องค์ชายสองตั้งสติกลับมา ชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ แล้วพูดกับหลิวเฉิงหลง “นั่งสิ”
หลิวเฉิงหลงตอบกลับด้วยใบหน้าเคารพเลื่อมใส “ต่อหน้าองค์ชาย มีที่สำหรับคนไม่สมบูรณ์พร้อมอย่างกระหม่อมที่ไหนกัน กระหม่อมยืนดีแล้ว”
องค์ชายสองพยักหน้า ไม่ได้คะยั้นคะยอเช่นกัน พูดอย่างสะท้อนใจว่า “ตอนนั้นลำบากเจ้าแล้ว”
“ทำงานเพื่อองค์ชาย ลำบากอันใดกัน” หลิวเฉิงหลงตอบอย่างเคารพนบนอบ
องค์ชายสองแย้มยิ้มบาง ใบหน้าที่แต่เดิมงามสง่าเป็นที่สุดยิ่งมีเสน่ห์ชวนให้คนเลื่อมใส “รอให้เรื่องที่เมืองฉางอันเรียบร้อยแล้ว เจ้าก็ตามข้ากลับไปเมืองฉินเถอะ ฉางอันถึงแม้ทัศนียภาพจะงดงาม แต่สุขสงบเกินไป ทำให้คนลืมปณิธานอันยิ่งใหญ่ได้ง่าย เจ้ากบดานอยู่ที่นี่มาหกปี ควรจะกลับไปสร้างผลงานน่าตื่นตะลึงได้แล้ว”
ใบหน้าของหลิวเฉิงหลงฉายแววลิงโลด คุกเข่าลงบนพื้นและเอ่ยว่า “ทุกอย่างฟังคำสั่งจากองค์ชาย”
“ลุกขึ้นมาเถอะ” สายตาขององค์ชายสองมองไปบนเวทีหลักการประกวดนางคณิกานอกหน้าต่าง “การแสดงต่อไปคือ ‘กลอนสาวงาม’ ของแม่นางฮวาที่งามล่มเมืองแห่งหอสดับเซียนคนนั้นใช่หรือไม่?”
หลิวเฉิงหลงลุกยืนขึ้น ตอบอย่างนอบน้อม “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮวาเสี่ยงหรงเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่งของหอสดับเซียน มีชื่อเสียงมาก ได้แรงเสริมจากบทกวีอมตะของหลี่มู่ติดกันสองบท ครั้งนี้มีหวังสูงมากที่จะชิงตำแหน่งนางคณิกาอันดับหนึ่งได้”
องค์ชายสองพยักหน้าพลางหัวเราะ แล้วถามอีก “แม่นางที่กำลังจะลงจากเวทีคนนี้อยู่หอไหน?”
หลิวเฉิงหลงตะลึง มองผ่านหน้าต่างแวบหนึ่งก่อนบอก “เป็นแม่นางลู่ ลู่หงซิ่วจากหอ ‘ชิดสิเน่หา’ ในการชิงตำแหน่งครั้งนี้ก็เป็นที่นิยมนักเช่นกัน เชี่ยวชาญระบำฉางซิ่ว[1]และการเป่าขลุ่ย พร้อมทั้งรูปโฉมและพรสวรรค์ แต่เดิมนางถูกมองว่าเป็นตัวเก็งที่สุดในการชิงตำแหน่งครั้งนี้ แต่ตอนนี้ความนิยมของฮวาเสี่ยงหรงแซงหน้าไปเพราะความสัมพันธ์กับหลี่มู่ นี่ก็พูดยากแล้ว”
“ส่งคนไปมอบดอกไม้หนึ่งแสนตะกร้าให้แม่นางลู่คนนี้” องค์ชายสองกล่าว
หลิวเฉิงหลงได้ยินดังนั้น ใจพลันเต้นกระตุก เพียงชั่วครู่เขาก็เข้าใจความหมายขององค์ชาย
สนับสนุนแม่นางคนอื่น ไม่ใช่กำลังกดฮวาเสี่ยงหรงลงหรืออย่างไรเล่า
แต่นางโลมคนหนึ่งมีค่าอะไรให้องค์ชายสองกลั่นแกล้งกัน เป้าที่หัวลูกศรพุ่งไปไม่ใช่หลี่มู่หรือไร?
จะอย่างไรก็โมโหนี่
ก็ไม่แปลก ตอนนี้องค์ชายสองกำลังอยู่ในกระแส นับจากงานล่าสัตว์วสันตฤดูของปีนี้ องค์รัชทายาทมีแต่ชื่อไร้ความสามารถ องค์ชายสองก็มีแนวโน้มจะเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปมาโดยตลอด ทุกฝ่ายล้วนมาขอพึ่งพิง เชิญขุนนางเมืองหลี่มู่สามครั้งแต่ไม่สำเร็จ ต่อให้ใจกว้างเพียงใดก็ยังคงเกิดความไม่พอใจกระมัง
……
“คุณหนูๆ แม่นางลู่จากหอชิดสิเน่หาลงจากเวทีแล้ว ใกล้จะถึงตาท่านขึ้นเวทีแล้วเจ้าค่ะ” ในกระโจมชั่วคราวข้างหลังเวทีหลัก ซินเอ๋อร์กระโดดโลดเต้นเข้ามา ใบหน้าตื่นเต้นและดีใจ
“รู้แล้วล่ะ” ฮวาเสียงหรงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
วันนี้นางสวมชุดชาววังผ้าโปร่งบางสีขาวแบบง่ายๆ แค่ทาแป้งเขียนคิ้วบางๆ ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวประณีตเหมือนนางโลมคนอื่น ทว่าทั่วทั้งร่างมีรัศมีเทพสั่งสมอยู่ภายใน บุคลิกดั่งเซียน รอบกายมีละอองเซียนโอบล้อม มีความงามที่ชวนให้ใจสั่นไหวอย่างหนึ่ง
นางไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย ในใจไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์
กลับเป็นไป๋เซวียนที่อยู่ด้านข้างพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “น้องฮวาเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง? มั่นใจหรือไม่? ไม่ต้องตื่นเต้น ทำไปตามปกติก็พอ อีกประเดี๋ยวจะร้องกลอนสาวงามหรือพิศบุปผาเพียงพิศพักตร์…” นางก็เป็นหนึ่งในกรรมการทั้งสามสิบคนเช่นเดียวกัน เมื่อมีเวลาจึงวิ่งมาหลังเวทีเพื่อให้กำลังใจ
ฮวาเสี่ยงหรงหัวเราะพรืด “ท่านแม่ไป๋ หากท่านยังพูดแบบนี้ต่อไป ข้าจะตื่นเต้นจริงๆ แล้วนะ”
ไป๋เซวียนอึ้งไปนิด ตั้งตัวกลับมา กลอกตาเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ย “หากกล่าวโดยใช้คำพูดของคุณชายหลี่ อย่างข้านี่เรียกว่ากังวลกับเป้าหมาย ความปรารถนาสิบกว่าปีใกล้จะบรรลุแล้ว จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรเล่า ใช่แล้ว น้องสาวคนโง่ของข้า คุณชายหลี่เตรียมบทกวีดีๆ ให้เจ้าแล้วหรือยัง ด่านสุดท้ายบทกวีสำคัญมากนะ…”
ฮวาเสี่ยงหรงเอ่ย “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ ยังไม่ได้ถามพี่มู่เลย น่าจะมีกระมัง”
“เฮ้อ เจ้านี่นะๆ ยังไม่ทันไถ่ตัวออกไปเลย ใจก็ผูกอยู่กับหลี่มู่ทั้งดวงเสียแล้ว ตอนนี้หากคุณชายหลี่ขายเจ้า เจ้าก็ยังจะช่วยเขานับเงินด้วยกระมัง…” ไป๋เซวียนหยอกล้อ จากนั้นกล่าวว่า “น้องสาวคนโง่ของข้า เจ้าก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้หน่อย แกล้งปล่อยเพื่อจับอะไรพวกนี้ ปีนั้นท่านแม่คนนี้สอนเจ้ายั่วยวนผู้ชายอย่างไร ความสามารถพวกนั้นเจ้าลืมไปหมดแล้วรึ”
ฮวาเสี่ยงหรงหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร
นางรู้ ที่จริงท่านแม่ไป๋เป็นห่วง หวังดีต่อนาง
แต่นางมั่นใจว่าพี่มู่ของตนไม่ใช่คนเจ้าชู้ไม่จริงจังพวกนั้น
“เจ้าหัวเราะไปเถอะ” ไป๋เซวียนกลอกตาอย่างจนปัญญา ก่อนจะพูดอย่างเบิกบาน “ตะกร้าดอกไม้ที่คนก่อนหน้านี้ได้ไป ซืออวี้หวาได้มากที่สุด ก็แค่สามหมื่นหนึ่งพันกว่าตะกร้าเท่านั้น ชื่อเสียงเจ้าในตอนนี้รวมกับชื่อเสียงของคุณชายหลี่ ตะกร้าดอกไม้สามหมื่นตะกร้าไม่ใช่ปัญหาเลย ข้าเองก็เตรียมไว้ให้เจ้าบ้างแล้ว ตะกร้าดอกไม้รายการนี้เจ้าชิงชัยได้แน่ นักกวีมีชื่อให้คะแนนเจ้าก็ไม่มีทางตกรอบ หากคุณชายหลี่เตรียมบทกวีอมตะไว้ให้เจ้าได้ เช่นนั้นตำแหน่งนางคณิกาอันดับหนึ่งจะเป็นของเจ้าแน่นอน…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเวทีหลักด้านนอกมีส่งเสียงฮือฮาดังมา
จากนั้นเสียงของผู้ดูแลหน่วยเลี้ยงรับรองที่เสริมพลังเวทแล้วดังไปทั่วถนนกลิ่นกำจาย “ยินดีกับแม่นางลู่ด้วย ได้รับตะกร้าดอกไม้หนึ่งแสนสามหมื่นหกพันตะกร้า…”
ไป๋เซวียนอึ้งไปในทันที
นางคิดว่านางฟังผิด จึงมองไปยังซินเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ
ซินเอ๋อร์ก็อ้าปากหวอเช่นกัน “หนึ่งแสนสามหมื่นตะกร้า…นี่…เป็นไปได้อย่างไร?”
ดอกไม้หนึ่งตะกร้าราคาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน หนึ่งหมื่นตะกร้าเท่ากับหนึ่งล้านตำลึงเงิน หรือเท่ากับหนึ่งหมื่นตำลึงทอง หนึ่งแสนสามหมื่นกว่าตะกร้าก็คือหนึ่งแสนสามหมื่นกว่าตำลึงทอง จำนวนนี้จะบ้าคลั่งเกินไปหน่อยแล้วกระมัง ชิงความโดดเด่นไปได้ในพริบตาเดียว
สีหน้าของไป๋เซวียนย่ำแย่ขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา