จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 228

“หอหมายเลขสิบห้า ห้าแสนห้าหมื่นตำลึงทองครั้งที่หนึ่ง…มีใครเพิ่มราคาอีกหรือไม่?” ผู้ดำเนินการประมูลเคาะค้อน เพราะตื่นเต้นเกินกว่าเหตุ สีหน้าของเขาจึงแทบจะบิดเบี้ยว

สถิติราคาสูงลิ่วกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

หวางเฉินมององค์หญิงฉินเจินด้วยสีหน้าร้อนรน

หงส์ปีกหักสู้ไก่ก็ยังไม่ได้ กลุ่มอำนาจขององค์หญิงฉินเจินเมื่อก่อนก็นับว่ามีพลังในระดับหนึ่งในจักรวรรดิฉินตะวันตก แต่ทว่าจากการตายของถังฉง และพันธมิตรฝั่งต่างๆ ถูกโจมตีแตกกระสานซ่านเซ็นกันไป ตอนนี้แม้แต่เงินไม่กี่ล้านตำลึงทองก็รวมมาไม่ได้

องค์หญิงฉินเจินหันหลังพิงประตู คิ้วขมวดมุ่น

ราคาของพี่น้องสกุลถังถูกปั่นจนสูงลิ่ว เกินกว่าการคาดการณ์ของนางไป

ทุนที่นางสามารถรวมได้นางก็พยายามแล้ว ทั้งยังจำนำของมีค่าติดตัวหลายชิ้น ว่ากันว่าคนจากไปชาก็เย็นชืด สมาพันธ์การค้าที่ในอดีตเคยรู้จัก แต่ก่อนเสนอหน้าพยายามจะมอบเงินให้นาง แต่ตอนนี้พอสูญเสียอำนาจ แค่ได้ยินว่านางจะยืมเงินก็ไม่ยอมแม้แต่จะพบหน้าแล้ว

ทำอย่างไรดี?

แน่นอนว่าฉินเจินฉลาดปราดเปรื่อง แต่ภรรยาดีหากไม่มีข้าวก็ไม่อาจปรุงอาหารได้

นางลูบกระบี่ยาวในมือ สีหน้าฉายแววเด็ดขาด บอกกับข้างนอกห้องว่า “ใช้สิ่งของมัดจำได้หรือไม่?”

หวางเฉินแค่มองก็เข้าใจความหมายของนาง จึงร้องอย่างตกใจ “องค์หญิง กระบี่เล่มนี้ในตอนนั้นเป็นถึง…”

ฉินเจินโบกมือ ส่งสัญญาณว่าเขาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว

กระนั้นแล้ว เสียงของผู้ดูแลหน่วยเลี้ยงรับรองที่อยู่ด้านนอกคนนั้นก็ตอบกลับมา “หากท่านลูกค้ามีของล้ำค่าย่อมนำมาวางมัดจำได้ แต่จำต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ หลังจากนั้นถึงจะเสนอราคาได้ แต่เกรงว่าท่านลูกค้าจะไล่ราคาการประมูลครั้งนี้ไม่ทันแล้ว”

……

“หอหมายเลขสิบห้า ห้าแสนห้าหมื่นตำลึงครั้งที่สอง มีใครจะเสนอราคาเพิ่มอีกหรือไม่?”

เสียงของผู้ดำเนินการประมูลสั่นเครือ

“โอกาสสุดท้ายแล้ว โอกาสสุดท้าย…นี่เป็นถึงธิดาของขุนพลเจิ้นกั๋ว มีพรสวรรค์ด้านยุทธ์ ซ้ำยังเป็นสาวพรหมจรรย์ เป็นสตรีฐานะสูงที่สุดที่หน่วยเลี้ยงรับรองเคยประมูลมา หากพลาดไป ในอนาคตอาจจะไม่มีอีกแล้วก็ได้…” เขามองไปทางหอหมายเลขสิบ หวังว่าทางนั้นจะเสนอราคาเพิ่ม ยกสถิติให้สูงขึ้นอีกนิด

แต่ทว่าหอหมายเลขสิบที่ก่อนหน้านี้ท่าทางทรงอำนาจครั้งนี้กลับนิ่งงัน ไม่เสนอราคาอีกเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสีย ท่าทางเหมือนยอมแพ้แล้ว

ในหอหมายเลขสิบห้า ไป๋หย่วนโมโหจนกัดฟันกรอด “มารดามันสิ ยังไม่รีบเคาะราคาอีก ไอ้หมาแก่นี่ตั้งใจถ่วงเวลายั่วคนอื่นให้มาแข่งกับเรา”

มุมปากของหานเฝ่ยหรานยิ้มเย็นชาน่ากลัว “หึ หมายเลขสิบน่าจะไม่มีเงินแล้ว…ส่งคนไปจับตาดูไว้ ดูซิว่าข้างในเป็นใครกันแน่ กล้ามาแข่งกับพวกเรา ข้าจะให้มันจ่ายค่าเสียหายของพวกเราเป็นเท่าตัว”

บนเวทีหลัก ถังถังที่ถูกพันธนาการอยู่บนกางเขนเหล็กน้ำตาไหลจนแทบจะหมดตัวแล้ว

สีหน้าของนางไร้ความรู้สึกขึ้นเรื่อยๆ ไปตามเสียงตะโกนจนคอแทบแตกของผู้ดำเนินการประมูลและเสียงโห่ร้องของผู้ชมรอบด้าน ความหวาดกลัวและอ่อนแอในดวงตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นกรุ่นโกรธ นางสัมผัสได้ถึงเมล็ดพันธุ์ของความชั่วร้ายและอาฆาตของโลกใบนี้ที่กำลังเติบโตแผ่ลามไปในใจนางอย่างบ้าคลั่ง

มีเพียงยามมองแผ่นหลังของคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินที่ยืนอยู่ข้างกายเท่านั้น สายตาของนางถึงจะสงบลงบ้างเล็กน้อย ในยามที่มืดมิดที่สุด คนแปลกหน้าคนนี้ปกป้องศักดิ์ศรีของนางไว้

“ครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้าย ยังมีใครเสนอราคาเพิ่มอีกหรือไม่? หากไม่มี ธิดาคนโตของขุนพลเจิ้นกั๋วคนนี้ก็จะตกเป็นของท่านลูกค้าหมายเลขสิบห้าแล้ว…” ผู้ดำเนินการประมูลหัวขาวยกค้อนประมูลขึ้นสูง

หลี่มู่ที่สวมหน้ากากยืนอยู่ข้างกายถังถังมองไปยังหอหมายเลขสิบ

น่าแปลก พวกหวางเฉินยอมแพ้แล้วรึ?

เมื่อเขากระตุ้นค่ายกลที่แอบวางเอาไว้ในใจ ก็มองเห็นทุกสิ่งในหอหมายเลขสิบ หวางเฉินที่ใบหน้าร้อนรน แล้วก็ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบ รูปร่างผอมบางสวมชุดคลุมยาวสีขาว สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า มือถือกระบี่…

“ที่แท้ก็…ไม่มีเงินแล้ว”

จากการแอบสอดแนม หลี่มู่รู้เหตุการณ์ภายในอย่างกระจ่างแจ้ง

ท่าทางองค์หญิงที่หวางเฉินติดตามคนนี้จะค่อนข้างเสียเปรียบแฮะ จนขนาดนี้เชียว

แต่ว่านางนำกระบี่คู่กายของตนออกมามัดจำเพียงเพื่อช่วยคน นี่ทำให้หลี่มู่ต้องมองนางใหม่ ดูแล้วองค์หญิงที่ว่านี่จะเป็นคนมีมโนธรรมเหมือนกัน

“เอาละ ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาประมูลแข่งอีก เช่นนั้นข้าขอประกาศ ถังถัง ธิดาคนโตของขุนพลเจิ้นกั๋วตกเป็นของ…” ผู้ดำเนินการประมูลยกค้อนประมูลสูง จะเคาะลงมาแล้ว

“ช้าก่อน” หลี่มู่เอ่ยปาก

ค้อนประมูลหยุดอยู่กลางอากาศ

ผู้ดำเนินการประมูลหัวขาวมองคนสวมหน้าหน้าผียิ้มสีเงินอย่างหวาดกลัว “ท่านหมายความเช่นไร?”

เขากลัวว่าจู่ๆ ผู้แข็งแกร่งโดยกำเนิดคนนี้จะคลั่งเปิดฉากสังหาร

หลี่มู่ตอบว่า “ข้าเสนอราคา…ห้าแสนแปดหมื่นตำลึงทอง”

รอบๆ ส่งเสียงฮือฮาไปทั่ว

คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินจะร่วมประมูลด้วย?

ผู้ดำเนินการประมูลอึ้งตะลึง และส่ายหน้าหลังจากตั้งสติกลับมาได้ “ต้องเป็นแขกผู้มีเกียรติที่มีป้ายสัญลักษณ์และได้รับการพิสูจน์ทรัพย์สินเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เสนอราคาได้ ถึงท่านจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทาน แต่ว่า…” ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าไม่ใช่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหรือเปล่า ถ้าจ่ายเงินห้าแสนแปดหมื่นตำลึงไม่ได้จะทำอย่างไร?

หลี่มู่ตอบน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้ารู้”

เขาหันไปยังหอหมายเลขสิบแปด “เสนอราคาตาม”

จากนั้นหอหมายเลขสิบแปดก็มีเสียงเสนอราคาตามขึ้นมาจริงๆ “ห้าแสนแปดหมื่นตำลึงทอง”

รอบด้านส่งเสียงตกใจฮือฮา

คราวนี้ ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่าคนสวมหน้ากากหน้าผียิ้มสีเงินคนนี้ที่แท้เป็นแขกผู้มีเกียรติลึกลับของหอหมายเลขสิบแปดนั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา