จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 477

ตระกูลหนานกงก็จบสิ้นในเวลาอันรวดเร็วจริงๆ

หลังจากนั้นหนึ่งวัน เหล่าขั้วอํานาจ สํานักและจักรวรรดิที่พวกเขา ไปมีเรื่องไว้ กระทั่งยังไม่ทันจะได้รุมยําสุนัขตกน�า สํานักของตระกูล หนานกงก็ได้ถูกคนลึกลับที่ทั่วร่างห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงทั้งตัวคนหนึ่ง โจมตีจนย่อยยับ

แสงกระบี่ส่องประกาย เลือดสาดซ่านกระเซ็น

เข่นฆ่าสังหารตลอดทางอย่างไม่หยุด นอกเรือนในเรือน ทุกที่ล้วน เต็มไปด้วยเสียงน่าเวทนา

ทุกสิ่งของตระกูลพันปี ค่ายกลมากมายถูกกระตุ้น ศิษย์ของตระกูล หนานกงนับไม่ถ้วนบุกตลุยและตั้งรับเหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ไม่เสียดายชีวิต ก็ยังไม่สามารถต้านทานร่างเงาสูงโปร่งที่ล้อมไปด้วย แสงสีม่วงทั่วร่างคนนี้

เปลวเพลิงเผาไหม้

เปลวไฟพุ่งขึ้นฟ้า กลืนเอาครอบครัวอํานาจราชศักดิ์พันปีนี้ไป ทั้งหมด

“ใครกัน? เจ้าเป็นใคร?”

ท้ายสุดเหลือเพียงหนานกงฉุนเหลียงคนเดียว ผมเพ้า กระเซอะกระเซิง ทั่วร่างเต็มไปบาดแผลส่งเสียงคําราม ค�ายันร่างด้วย กระบี่ที่หักราวกับสัตว์ป่าที่สู้สุดใจ

เขามองร่างเงาสีม่วงในเปลวไฟที่กําลังบีบเข้ามา ทั้งหวาดกลัวทั้ง เดือดดาล

เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น คนทั้งหมดตายเรียบ ทั้งระดับบนและ ล่างของตระกูลหนานกงล้วนถูกสังหารจนสิ้น ไม่เหลือแม้สุนัขหรือไก่ แต่กลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย พลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย วิธีการ โหดเหี้ยมเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง

อีกฝ่ายไม่พูดจา แสงม่วงบนร่างสว่างขึ้นเล็กน้อย

“เป็นเจ้า?” ม่านตาหนานกงฉุนเหลียงหดฉับพลัน มองเห็นใบหน้า ของอีกฝ่ายภายใต้แสงสีม่วง เผยให้เห็นสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

แสงกระบี่สายหนึ่งสว่างวาบ

ศีรษะของผู้นําตระกูลพันปีคนนี้ลอยคว้างขึ้น

พริบตาสุดท้ายของชีวิต เขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่าฆาตกรที่สังหาร ตระกูลหนานกงจะเป็นคนผู้นี้

มีชีวิตอยู่นั้นดีกว่าตั้งมากมาย น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสเลือกอีก ……

หลี่มู่ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าผาหลังเรือนดาบ ทอดสายตามองออกไป ยังเขาขาวพิสุทธิ์ที่เมฆหมอกล้อมรอบ ยืดร่างตรงเหมือนอารมณ์ ชุด ขาวบนร่างโบกลมสะบัด มีปราณแห่งการหลุดพ้นในตนเองอยู่

เวลาสองปี เขาปิดด่านฝึกดาบ วิถียุทธ์รุดหน้าอย่างมาก รูปร่าง ภายนอกก็เติบโตเปลี่ยนแปลง

เขาสูงขึ้นมาเป็นหกฉื่อกว่าแล้ว ยืดขึ้นมาท่อนยาว ร่างกายสูงโปร่ง ไหล่กว้างเอวแคบ รูปร่างสมบูรณ์แบบ ทุกตารางชุ่นเทียบเท่าได้กับ สัดส่วนทองคํา ผมสั้นในวันวานก็ยาวออก ห้อยลงมาถึงกลางหลัง ใช้ผ้า สีขาวรวบเอาไว้ ทุกเส้นล้วนมีแสงเล็กๆ ส่องประกายเหมือนกับน�าตกสี ดํา

การฝึกบําเพ็ญในสองปี พลังห้าธาตุของ ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิ อมตะ’ ทั้งหมดฝึกไปถึงระดับสมบูรณ์แล้ว

ระบบวิถียุทธ์ของโลกใบนี้ เมื่อฝึกฝนสามดอกไม้รวบยอดถึงขั้น สูงสุดคือฟ้าประทาน ฝึกห้าธาตุของอวัยวะภายในได้ก็จะเป็นเหนือ มนุษย์

และด้านบนของเหนือมนุษย์ ก็คือเทวะ

เทวะก็เป็นการฝึกฝนปราณแท้เช่นกัน เมื่อสามดอกไม้รวมยอด สมบูรณ์ ห้าธาตุรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว ก็สามารถเข้าสู่ขั้นเทวะ

หลี่มู่หนึ่งปีครึ่งก่อนหน้า ได้เชื่อมโยงกับ ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิ อมตะ’ จนเข้าสู่ขั้นเทวะ

และปัจจุบัน เขาฝึกบําเพ็ญอยู่ในขั้นมหาเทวะแล้ว

ก่อนหน้า ตอนที่เขาอยู่ขั้นฟ้าประทาน สามารถข้ามขั้นทวนสังหาร เทวะได้

หลี่มู่ตอนนี้ที่เข้าสู่ขั้นมหาเทวะ ห้าธาตุในร่างกายเชื่อมโยงกัน จน กลายเป็นปราณบริสุทธิ์ อยู่ในระดับที่สามารถก้มลงมองผู้แข็งแกร่งขั้น ทะลวงสวรรค์ได้ทุกคนแล้ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบในทาง ช้างเผือก จึงจะเกิดแรงกดดันขึ้นบ้าง ส่วนเรื่องแพ้หรือชนะ จําเป็นต้อง ได้สู้กันเสียก่อนถึงจะรู้

วันก่อน เขากรอกเอาปราณดาบลงไปในตราหยก สั่งให้กิ่งไผ่ผอม สูงไปส่งต่อหน้าหนานกงอวี่ มีความหมายเพื่อยืนยันระดับความซาบซึ้ง ของตนเองตลอดสองปีที่ผ่านมา

แต่หนานกงอวี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นขั้นทะลวงสวรรค์อันดับหนึ่งแห่ง แผ่นดินใหญ่เสินโจว ก็ยังไม่สามารถต้านทานต่อแสงดาบนี้ ถูกสังหาร ไปในพริบตา

ผลลัพธ์ที่ออกมาทําเอาหลี่มู่ผิดหวังอย่างมาก

บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะเป็นคู่มือเขาได้อีกแล้ว

หลายวันมานี้ หลังจากที่เขาออกจากด่าน ได้เริ่มพิจารณาถึง ปัญหาบางอย่าง หยิบเอาตําราลับการบําเพ็ญของสํานักนอกพิภพที่ชิง เฟิงจัดเรียงเอาไว้เป็นระบบมาอ่านเสียรอบหนึ่ง ก็พบว่าการบําเพ็ญวร ยุทธ์ พอถึงท้ายที่สุดแล้ว แม้จะผ่านคนละเส้นทางแต่ก็มาบรรจบที่ เดียวกัน

วิถียุทธ์ดาวดวงนี้ฝึกฝนปราณแท้ เมื่อไปถึงขั้นมหาเทวะก็จะฝึก เอาปราณบริสุทธิ์ออกมา ส่วนเหล่าผู้บําเพ็ญแห่งทางช้างเผือกนอก พิภพเน้นที่การกลั่นพลังปราณสิบสองระดับ ท้ายสุดก็จะฝึกเอาปราณ บริสุทธิ์ออกมาเช่นกัน

‘วิชาก่อนกําเนิด’ ของซินแสเฒ่าเป็นวิธีการหายใจ ก็เป็นการกลั่น ปราณเช่นกัน

ปราณ บ่อเกิดของพลังทั้งหมด

ปัจจุบัน หลี่มู่ได้ฝึกฝน ‘วิชาก่อนกําเนิด’ จนถึงขั้นที่สี่ ปราณ บริสุทธิ์นั้นอยู่ภายในร่างกาย ไม่ได้ไหลเวียนตามวิชาก่อนกําเนิดอีกแล้ว คอยบํารุงกายเนื้อ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ ก็พัฒนาไปอีกขั้น ฝึกฝน ‘สะบั้น พันดารา’ กระบวนท่าที่เจ็ดจนสําเร็จ ความแข็งแกร่งของกายเนื้อถือ เป็นที่สุดของโลกใบนี้แล้ว

“ได้เวลาย�าเข้าสู่ทางช้างเผือกเสียที”

“ซินแสเฒ่าเคยบอกไว้ ให้ข้าย�าเข้าสู่ทางช้างเผือกย้อนกลับไปดาว โลกภายในระยะเวลายี่สิบปี ก็จะสามารถช่วยเหลือโชคชะตาของดาว โลกไว้ได้ แต่ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปเพียงสี่ปีครึ่งเท่านั้น”

หลี่มู่พึงพอใจอย่างมากกับความก้าวหน้านี้

ตอนที่เพิ่งมาถึงดาวดวงนี้ หลี่มู่เป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยวัยสิบสี่ปีคน หนึ่ง แต่ตอนนี้เขาใกล้จะอายุสิบเก้าแล้ว เวลาผ่านไปถึงสี่ปี การ เปลี่ยนแปลงของตัวเขานั้นอยู่ในระดับพลิกฟ้าคว�าแผ่นดินเลยทีเดียว

หลังจากย�าเข้าสู่ทางช้างเผือก จะแก้ไขโชคชะตาดาวโลกอย่างไร? จะกลับไปที่ดาวโลกอย่างไร?

นี่คือปัญหาที่หลี่มู่กําลังพิจารณา

ยังดีที่เขาก็ไม่ได้คลําหาด้วยสองตาที่มืดบอด

พวกสิ่งของติดตัวของเหล่าผู้บําเพ็ญนอกพิภพที่ถูกหลี่มู่สังหารใน สุสานเทพนั้น นอกจากทรัพยากร สมบัติและตําราลับการบําเพ็ญแล้ว ยังมีพวกเอกสารกับปูมประวัติศาสตร์อีกมากมาย ที่อธิบายถึงทาง ช้างเผือกนอกพิภพ ซึ่งอย่างน้อยก็เรื่องการวางเค้าโครงขั้วอํานาจและ การจัดแบ่งของดาราจักรเทพวีรชน ได้อธิบายเอาไว้ค่อนข้างชัดเจน

บทที่ 477 คนที่มาจากภูเขา 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา