นับจากที่พวกอู๋เป่ยเฉินกลับมายังด่านชายแดน ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว
เหตุการณ์การเดินทางไปสุสานทหาร เหล่าทหารชายแดนไม่เคยพูดกับใคร แม่เฒ่าไช่กับหลานก็ถูกจัดให้มาอยู่ที่ด่านเมืองมังกร ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข
และเนื่องจากได้รับคู่มือกระบี่ ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า’ ที่หลี่มู่มอบให้ พลังของทหารชายแดนหลายนาย รุดหน้าทะยานขึ้นภายในเวลากว่าครึ่งปีนี้
โดยเฉพาะอู่เป๋ยเฉิน
พรสวรรค์ด้านกระบี่ของเขายอดเยี่ยมมาก บูรณาการกระบี่สวรรค์สามสิบหกท่าในขั้นแรกได้แล้ว และฝึกฝนได้รวดเร็วยิ่ง ในศึกใหญ่ชายแดนหลายครั้ง เขาช่วยคลี่คลายสถานการณ์อันตราย สร้างคุณูปการครั้งใหญ่ ตอนนี้ได้เป็นขุนพลรักษาการณ์ประตูบูรพาของด่านเมืองมังกรแล้ว หากเทียบกับเมื่อวันวาน ก็เลื่อนขึ้นมาถึงสี่ขั้น
ส่วนนายทหารชายแดนคนอื่น นอกจากคนหนึ่งที่โชคร้ายตายไปในศึกสงคราม คนที่เหลือได้เลื่อนขั้นกันทั้งสิ้น นับว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ในหมู่ทหารชายแดนทีเดียว
พูดได้ว่า การพบกันที่สุสานทหารเมืองฉางอันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้นายทหารชายแดนหลายคนจึงเคารพและซาบซึ้งใจหลี่มู่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้ข่าวคราวที่หลี่มู่สังหารองค์ชายสอง เอาชนะ ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ ท้ายสุดยังได้รับแต่งตั้งเป็นไท่ไป๋อ๋องแพร่กระจายไปทั่ว พวกอู๋เป่ยเฉินทหารชายแดนล้วนรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่ากลับไปไหว้เพื่อนร่วมรบที่จากไปครั้งหนึ่ง จะได้พบเจอกับบุคคลที่สั่นฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้
ปฐมเทวะเชียวนะ
สำหรับจอมยุทธ์มากมาย สองคำนี้คิดอย่างไรก็รู้สึกว่าช่างสูงส่งเหลือประมาณ ทำเอาคนเวียนหัวตาลาย
พวกเขาหลายคนฝังประสบการณ์ส่วนนี้ลงลึกในใจ ให้เป็นภาพอันงดงามในชีวิต ไม่ป่าวประกาศให้ใครฟัง
ไม่คิดเลยว่าวันนี้ที่ด่านเมืองมังกร จะได้มาพบกับหลี่มู่อีกครั้ง
อู๋เป่ยเฉินรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากสนทนาง่ายๆ เขาพาหลี่มู่มายังนอกประตูเรือนเล็กที่แม่เฒ่าไช่และหลานสาวพักอยู่
“ไช่ไช่ ไช่ไช่ มาดูเร็วว่าใครมา” อู๋เป่ยเฉินผลักประตูเข้าไป
แม่เฒ่าไช่ที่กำลังซักผ้าอยู่ในเรือนเมื่อได้ยินก็รู้ทันทีว่าใครมา นางเอ่ยกลั้วยิ้มขณะบิดผ้าเปียก “เป่ยเฉินเอ๊ย วันนี้ทำไมกลับมาตอนนี้ ไช่ไช่ไปฝึกที่โรงฝึกกระบี่เหล็กแล้ว เอ๋ นี่…อา ใต้เท้าหลี่มู่ ท่าน…”
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นถึงเห็นหลี่มู่ที่ยืนอยู่ข้างกายอู๋เป่ยเฉิน ก็ลุกขึ้นอย่างยินดีทันที
“แม่เฒ่าไช่” หลี่มู่ทักทายด้วยรอยยิ้ม
กำลังวังชาของท่านย่ายังดีอยู่ ร่างกายก็ดูแข็งแรงขึ้นมาก
“ใต้เท้าหลี่ ท่านมาได้อย่างไรกัน” แม่เฒ่าไช่ดีใจมาก เป็นถึงผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตไว้ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะหลี่มู่ นางกับไช่ไช่ตายอยู่ที่ประตูสุสานทหารนั่นแล้ว
“ข้ามีธุระผ่านมาทางด่านเมืองมังกร ไปเจอกับพี่อู๋บนถนนเข้าพอดี ดังนั้นจึงแวะมาหาท่านกับไช่ไช่” หลี่มู่เอ่ย “ดูร่างกายท่านสิ คงใช้ชีวิตที่ชายแดนนี่สบายดีสินะ”
“ดีเจ้าค่ะ ดีมาก” คนเราเมื่อเจอเรื่องดีจิตใจก็ดีตาม แม่เฒ่าไช่รีบชวนหลี่มู่ให้นั่งลง แล้วยกอาหารส่วนหนึ่งเข้ามา เป็นของเฉพาะที่ด่านชายแดนทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ทำจากเนื้อแพะ ด้านนอกด่านเมืองมังกรไปคือที่ราบทุ่งหญ้าแล้ว อาชีพปศุสัตว์จึงค่อนข้างพัฒนา
เพียงครู่เดียว ทหารชายแดนคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาจากการแจ้งของอู๋เป่ยเฉิน เมื่อเห็นหลี่มู่ก็พากันทำความเคารพ ท่าทางนอบน้อม
“พี่ใหญ่บ้าบอ…”
ไช่ไช่ก็รีบกลับมาเช่นกัน
เด็กสาวอยู่ในชุดจอมยุทธ์กระบี่ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อกันหนาวขนแกะหนังกลับ มือกำกระบี่เหล็กเล่มหนึ่ง ยังไม่ทันเห็นตัวก็ได้ยินเสียงก่อนแล้ว นางวิ่งตึงตังเข้ามาจากด้านนอกขณะแก้มแดงเรื่อ เมื่อเห็นหลี่มู่ก็โถมตัวเข้าอ้อมอกทันทีด้วยอาการตื่นเต้นอย่างมาก
นางกำลังฝึกกระบี่อยู่ที่โรงฝึกกระบี่เหล็ก พอดีมีทหารเข้ามาแจ้งว่าที่บ้านมีแขกพิเศษมาหา ให้นางรีบกลับบ้าน ในใจยังรู้สึกงงอยู่เลย นอกจากท่านอาไม่กี่คนแล้ว นางก็ไม่มีญาติที่ไหนแล้วนี่
ผลลัพธ์คือระหว่างทางกลับมาพบอู๋เป่ยเฉินที่กำลังซื้อสุราผักและเนื้ออยู่ จึงถามเขาเล็กน้อย และได้รู้ว่าคนที่มาคือหลี่มู่ เพียงครู่เดียวเด็กสาวก็รีบพุ่งทะยานมาตลอดทางด้วยจิตใจที่เบิกบาน วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา
หลี่มู่คลึงๆ ใบหน้ากลมของเสี่ยวไช่ไช่ “อืม โตแล้ว งามขึ้นด้วย พลังก็มากขึ้นอีก…”
อากาศที่ชายแดนเลวร้ายกว่าที่เมืองฉางอันมากแน่นอน แต่เสี่ยวไช่ไช่ที่มีเนื้อกินก็ยังเติบโตแข็งแรง สูงขึ้นกว่าเมื่อครึ่งปีที่แล้วหนึ่งศีรษะ แก้มก็อวบอิ่มขึ้นมาก รูปร่างเริ่มเจริญเติบโต เปลี่ยนเป็นผอมสูง โตเป็นสาวงามที่เปี่ยมด้วยความเยาว์วัย
อีกทั้งนิสัยของเด็กสาวก็ดูสดใสร่าเริงขึ้นมาก
ไม่นานแม่เฒ่าไช่ก็จัดสำรับร้อนๆ โต๊ะใหญ่ออกมาต้อนรับขับสู้
หลี่มู่เดิมทีกินจากแผงข้างทางมาพอควรแล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารก็อดน้ำลายสออย่างไม่ได้ ถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องรอชิวอิ่น ยังไปจากด่านเมืองมังกรไม่ได้ จึงนั่งลงและกินเข้าไปอย่างไม่จำกัด
“พี่ใหญ่บ้าบอ ท่านจะอยู่ที่ด่านเมืองมังกรนานหน่อยใช่หรือไม่?” เสี่ยวไช่ไช่กะพริบตาโตปริบๆ ทำหน้าเฝ้ารอคอย
หลี่มู่ลูบหน้าผากไปมา
เปลี่ยนชื่อเรียกหน่อยได้ไหมเล่า
ฉายาที่แต่งขึ้นลวกๆ ในตอนแรก เหมือนกับขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆ
“เดิมทีวันนี้จะออกไปแล้ว แต่สหายที่นัดเอาไว้ยังมาไม่ถึง ประมาณพรุ่งนี้น่าจะออกเดินทาง”
ประกายในดวงตาไช่ไช่ส่วนหนึ่งหมองลงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา