ดื่มชาไปหลายถ้วย หลี่มู่ไม่ได้รีบร้อนจากไป แต่อยู่ในห้องชาและเริ่มฝึกฝนหมัดยุทธ์แท้
วันนี้สู้กับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ หมัดยุทธ์แท้สำแดงพลังน่าเกรงขาม ทำให้เขายิ่งสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพของของหมัดยุทธ์แท้ยามต่อสู้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ภายใต้แรงกดดันจากพลังฟ้าประทานขุมนั้นของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ กายเนื้อของเขาก็ได้รับการฝึกฝน ได้ผลดีกว่าการต่อสู้ใดๆ ก่อนหน้านี้
นี่ทำให้หลี่มู่รู้สึกเลาๆ ว่าเหมือนจะถึงช่วงทะลวงขั้นแล้ว สามารถลองทะลวงท่าที่สี่ได้แล้ว
ทว่า การทดลองครั้งแรกล้มเหลว
การทดลองครั้งที่สองก็ล้มเหลวเช่นกัน
ทดลองติดกันสี่ห้ารอบ หลังจากที่โคจรพลังถึงกระบวนท่าที่สาม คิดจะฝืนทำกระบวนท่าที่สี่ต่อ ร่างกายก็เกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง เอ็นกระดูกราวกับฉีกแตกออก ไม่อาจเข้าใจกระบวนท่าที่สี่ได้ถ่องแท้เลย
“ท่าทาง การสะสมของพลังยังไม่พอ”
สุดท้ายเขาก็เลือกล้มเลิกไป
จะรีบร้อนทำให้สำเร็จในทันทีไม่ได้ มิฉะนั้นจะเข้าทำนองทำเร็วแต่ไม่เป็นผล
จากการสู้กับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ หลี่มู่วิเคราะห์พลังของตนได้คร่าวๆ แล้ว ผู้แข็งแกร่งเหมือนธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่เพิ่งก้าวเข้าขั้นฟ้าประทาน ต่อให้ฝึกฝนพลังฟ้าประทานกลุ่มหนึ่งออกมาได้ก็ไม่ใช่คู่มือของเขา แต่หากเป็นผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานเก่าแก่บางคนจะไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลี่มู่มีต้นทุนที่จะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานได้
นี่ทำให้เขายิ่งมั่นใจขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้งเครื่องรางเต๋าใช้ครั้งเดียวส่วนหนึ่งที่ปลุกเสกออกมาเพื่อศึกท้าประลองก็ยังไม่ได้ใช้ สามารถเอามาทำเป็นไพ่ตาย เก็บเอาไว้ก่อนได้
‘กลับไปต้องหาเวลาหลอมอาวุธมิติออกมาสักสามสี่ชิ้น พกของพวกนี้ติดตัวไว้บ้างจะสะดวกขึ้นอีกเยอะ’
หลี่มู่คิดในใจ
ในระหว่างนี้ แม่เล้าไป๋เซวียนเข้ามาสองครั้ง
ครั้งแรกนำสุราและอาหารมาให้ ครั้งที่สองมารายงานว่าข่าวที่หลี่มู่อยู่หอสดับเซียนแพร่ออกไปแล้ว เหล่าบุคคลยิ่งใหญ่ฝั่งต่างๆ ในเมืองฉางอันต่างมายังหอสดับเซียน หวังว่าจะได้มาคารวะหลี่มู่ ต่างตระเตรียมของกำนัลมาให้
“ของกำนัลรับไว้ ส่วนคนไม่พบ”
หลี่มู่พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
เขามาถึงโลกใบนี้ก็เพื่อฝึกฝนขัดเกลาพลังของตน ทั้งยังแบกภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะกลับไปช่วยฟื้นฟูโลกให้รุ่งเรืองไว้บนบ่า จะมีเวลาไปคบค้าสมาคมกับคนใหญ่คนโตที่ว่าเหล่านั้นเสียที่ไหน และยิ่งไม่อยากถูกดึงเข้าไปข้องเกี่ยวกับการแก่งแย่งหลอกลวงกันที่น่าหัวร่อพวกนั้นด้วย อีกทั้งต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่งเด็ดขาด อำนาจที่ว่าก็แค่หมอกควันผ่านตาไปเท่านั้น
สำหรับของกำนัล…
ของที่ส่งมาให้ถึงที่ไยต้องปฏิเสธ ไม่ได้ไปบังคับให้พวกเขาส่งมาเสียหน่อย
ซินเอ๋อร์หยุดชะงัก หัวเราะคิกคักว่าหลี่มู่เป็นพวกหน้าเงินอยู่ข้างๆ
หลี่มู่ก็ไม่ได้อธิบายกับเด็กสาวคนนี้
สาวงามแม่นางฮวาที่อยู่ข้างๆ สายตานางเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าใจทั้งดวงผูกอยู่กับหลี่มู่จนหมดสิ้น คีบอาหารรินเหล้าให้เขาด้วยความรักความเสน่หา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก
พริบตาเดียวโคมวิจิตรก็เริ่มจุดสว่างไสว
หน่วยเลี้ยงรับรองบนถนนกลิ่นกำจายคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ สาวใช้ตัวน้อยซินเอ๋อร์ไม่ไล่แขกแล้ว กลับช่วยคุณหนูของตนพูดเจื้อยแจ้วอยู่ด้านข้าง เปิดหัวข้อสนทนาไม่หยุด ท่าทางเสมือนไม่อยากให้หลี่มู่ไป
จันทร์เสี้ยวสองดวงลอยเด่นกลางนภา
“จันทร์เสี้ยวสาดแสงส่องทั่วจิ่วโจว หลายครอบครัวมีความสุข หลายครอบครัวมีความทุกข์ หลายครอบครัวดื่มกินภัตตาคารหรูหรา หลายครอบครัวร่อนเร่กลางถนน หลายครอบครัวสามีภรรยาอยู่พร้อมหน้า หลายครอบครัวพลัดพรากรอนแรมไกล…” หลี่มู่เอ่ยอย่างปลงอนิจจัง
ฮวาเสี่ยงหรงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินฉือบทนี้ ดวงตาก็เปล่างประกาย
เทียบกับหลี่มู่ที่มีไอสังหารแผ่ซ่านสีหน้าเย็นชาคนนั้นแล้ว นางชอบหลี่มู่ที่คิ้วตาแฝงด้วยรอยยิ้ม แค่อ้าปากก็ร่ายกลอนทำนองเสนาะออกมาคนนี้มากยิ่งกว่า
“คุณชายหลี่ท่องกลอนอีกแล้ว” ซินเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย “กลอนบทนี้ชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ”
หลี่มู่หัวเราะ “อะไรก็ได้ จันทร์เสี้ยวก็ได้”
วันนี้มายังห้องส่วนตัวของฮวาเสี่ยงหรง หลี่มู่รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากศึกใหญ่ ความรู้สึกเช่นนี้ยิ่งท่วมท้นขึ้นทุกที คิดถึงคนและเรื่องราว แล้วก็สุนัขตัวนั้นบนโลกหลายต่อหลายครั้ง
บางทีนี่อาจจะเกี่ยวกับที่ฮวาเสี่ยงหรงเป็นกายเต๋าฟ้าประทาน คบหาอยู่กับนางย่อมรู้สึกจิตใจเบิกบาน คิดถึงบ้านได้ง่ายเป็นเรื่องปกติ
จะจัดให้ฮวาเสี่ยงหรงอยู่ที่ไหนอย่างไรดี?
ตอนนี้เกรงว่าทั่วทั้งเมืองฉางอันคงมองว่านางเป็นคนของตนแล้ว แต่หากแค่นำนางมาไว้ข้างกาย ให้นางร้องรำทำเพลง ก็จะเป็นการปิดกั้นคุณสมบัติกายเต๋าฟ้าประทานแห่งแสงของนาง หลี่มู่คิดๆ ดู ตนเหมือนจะไม่มีเคล็ดวิชาฝึกฝนที่เหมาะกับกายเต๋าฟ้าประทาน วิชาเช่นวิชาอัสนีหรือวิชาเต๋าอื่นๆ ทั้งหลายล้วนแต่อยู่บนพื้นฐานของพลังจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง ฝึกฝนแค่ทักษะ ไม่ฝึกฝนวิชา นั่นเป็นไปไม่ได้ ทว่าเคล็ดวิชาฝึกที่หลี่มู่ควบคุมได้จริงๆ ก็มีแค่ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ เท่านั้น
ส่วนเคล็ดวิชาฝึกฝนที่รีดไถมาจากผู้แข็งแกร่งในยุทธจักรทิศพายัพที่ว่าก็เป็นเคล็ดวิชาสายยุทธ์ระดับต่ำทั้งสิ้น กายเต๋าฟ้าประทานฝึกฝนเคล็ดวิชาสายยุทธ์ ถึงแม้จะก้าวหน้าเร็วกว่าคนทั่วไป แต่ก็เสียของเปล่าเช่นกัน
‘สัมผัสจิตดุจธนู’ วิชาประเภทนี้มีการโจมตีและป้องกันที่แข็งแกร่งทรงพลัง ไม่ใช่แค่ไม่เหมาะให้สตรีฝึกฝน อีกทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับกายเต๋าฟ้าประทานแห่งแสงเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา