จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 266

ในโถงหลัก นอกจากหลี่กังแล้ว ยังมีที่ปรึกษาและขุนนางผู้ช่วยอีกหลายคน ตอนนี้ก็ล้วนประเมินหลี่มู่ด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้เช่นกัน สำหรับผู้ที่ชื่อเสียงเลื่องลือในฉางอันช่วงนี้ พวกเขาล้วนสนอกสนใจกันนัก อีกทั้งคนผู้นี้ยังมีความสัมพันธ์พิเศษกับใต้เท้าเจ้าเมืองอีกด้วย

“อยากจะขอให้ใต้เท้า เปิด ‘กระจกสยบฟ้า’ ให้ข้าตรวจสอบตัวตนของคนที่เหนี่ยวนำพลังฟ้าดิน ใช้พลังตราดัชนีทองลอบโจมตีสหายของข้าที่หน้าประตูสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ในวันนั้น” หลี่มู่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน

หลี่กังท่าทางสงบ หลังจากได้ฟังก็เอ่ยอย่างราบเรียบ “ ‘กระจกสยบฟ้า’ เป็นอาวุธสำคัญของแผ่นดิน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยใช้เพราะเรื่องส่วนตัว”

นี่นับว่าปฏิเสธแล้ว?

แต่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของหลี่มู่

“มีเงื่อนไขอะไร ใต้เท้าบอกมาเถิด” เขากล่าว

ในเมื่อเจ้าเมืองแก่หน้าหยกคนนี้ให้เจิ้งฉุนเจี้ยนมาบอกตนว่าให้ตนมาพบด้วยตัวเอง แสดงว่าจะต้องมีเรื่องให้พูดคุย ไม่มีทางเรียกตนมาเพื่อพูดจาไร้สาระไม่มีประโยชน์แบบนี้ นี่ก็แค่ต่อรองกันเท่านั้น

หลี่กังมองหลี่มู่อย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง คิ้วขมวดเล็กน้อย สุดท้ายก็โบกมือเบาๆ

ที่ปรึกษา ขุนนางผู้ช่วย และองครักษ์ในโถงที่อยากรู้อยากเห็นพากันจากไปอย่างยังไม่หายอยาก

ทั้งโถงใหญ่เหลือแค่หลี่มู่และหลี่กังสองคน

“ไม่เจอกันแปดปี นิสัยเจ้าเปลี่ยนไปเยอะนัก กล้าต่อรองกับข้าแล้ว” หลี่กังนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะ คิ้วตาฉายประกายทรงอำนาจเต็มที่

หลี่มู่ไม่พูดอะไร

หลี่กังเอ่ยขึ้นอีกดังคาด “หลายปีมานี้ คนที่กล้าต่อรองกับข้ามีไม่มากแล้ว”

พูดมากความเสียจริง

หลี่มู่กล่าวบ้าง “ใต้เท้าเจ้าเมือง พวกเราเข้าเรื่องเลยเถอะ”

หลี่กังยิ้มราบเรียบ เอ่ยอย่างหยอกล้อว่า “ได้ แต่เจ้าต้องรู้ไว้ เงื่อนไขที่ข้าขอไม่มีทางทำได้ง่ายๆ”

‘ยังมาพูดจาเลอะเทอะอีก

ก็พูดมาสิโว้ย’

หลี่มู่บ่นงึมงำในใจ “ใต้เท้าเจ้าเมืองเชิญพูดมาเถอะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าหลี่กังค่อยๆ คืนสู่ความสงบ ก่อนจะพยักหน้าพูด “ได้ แต่ว่าก่อนนั้น เจ้าพบกับคนคนหนึ่งก่อน” พูดแล้วก็หันหน้าไป “พี่ชิ่งจือ ออกมาเถิด”

ข้างหลังโถงใหญ่ ร่างเงาหนึ่งเดินออกมาจากหลังฉากกั้นลมหยกทองอย่างเนิบช้า

เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดูแล้วประมาณห้าสิบกว่าๆ รูปร่างสูงโครงใหญ่ สวมชุดคลุมยาวผ้าป่าน แต่งตัวเรียบง่ายนัก ผมสีดอกเลา แต่หวีเรียบร้อยแล้วใช้ปิ่นไม้สีแดงปักเอาไว้ ทั่วร่างไม่มีเครื่องประดับมีค่าอะไร การแต่งตัวทั่วร่างของเขาก็เหมือนกับหน้าตา เรียบง่ายไม่หวือหวา

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจหลี่มู่คือ สองแขนของคนผู้นี้

สองแขนยาวเลยเข่า กระดูกหนากว่าคนทั่วไปมาก นิ้วมือทั้งสิบยาวกว่าคนธรรมดาหนึ่งในสาม กระดูกนิ้วมือใหญ่หนา มีแสงประกายสีน้ำตาลลอยเอ่อรางๆ ราวกับเป็นฝ่ามือที่ทำขึ้นจากกรวดทราย อัตราส่วนแขนกับมือเทียบกับทั้งตัวของคนคนนี้แล้วไม่สมดุลยิ่ง จึงค่อนข้างแปลกประหลาด

นี่เป็นผู้แข็งแกร่งโดยแท้

อีกทั้งน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่วิชาหมัดน่าพรั่นพรึง อย่างน้อยก็ขั้นเหนือมนุษย์

หลี่มู่แอบตกใจ

การปรากฏตัวขึ้นของชายวัยกลางคน ทำให้เขารู้สึกว่าในอากาศมีแรงกดดันไร้รูปร่างทะลักมาอย่างเงียบงัน พลังของคนคนนี้เหนือกว่า ‘เทพสังหารผมสีชาด’ จางปู้เหล่ามากแน่นอน

หลี่มู่แอบเตรียมพร้อมระมัดระวัง

หลังจากชายวัยกลางคนเดินออกมา สายตาก็จับอยู่ที่ร่างของหลี่มู่ ประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไร

“พี่ชิ่งจือเชิญนั่ง” หลี่กังเกรงใจคนคนนี้มาก รอจนเขานั่งเรียบร้อยแล้วถึงได้แนะนำกับหลี่มู่ “พี่ชิ่งจือคือผู้อาวุโสสำนักขุนคีรี เมื่อยี่สิบปีก่อน ชื่อของ ‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สะท้านเกรียงไกรไปทั่วฉินตะวันตก ยามนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มก้งเฟิ่งของสำนักตรวจการแห่งจักรวรรดิ พี่ชิ่งจือจะคุยเงื่อนไขวันนี้กับเจ้า”

หลี่มู่ได้ฟัง ก็พลันเข้าใจอะไรทันที

เป็นคนของสำนักตรวจการอย่างนั้นรึ

‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สวีเซิ่ง ชื่อรองชิ่งจือ ผู้อาวุโสจากสำนักระดับหนึ่งขุนคีรี หนึ่งในก้งเฟิ่งของสำนักตรวจการสาขาหลักเมืองฉิน ในข้อมูลที่เจิ้งฉุนเจี้ยนให้มาก็เน้นถึงบุคคลผู้นี้ ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง สมญาหมัดเทวะไร้พ่าย เขาเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่สำนักตรวจการส่งมาเมืองฉางอันแทนนายตรวจลู่หลีจื่อก่อนหน้านี้

จากคำวิจารณ์ของเจิ้งฉุนเจี้ยน ระดับความอันตรายของ ‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สวีเซิ่งจัดอยู่ในอันดับต้นๆ เป็นรองแค่องค์ชายสองที่ฐานะสูงส่งอำนาจล้นฟ้า

ก่อนหน้านี้ลู่หลีจื่อเข้ามาอย่างดุดัน สุดท้ายกลัวหลี่มู่สุดขีด ท่าดีทีเหลว ยังไม่ได้แม้แต่จะประมือกันซึ่งหน้า แต่สวีเซิ่งหลังจากมาถึงเมืองฉางอัน หลายวันแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้หลี่มู่รู้สึกแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบบุคคลยิ่งใหญ่หมัดเทวะไร้พ่ายผู้นี้ที่นี่

“ผู้อาวุโสสวี” หลี่มู่ประสานมือคารวะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา