยอะเกินไปแล้ว” หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุกล่าวดูถูก
เทพพยากรณ์เอ่ยไม่ออก
“ไป ไปเยี่ยมเยือนสักหน่อย” หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์สลัดเปลือกเมล็ดแตงโม ลุกยืนขึ้นเดินไปทางประตูใหญ่ของ ‘เรือนซอมซ่อ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา