ความมืดแผ่ตัวปกคลุม โคมวิจิตรเริ่มประดับประดา
หน่วยเลี้ยงรับรองที่ตั้งอยู่บนถนนกลิ่นกำจายด้านตะวันออกของเมืองฉางอันต้อนรับช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของวัน เสียงดนตรีดังแว่วมาจากในถนน ก็เหมือนกับแม่น้ำผงชาดสายนั้นที่อยู่สุดถนนกลิ่นกำจายด้านตะวันออก แต่ละวันล้วนเป็นเช่นนี้ เสียงดนตรีบรรเลงร่ายรำสอดประสาน ทำให้บุรุษนับไม่ถ้วนต่างเฝ้าฝันหา
หลี่มู่หนุ่มบริสุทธิ์เดินเข้ามาในถนนกลิ่นกำจายภายใต้การนำทางของเจิ้งฉุนเจี้ยนตัวดี
ถนนกลิ่นกำจายลึกและกว้างยิ่งกว่าตรอกไล่หมู เป็นถนนที่ยาวหลายลี้ รถม้าเทียมม้าแปดตัวสี่คันเดินหน้ากระดานพร้อมกันได้ พื้นถนนปูด้วยอิฐดำชั้นเยี่ยมเป็นอย่างดี แนบสนิทไร้ร่องรอย ราบเรียบดียิ่ง สองฝั่งถนนคือหอและอาคารเล็กใหญ่ที่เป็นโครงสร้างดินและไม้ ล้วนวิจิตรงดงามเป็นอย่างยิ่ง มีโคมสีแดงอ่อนเข้มต่างๆ หรือไม่ก็สีชมพูแขวนเอาไว้
บนถนนมีคนมากมาย มีทหารชุดเกราะขี่ม้า บัณฑิตขี่รถม้า สวนกันขวักไขว่ไปมา ส่วนมากเป็นพวกแต่งเนื้อแต่งตัวมีฐานะ
หออาคารสองฝั่งถนนตั้งชื่อคล้ายๆ กัน เช่น ‘หอชิดสิเน่หา’ ‘หอหยกละมุน’ ‘หอชมโฉมสะคราญ’ ป้ายชื่อร้านล้วนเป็นบุคลที่มีชื่อเสียงในเมืองฉางอันเขียนให้ ดูโอ่อ่ายิ่งนัก แต่ละหอมีหญิงสาววัยแรกแย้มสวมหรูฉวินรัดอกยืนกวักมือเรียกและหัวเราะหยอกล้อผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่บนระเบียง
เสียงหัวเราะออดอ้อนวาจาอ่อนหวาน ภายใต้การขับเน้นด้วยกลิ่นสุราที่ประเดี๋ยวก็ลอยออกมาจากในหอ ยิ่งทำให้ฮอร์โมนหลั่งพลุ่งพล่านโดยแท้
หน่วยเลี้ยงรับรองเป็นเพียงชื่อเรียกโดยรวมของสถานที่ที่ทางการจัดการดูแลหอคณิกา ภายใต้ชื่อนี้ยังมีหอคณิกาแบ่งออกไปอีก ก็เหมือนกับธุรกิจทางการตลาดใหญ่ๆ บนโลกอาจแบ่งกิจการต่างๆ ออกไป ยกตัวอย่างเช่น ‘หอชิดสิเน่หา’ ‘หอหยกละมุน’ ที่หลี่มู่ได้เห็นตามทางขี่ม้าผ่านก่อนหน้านี้ก็ล้วนเป็นของหน่วยเลี้ยงรับรองทั้งนั้น แต่ละที่มีความเชี่ยวชาญต่างกันไป จากคำของเจิ้งฉุนเจี้ยน ในหอเหล่านั้นมีหญิงสาวที่เป็นที่นิยมประจำอยู่
หลี่มู่เดินไปดูไป พลางฟังคำอธิบายจากเจิ้งฉุนเจี้ยน รู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาขึ้นมาก
เขาต้องยอมรับ ไม่แปลกใจเลยที่ที่แบบนี้จะมีบุรุษนับไม่ถ้วนเฝ้าถวิลหา สตรีแรกแย้มโฉมงามมีเยอะยิ่ง ตลอดทางที่เดินมาก็เห็นใบหน้าที่งดงามชวนตะลึงมากมาย
“ทั้งถนนกลิ่นกำจายมีหอคณิกาทั้งหมดสามสิบเจ็ดหอ อยู่ภายใต้หน่วยเลี้ยงรับรองทั้งสิ้น และหอคณิกาบางแห่งที่ร่วมมือกับหน่วยเลี้ยงรับรองก็อยู่ในถนนนี้ด้วยเช่นกัน แต่หากพูดถึงหอคณิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังเป็น ‘หอหยกงาม’ ‘หออัปสรสวรรค์’ และ ‘หอสดับเซียน’ สามหอนี้ ไม่ทราบว่าคุณชายอยากไปแห่งใด?” เจิ้งฉุนเจี้ยนหยั่งเชิงถาม
หลี่มู่อยู่บนม้าพูดตอบ “เจ้าเลือกเอาเลย”
ในฐานะที่เป็นหนุ่มบริสุทธ์ผุดผ่อง เขาค่อยๆ รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
แต่ว่านี่ก็เป็นเหตุการณ์ปกติ ชายบริสุทธ์คนไหนมาถึงที่แบบนี้ น่ากลัวว่าคงอดหน้าแดงหูแดงไม่ได้ทั้งนั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไป ‘หอสดับเซียน’ แล้วกัน สร้างอยู่ริมฝั่งแม่น้ำผงชาด แม่นางหลายคนที่หอนั้นมีชาติกำเนิดจากตระกูลชนชั้นสูง ร่ายรำบรรเลงเพลงช่ำชอง อีกทั้งไม่เคยออกเรือน เป็นนางคณิกาที่ยังไม่เคยรับแขกด้วย หากคุณชายถูกใจก็ไม่เป็นการหมิ่นชื่อเสียงของท่านในวันนี้” เจิ้งฉุนเจี้ยนกล่าว
‘จารึกเรือนซอมซ่อ’ พูดได้ว่าเลื่องลือไปทั่วเมืองฉางอัน หลี่มู่ในวันนี้ชื่อเสียงโด่งดัง
สุภาพบุรุษชื่อก้องกับสาวงาม นับแต่โบราณมาก็เป็นการจับคู่ราวสวรรค์สร้าง โดยเฉพาะในหอคณิกา บัณฑิตกระทั่งว่าเป็นที่นิยมของแม่นางทั้งหลายมากกว่านักรบเสียอีก เพราะหากกวีบทหนึ่งของบัณฑิตมากรักเลื่องลือไปทั่วหล้า หญิงสาวคนใดหากได้รับบทกวีเช่นนี้ไป ก็จะโด่งดังทันทีในชั่วข้ามคืน ราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป
หลี่มู่และเจิ้งฉุนเจี้ยนมานั่งอยู่ในโถงใหญ่ของ ‘หอสดับเซียน’
ตำแหน่งของ ‘ซิ่วไฉใจเหี้ยม’ ค่อนข้างพิเศษ นับว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในเมืองฉางอันเช่นกัน อีกทั้งยังคุ้นเคยกับหน่วยเลี้ยงรับรองเป็นอย่างดี อาศัยแค่ใบหน้าก็เข้ามาได้แล้ว แม่เล้าของหอสดับเซียนเป็นสาวงามที่ดูแล้วน่าจะประมาณสามสิบปี รัศมีบริสุทธิ์ไร้มลทิน มายิ้มต้อนรับด้วยตัวเอง
เดิมจะพาทั้งสองไปยังห้องที่ดีที่สุด แต่หลี่มู่กลับปฏิเสธ
เขาแค่มาสัมผัสบรรยากาศแบบผ่านๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริง ดังนั้นนั่งอยู่ที่โถงใหญ่จะสัมผัสได้ชัดเจนยิ่งกว่า
“คุณชายเชิญตามสบาย หากต้องการอะไร เรียกข้าได้ทุกเมื่อนะเจ้าคะ” แม่เล้านามไป๋เซวียนพูดยิ้มๆ
ที่จริงแล้ว ไป๋เซวียนอายุประมาณแค่สามสิบเท่านั้น ร่างกายอวบอิ่มสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนราวหยก หน้าตางดงามเป็นอย่างยิ่ง บุคลิกราวกับหิมะขาว ให้ความรู้สึกว่าไร้มลทิน ยากที่จะเชื่อมโยงหญิงงามเช่นนี้กับแม่เล้าหอคณิกาจริงๆ ต่อให้บอกว่านางเป็นสตรีตระกูลชั้นสูงก็ไม่มากเกินไป
หลี่มู่พยักหน้าพลางยิ้ม ไม่ได้ตอบกลับ
ไป๋เซวียนก็ไปต้อนรับแขกคนอื่นต่อ
แน่นอน แขกที่ควรค่าให้นางออกไปต้อนรับด้วยตัวเองมีไม่มากนัก
เมื่อไปจากโต๊ะของเจิ้งฉุนเจี้ยนและหลี่มู่ ในใจของไป๋เซวียนยังแอบเดาว่าเด็กหนุ่มที่ดูละอ่อนผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน ถึงขนาดให้เจิ้งฉุนเจี้ยนคนสำคัญแห่งที่ว่าการเจ้าเมืองต้องอยู่เป็นเพื่อน อีกทั้งดูท่าทางแล้ว ฐานะและตำแหน่งยังอยู่เหนือกว่า เด็กหนุ่มยังไม่ไว้ผมยาว ผมสั้นเหมือนพระ ทำให้ดูองอาจ หว่างคิ้วมีความเชื่อมั่นในตัวเองฉายชัด ลำพังแค่บุคลิกเช่นนี้ น่ากลัวว่าความเป็นมาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ไป๋เซวียนดูแลกิจการหอสดับเซียนมานานหลายปี ความสามารถในการฟังน้ำเสียงดูสีหน้ามาถึงขั้นช่ำชอง ปราดเดียวก็มองความไม่ธรรมดาของหลี่มู่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา