จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 29

สรุปบท บทที่ 29 แขวนแล้วตีในความหมายที่แท้จริง: จอมศาสตราพลิกดารา

สรุปเนื้อหา บทที่ 29 แขวนแล้วตีในความหมายที่แท้จริง – จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet

บท บทที่ 29 แขวนแล้วตีในความหมายที่แท้จริง ของ จอมศาสตราพลิกดารา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 29 แขวนแล้วตีในความหมายที่แท้จริง
ProjectZyphon
ทหารรักษาการณ์สิบกว่านายที่เป็นดั่งเสือดุจหมาป่าพุ่งเข้าไป ไม่เปิดโอกาสให้อธิบายอะไร จับจอมยุทธ์ยอดฝีมือทั้งสามที่สูญเสียพลังต่อสู้ไปแล้วมัดไว้ ก่อนจะแขวนกลับหัวกลับหางบนต้นไม้เก่าแก่อายุร้อยปีด้านข้าง

“ฮ่าๆๆ…พวกเจ้าสองสามคนน่ะ…ข้าถามหน่อยว่ายังมีใครอีก?” หลี่มู่หัวเราะเสียงดัง มองไปที่จอมเสเพลทั้งสามและคุณชายผู้สูงศักดิ์หลี่ปิง “ยังมีใครอีก?”

คุณชายหลี่ปิงสีหน้าบึ้งตึง

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เขายิ้มเย็นพลางเอ่ย

หลี่มู่เหยียดยิ้ม “อ้อ? สู้ไม่ได้ก็จะใช้สถานะทางสังคม? ช่างเป็นวิธีดั้งเดิมจริง ฮ่าๆ ข้าไม่กลัวที่จะพูดความจริงกับเจ้าว่าข้าไม่รู้” พูดจบก็ไม่รอคุณชายผู้สูงศักดิ์เปิดปาก เอ่ยต่อไปว่า “แล้วข้าก็ไม่อยากจะรู้ด้วย ตอนนี้ข้าอยากแขวนลงโทษคนพาลที่ไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้า”

“อย่าคิดว่าเป็นขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้” คุณชายผู้สูงศักดิ์หัวเราะเสียงเย็น “บนโลกใบนี้มีคนบางคนที่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้”

หลี่มู่สุดจะไร้คำพูด

‘ฉันเป็นคนต่างโลก อีกทั้งอนาคตจะกลายเป็นคนต่างโลกที่เป็นเซียน ต้องกลัวมนุษย์บนดวงดาวที่มีศิลปะการต่อสู้ในระดับล่างด้วยหรือ?’

เขาเริ่มโกรธ หันไปทางทหารรักษาการณ์ที่จับสามจอมเสเพลแขวนแล้วสั่งว่า “มัวยืนงงอะไรกัน ไปหาแส้มาแล้วตีพวกมันให้ข้าสิ แขวนฟาด แขวนฟาด แขวนแล้วจะไม่ตีได้อย่างไร”

ทหารหลายนายนั้นตอบรับคำสั่ง ไม่นานก็นำแส้ที่ไม่รู้ไปหามาจากไหนมาหลายเส้น พวกเขาตีจนหมุนราวกับลูกข่าง คนเสเพลทั้งสามได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงโดนเฆี่ยนจนร้องโหยหวนเรียกหาบิดามารดา

“ถุย! จอมยุทธ์ยอดฝีมืออะไรเล่า…โดนตีแล้วก็ร้องไห้เหมือนกันหมด ดื่มเหล้าก็เมา เมาแล้วก็อ้วก อ้วกแล้วก็ร้อง รับดาบก็เลือดออก ยังคิดว่าดาบหอกฟันแทงพวกเจ้าไม่เข้าอีก ฮ่าๆ ดูซิว่าต่อไปพวกเจ้าจะวางท่าอย่างไรอีก” หลี่มู่หัวเราะอย่างมีความสุขนัก

ด้านหมิงเยวี่ยเด็กน้อยซื่อบื้อที่หัวรุนแรงก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น แย่งแส้มาหนึ่งเส้นแล้วเริ่มฟาดให้เอง

“เจ้า…อย่าทำอะไรเกินเหตุนักเลย” สีหน้าคุณชายผู้สูงศักดิ์ไม่น่าดูนัก

หลี่มู่ยกมือขึ้น “เมื่อครู่ใครบอกว่าอยากควักลูกตาข้า?”

“ยึดถือความยุติธรรมไม่ยกโทษให้คนผิด เป็นนิสัยที่ไม่ดีมาก แล้วเจ้าจะต้องชดใช้เพราะเรื่องนี้” คุณชายผู้สูงศักดิ์คำรามเสียงต่ำ กล่าวขมขู่ออกมา

“ยึดถือความยุติธรรมแล้วยกโทษให้คนผิด นับว่าเป็นคนโง่” หลี่มู่กำหมัดพลางหัวเราะ เดินเข้าใกล้ทีละก้าว

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” คุณชายหลี่ปิงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

เขาเริ่มรู้สึกผิดที่มาอำเภอขาวพิสุทธิ์เพื่อดูความครึกครื้นบ้างแล้ว

“ข้าอยาก…” หลี่มู่ลากเสียงยาว เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาชี้ขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ดูสิ มีเครื่องบิน”

“เครื่องบิน? อะไร?” คุณชายหลี่ปิงหันศีรษะตามโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานั้น หลี่มู่ก็ลงมือทันที

เท้าทั้งสองปล่อยพลังออกมา พลังน่าสะพรึงแผ่กระจายลงพื้นดิน พื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาเกิดเสียงระเบิด แผ่นหินแตกเป็นเสี่ยงราวกับใยแมงมุม พลังกระตุ้นให้ฝุ่นตลบขึ้นมาลอยฟุ้งจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขามาปรากฏตัวอยู่หน้าคุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ หนึ่งหมัดสวนออกมา

ลมหมัดโหมรุนแรง เกิดเสียงราวกับไฟลุกโชนขึ้น

หมัดห้าธาตุ หมัดไฟ

คุณชายผู้สูงศักดิ์แผดเสียง “เจ้ากล้าลอบโจมตี…”

แต่แม้จะเป็นเวลาฉุกละหุกในชั่วพริบตา เขาก็ยังตอบโต้กลับมาได้ พัดหยกขาวในมือมีเสียงพรึ่บแล้วเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวสายหนึ่ง พลังของมันเหมือนทวน พุ่งไปที่หมัดของหลี่มู่

ตู้ม!

ฝุ่นสีขาวระเบิดกระจายในอากาศ

หลี่มู่ไม่หลบหลีก ส่งหมัดปะทะกับพัดหยกโดยตรง พัดหยกที่สูงค่าระเบิดกลายเป็นผงทันที กลไกเข็มลับที่ซ่อนอยู่ในพัดทั้งหมดล้วนถูกระเบิดไปด้วย อาวุธพิสดารที่ทั้งโดดเด่นทั้งทำร้ายศัตรูได้ซึ่งคุณชายหลี่ปิงทุ่มเงินสร้างขึ้นกลายเป็นผุยผงไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน คุณชายผู้สูงศักดิ์รู้สึกถึงเพียงพลังที่น่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายได้ พัดหยกขาวซึ่งระเบิดออกส่งแรงมาตามแขนเขาดั่งทะเลคลั่ง นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือโดนแรงสั่นสะเทือนจนเนื้อหนังแตก…

“สมควรตาย…‘ทะลวงพสุธา’ ปลดปล่อยออกมา!”

เขาคำรามแล้วกระทืบเท้าซ้ายลงพื้นดิน กำลังภายในหมุนเวียน กระตุ้นวิชาลับ ‘ทะลวงพสุธา’ เขาดึงพลังที่หลั่งไหลเข้าในกายส่งผ่านไปยังพื้นใต้เท้า ส่งผลให้เกิดการระเบิดเหมือนมีดาวตกปะทะ พื้นหินเขียวหลายสิบชิ้นปลิวกระจายเหมือนเศษกระดาษ ขณะเดียวกันรองเท้าหนังกวางของเขาเปิดออก ฝ่าเท้าโชกเลือด…

ทว่า จะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการรับพลังจากหมัดเดียวของหลี่มู่เท่านั้น

“ความแข็งแกร่งยังพอไหว แต่สมองอย่างกับเมล็ดแตงโมไปหน่อย ให้เจ้าดูเครื่องบินเจ้าก็หันไปดูเครื่องบิน” หลี่มู่มีอำนาจไม่เมตตาคนผิด เขาระเบิดเสียงหัวเราะก่อนเข้าประชิดอีกครั้ง หนึ่งหมัดถูกส่งออกไป

ท่ามกลางลมหมัดมีเสียงระลอกคลื่นรางๆ

นี่คือหมัดน้ำในบรรดาหมัดห้าธาตุ

‘หมัดห้าธาตุ’ เป็นวิชาหมัดที่ธรรมดานัก ไม่มีลักษณะพิเศษอะไร ทุกกระบวนท่าไม่มีกลเม็ดอะไรซับซ้อน แต่เป็นเพราะหลี่มู่ใช้ ‘พลังก่อนกำเนิด’ พัฒนาร่างกาย จังหวะการต่อสู้ดีเยี่ยม เวลาที่ออกหมัดและองศาของหมัดเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ คุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียโอกาสจึงต้องเผชิญหมัดนี้โดยไม่อาจหลบเลี่ยง ได้เพียงแต่กัดฟัน ยกแขนส่งฝ่ามือฝืนรับแรงหมัดอีกครั้ง

ปัง!

ฝ่ามือและหมัดประสานกัน เกิดเป็นเสียงต่ำทุ้ม

วิชาลับ ‘ทะลวงพสุธา’ ของคุณชายผู้สูงศักดิ์ถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด อัดพลังส่วนใหญ่ลงไป แต่แขนก็ยังยากที่จะรับไหวจนเกิดเสียงกระดูกร้าว ทั่งร่างราวกับเป็นตะปูหนึ่งเล่ม ส่วนล่างตั้งแต่เข่าลงไปถูกตอกฝังลงไปในดินใต้พื้นหินเขียวทั้งสองข้าง

“สารเลว เจ้าลอบโจมตี ไม่นึกว่าเจ้า…” เขาโกรธจนแทบบ้า ใบหน้าแดงก่ำ มุมปากมีเลือดไหล

หลี่มู่ยกมือขึ้นแล้วต่อยลงไปอีกหมัด “ข้าไม่ได้ขาดสติ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็กล้ามาก่อความวุ่นวายในอำเภอขาวพิสุทธิ์ทั้งนั้น…กากเดนที่ความสามารถไม่ถึงเช่นเจ้ายังกล้ามาทำเก่งต่อหน้าข้า ข้าจะตีเจ้าให้พิการเป็นไม้เท้าคน”

“อ๊าก…” เหมือนเหยี่ยวที่ถูกยิงด้วยศร คนเสเพลผู้นั้นถูกลูกธนูปักเข้าที่เข่า จึงตกจากกำแพงร่วงหล่นสู่พื้น

ทหารรักษาการณ์พุ่งตัวเข้าไปทันใด จัดการล้อมเขาเอาไว้

คนเสเพลผู้นั้นยังอยากต่อต้าน แต่ศรอีกดอกถูกยิงเข้ามาดังฟึ่บ ถากเข้ากับหนังศีรษะ เส้นผมของเขาร่วงสยายลงมา

ในเวลานี้ เขาตกใจกลัวจนฉี่จะราดแล้ว และไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกต่อไป เขาถูกทหารเตะข้อพับให้คุกเข่าลง จากนั้นใช้เชือกหนังวัวมัด ลากไปแขวนกลับหัวกลับหางที่ต้นไม้เก่าเช่นกัน

“ศรเทพหนอศรเทพ ทักษะการยิงธนูของใต้เท้า ข้าน้อยชื่นชมยิ่งนัก” คนช่างประจบเฝิงหยวนซิงกระเถิบมากล่าวชื่นชม

หลี่มู่หัวเราะลั่นอย่างให้ความร่วมมือ

มีหลายครั้งที่คนอื่นยกยอเราเพื่อให้เรามีความสุข ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำว่าตนเก่งกาจนักเพื่อให้ผู้อื่นเขาอับอาย

เวลานี้ จอมเสเพลที่เหลืออยู่สองคนมองเห็นสถานการณ์ รู้ว่าวันนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือมารขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ กระทั่งคุณชายหลี่ปิงยังโดนแขวนกลับหัวกลับหาง พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้เลย

ดังนั้นทั้งสองคนจึงยอมแพ้ไม่ขัดขืน

ทหารรักษาการณ์พุ่งเข้าไปดุจเสือดั่งหมาป่า มัดพวกเขาแขวนกลับหัวกลับหางบนต้นไม้เก่าแก่เช่นกัน

“ตีเสร็จเก็บงาน”

หลี่มู่ส่งธนูทรงพลังให้ทหารที่อยู่ข้างเขา รอยยิ้มบนหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ผู้คนบนถนนที่มุงดูอยู่กับกองทหารชั้นดีส่งเสียงให้กำลังใจอีกยก

มีขุนนางเมืองทรงพลังเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคสำหรับคนทั้งอำเภอเมือง

โดยเฉพาะอำเภอขาวพิสุทธิ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขุนนางเมืองคนก่อนออกจากราชการเข้าป่าลึกไปแสวงหาเต๋า ผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่เช่นผู้ช่วยขุนนางเมืองกับนายตรวจการขัดแย้งกันภายใน พรรคก็ใช้กำลังเข้าครอบงำ รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ ผลคือทั้งอำเภอเหนื่อยล้ามากขึ้นทุกวัน พลเมืองทุกคนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ล้วนทุกข์ทรมาน

ตอนนี้หลี่มู่เพิ่งมาอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังไม่ถึงสองเดือนดี ก็ขับไล่เมฆหมอกดำในอดีต ตัดสินคดีชัดเจน เคร่งครัดในกฎหมาย พรรคทั้งหลายไม่กล้าก่อปัญหา ขุนนางไม่กล้าฉ้อฉล ทุกคนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบๆ ตัวอย่างชัดเจน แล้วทำไมพวกเขาจะไม่สนับสนุนหลี่มู่กันเล่า?

“ใต้เท้า จะจัดการเช่นไรดี?” เฝิงหยวนซิงขอคำแนะนำ

“ฮ่าๆๆ พูดไปหมดแล้ว ต้องแขวนแล้วตี จะแขวนอย่างเดียวแล้วไม่ตีไม่ได้ ข้าผู้นี้พูดคำไหนคำนั้น เริ่มจากลงแส้คนละร้อยครั้งค่อยว่ากัน ฮ่าๆๆ”

หลี่มู่พึงพอใจกับผลของการต่อสู้ในวันนี้มาก

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา