วานรภูเขาขนทองนั้นขี้ขลาด ขณะที่ดาบพาดลงบนคอก็หวาดกลัวราวสุนัข ตีหน้ายิ้มประจบสอพลอ เดินนำทางไปอย่างว่าง่าย
ช่วยไม่ได้ วันนี้มาเจอกับดาวมรณะเข้า
หลี่มู่ใช้เนตรสวรรค์กวาดดู ลูกไม้ใดๆ ของมันต่างสลายเป็นควันไปหมดแล้ว
อีกทั้งความเร็วที่ทำให้มันจองหอง ก็ยังหนีไม่พ้นวิชาดาบเหินหาวของหลี่มู่
นี่เรียกว่าฟ้าไม่เป็นใจชัดๆ
จากการนำทางให้หลี่มู่ มันพามาถึงส่วนลึกของลานแสดงธรรมรกร้างอย่างระมัดระวัง
พื้นที่นี้มองเห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตได้บางส่วน เห็นชัดว่านี่คือ ‘บ้าน’ ของวานรภูเขาขนทองนี้ แต่ไม่ได้ดูเป็นระเบียบเหมือนพื้นที่รกร้างก่อนหน้า เมื่อหลี่มู่เห็นก็เข้าใจว่าเจ้าวานรภูเขาเป็นสุนัขโดดเดี่ยวที่น่าเวทนา
ระหว่างที่หลี่มู่ใช้คมดาบชี้ วานรภูเขาเดินอ้อมต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างระมัดระวัง ท้ายสุดจึงมาถึงใต้ผา เมื่อย้ายต้นไม้ยักษ์พันปีที่แห้งเหี่ยวสองต้นออก ด้านหลังก็ปรากฏประตูหินบานหนึ่งขึ้น มันร้องอู้ๆๆ พลางชี้ประตูหิน ความหมายคือสมบัติอยู่ด้านหลังประตูหินนี้
หลี่มู่มีหรือจะติดกับ?
เขาบังคับให้วานรภูเขาขนทองเปิดประตูหิน
ด้านหลังมีห้องหินอยู่หลายห้อง กว้างและสว่าง เพดานโค้งด้านบนแขวนไข่มุกราตรีไว้ สามารถเปล่งแสงและขจัดฝุ่นได้ ดังนั้นทั้งห้องหินจึงแทบไม่มีฝุ่นอยู่เลย ห้องโถงใหญ่ตรงกลางมีทางแยกออกไปยังห้องหินอื่นๆ มองเห็นได้ว่าในห้องโถงใหญ่นั้นมีชั้นหนังสือสีม่วงอยู่หนึ่งหลัง ด้านบนวางม้วนบันทึกคัมภีร์ กระบอกพู่กัน ม้วนกระดาษ และบันทึกไม้ไผ่ไว้ ล้วนเป็นของโบราณทั้งสิ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายความสันโดษ นอกจากนี้บนพื้นยังมีเบาะนั่งผ้าป่าน มีร่องรอยการนั่งราวกับว่า…
“ด้านในมีอะไร?” ราชาปีศาจหลี่ถามขึ้นอย่างโหดเหี้ยมชั่วร้าย
วานรภูเขาขนทองร้อง “อูๆๆ…”
หลี่มู่ยกมือขึ้นกระหน่ำทุบเสียหนึ่งชุด จากนั้นเอ่ยต่อ “พูดภาษาคน”
วานรภูเขาขนทองโวยวาย
โอ้ ลืมไปว่ามันพูดภาษาคนไม่เป็น
หลี่มู่เปลี่ยนวิธี เอ่ยว่า “เข้าไป เอาสมบัติด้านในออกมาให้ข้า”
วานรภูเขาขนทองรีบส่ายศีรษะ ท่าทีหวาดกลัวสุดขีด โบกไม้โบกมือวาดอะไรบางอย่าง เหมือนจะบอกว่าทางเข้าห้องหินนั้นอันตราย
“เจ้านี่มัน…อันตรายแล้วยังจะให้ข้าเข้าไปอีก…” หลี่มู่ยกมืดฟาดดาบลงไปอีกหลายที
วานรภูเขาขนทองร้องเสียงประหลาดอู้ๆ อ้อนวอนขอความเมตตา
หลี่มู่คิดๆ ดู เมื่อเห็นว่าเจ้านี่ถูกตีจนกลัวลนลานหมดแล้ว ดูเหมือนจะไม่จงใจแกล้งตนเองอีก เป็นไปได้ว่าพลังของมันคงไม่พียงพอที่จะเข้าไป แต่ด้วยพลังของตัวเขาน่าจะลองดูหน่อยได้?
แต่ปัญหาคือ ในห้องหินนี้มีอะไรอยู่กันแน่?
คุ้มที่จะบุกเข้าไปหรือไม่?
พวกสมบัติวิชาอะไรนั้น ว่ากันตามจริง หลี่มู่ไม่ได้ขาดเหลือมากเลย
สิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาจากดาราสมุทร อาวุธก็สามารถหล่อหลอมขึ้นเองได้ ซินแสเฒ่าเคยพูดไว้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้กอบกู้โลกหรือจักรพรรดิเทพเซียนอะไร ทุกอย่างพึ่งพาตนเองทั้งหมด…อืม ก็คงจะเหมือนกับที่ซินแสเฒ่าพูดมา ถึงอย่างไรจากการเห็นและเรียนรู้มาผ่านซินแสเฒ่า หลี่มู่ลงทุนกับความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้น้อยครั้งมาก
แต่ว่า ที่นี่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลานแสดงธรรมพระอาจารย์โพธิของจริงอยู่นา
ห้องหินตรงหน้านี้อยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดของเขาลานแสดงธรรม เมื่อมองให้ถี่ถ้วน หากไม่ใช่ว่าเจ้าลิงภูเขาที่โดดเดี่ยวเกียจคร้านตัวนี้ทำลายสถานที่ ความจริงอาณาเขตนี้ก็นับเป็นจุดที่ดีที่สุดของลานแสดงธรรม และห้องหินนี้ยังเต็มไปด้วยความเรียบง่ายตามวิถีเต๋าอย่างหนึ่ง ไม่มีทางเป็นที่อยู่ของคนธรรมดาเด็ดขาด น่ากลัวว่าจะเป็นที่พำนักของพระอาจารย์โพธิ
ดวงตาของหลี่มู่จับจ้องม้วนหนังสือกับบันทึกไม้ไผ่พวกนั้นบนชั้นหนังสือในห้องหิน
ถ้าเป็นของจริงขึ้นมาเล่า?
แค่คิดถึงวิชาขี่เมฆาเหินฟ้า เจ็บสิบสองร่างแปลง…หลี่มู่ก็อดน้ำลายสอไม่ได้
จากนั้นเขาจึงยกเท้าถีบวานรภูเขาขนทองเข้าไปในประตูห้องหินอย่างไม่ลังเล
อัสนีบาตผ่าเปรี้ยงปร้าง!
แสงสายฟ้าแน่นขนัดเป็นชุดเกิดขึ้นที่ปากทางเข้าประตูหิน ทำเอาทั้งตัววานรภูเขาขนทองควันขึ้นในพริบตา ขนสีทองเปลี่ยนเป็นสีดำเกรียม กลิ่นหอมจางๆ ของเนื้อกระจายในอากาศ ก่อนที่มันจะร้องเสียงแหลม ถูกพลังลึกลับอย่างหนึ่งดีดกระเด็นออกมาจากด้านในประตูหิน
มีวิชาเต๋าอัสนีขัดขวางอยู่?
หลี่มู่ตาเป็นประกาย
ผ่านมาตั้งหลายปี การสกัดกั้นของวิชาเต๋าอัสนียังคงสมบูรณ์เช่นนี้ เพียงแตะก็แผลงฤทธิ์ นี่อธิบายได้ว่า…สิ่งของที่อยู่ในห้องหินยังถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี อย่างน้อยก็ต้องเป็นของที่ค่อนข้างล้ำค่าในลานแสดงธรรมนี้ มิเช่นนั้นขณะที่วิชาเต๋าสกัดกั้นของพื้นที่อื่นๆ เสื่อมสภาพไปหมดแล้ว ที่นี่คงไม่ครบสมบูรณ์อยู่อย่างนี้
หลี่มู่ยิ่งน้ำลายสอด้วยความระริกระรี้กว่าเดิม
เขาตาเป็นมันแล้วจริงๆ
“อู้ๆๆ…” วานรภูเขาขนทองร้องครวญ หมอบอยู่ที่ทางเข้าประตูหิน ปากกระตุกน้ำลายฟูมปาก ราวกับสูบควันหนักจนลมบ้าหมูกำเริบ
หลี่มู่คุกเข่าลงไปตรวจดู พบว่าเจ้านี่แค่ถูกไฟช็อตจนมึนงง กล้ามเนื้อกระตุกเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรมาก
หรือก็คือ พลังสายฟ้าของห้องหินนี้ไม่น่ากลัวเท่าไรนัก
กายเนื้อของวานรภูเขาขนทองแข็งแรงมาก ใช้เพียงแค่กำลังกายก็สามารถซัดขั้นเหนือมนุษย์ระดับเริ่มแรกมากมายได้ แต่เมื่อเทียบกับหลี่มู่ยังคงห่างชั้นอยู่บ้าง ในเมื่อมันยังทนได้ ก็หมายถึงว่าหลี่มู่ทานสายฟ้านี้ได้โดยที่ไม่ตายเช่นกัน จากประตูหินจนถึงห้องหินเป็นทางเดินยาวราวสองจั้ง ถ้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละชุ่นก็ใช้เวลาเพียงชั่วหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น ต้านทานสายฟ้าในเวลาหนึ่งถ้วยชา สำหรับหลี่มู่แล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้
หลี่มู่ยิ้มๆ แล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา