พริบตารอบด้านร้านบะหมี่ได้ดังขึ้นด้วยเสียงสูดปาก
ใครก็คิดไม่ถึง เห็นเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาขาวสะอาด แต่กลับร้าย กาจถึงขนาดนี้ แค่ไม่กี่ฝ่ามือก็เล่นงานเอาอันธพาลหกเจ็ดคนลงไปแผ่ พังพาบกับพื้นได้ราวกับเป็นของเล่น
ในช่วงหนึ่งปีกว่ามานี้ มีคนประหลาดคนเก่งออกมามากมาย แต่ที่ ยื่นมือได้คล่องแคล่วว่องไวแบบชายหนุ่มคนนี้ ทุกคนก็พึ่งจะเคยเห็น เป็นครั้งแรก
จางจวินจื่อรู้สึกศีรษะทั้งหมดชาดิก
ปากของเขา ฟันทั้งหมดเหมือนตะขอแขวนทีกาวหมดอายุอย่างไร อย่างนั้น ร่วงกราวออกมาจากปากทั้งแผง เขารู้ทันทีว่าครั้งนี้ตนเองมา เจอกับตัวร้ายเข้าเสียแล้ว
แต่ด้วยนิสัยที่ปกติเอาแต่กวนคนอื่นอย่างไม่รู้กาลเทศะ ทําให้เขา ตระหนักขึ้นว่าตนเองจะต้องหยาบคายไร้เหตุผล ไม่หวาดกลัว ดิ้นรน ปีนตะกายขึ้นมาเปล่งเสียงขู่คําราม “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนจากยุทธจักร
ด้วยกันนี่เอง แต่มาหาเรื่องบริษัทมังกรทะยานของพวกเรา จะทําให้แก กินไม่ได้นอนไม่หลับในเมืองนี้แน่”
ดวงตาหลี่มู่เปล่งประกายจิตสังหาร
บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว เขากระทั่งจักรพรรดิที่สูงส่งก็ยังสังหาร มาแล้ว จะสังหารอันธพาลไม่กี่คนมันยังง่ายดายกว่าบี้มดทิ้งเสียอีก แต่ พอคิดๆ ดู ถึงอย่างไรก็กลับมาบนดาวโลกแล้ว โลกที่ควบคุมด้วย กฎหมาย จะสังหารมากเกินไปก็ไม่ดี ไหนจะยังทําให้ครอบครัวของลุง เจิ้งเดือดร้อนอีก
“แกรอก่อนเถอะ”
จางจวินจื่อที่ถูกประคองด้วยศิษย์น้อง เอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล
“แกจบสิ้นแล้ว อย่าคิดว่าแค่มีฝีมือนิดหน่อยแล้วจะมายั่วบริษัท มังกรทะยานของพวกเราได้”
“กลับไปหาพี่ใหญ่ให้มาแก้แค้น”
“จับตาดูมันไว้ อย่าให้มันหนี”
“ไอ้เด็กน้อย แกจะทําตัวเป็นวีรบุรุษใช่ไหม? จะบอกให้ ถ้าเก่งนักก็ อย่าหนี ถ้าแกหนีล่ะก็ ครอบครัวตาแก่เจิ้งมีปัญหาแน่”
เหล่าอันธพาลร้องเอะอะเอ็ดตะโรด้วยความเดือดดาล
พวกเขาเกะกะระรานในช่วงรัศมีกว่าร้อยลี้จนชินแล้ว เนื่องจากมี เบื้องหลังเป็นต้นไม้ใหญ่โต ดังนั้นกระทั่งตํารวจก็ยังไม่สามารถมายุ่งกับ พวกเขาได้ง่ายๆ วันนี้ขาดทุนยับมีหรือจะยอมกล�ากลืนฝืนทนเอาไว้
หลี่มู่ยกเก้าอี้ยาวขึ้น ดึงมานั่งอยู่ด้านหน้าประตูร้านบะหมี่ เอ่ยว่า “ก็ดี อย่าว่าฉันไม่ให้โอกาสพวกแกก็แล้วกัน ฉันให้เวลาแกหนึ่งชั่วโมง พวกแกจะยกคนมาเท่าไรก็เอามา บริษัทมังกรทะยานอะไรนั่นไม่ได้อยู่ ในสายตาฉันเลยแม้แต่น้อย”
“ได้ กล้านักนะแก” จางจวินจื่อลูบหน้า หยิบโทรศัพท์ขี้นมากด เบอร์โทรออกไปทันที
หลี่มู่คิดในใจ ก็ดี ถ้าหากบริษัททะยานอะไรนี่เป็นพวกกลุ่มพวกก่อ หายนะล่ะก็ จัดการให้สิ้นซากไปเสียเลยก็แล้วกัน
ตั้งแต่ที่เขาลงมาจาก ‘ฮาร์บินเจอร์’ ก็ได้หลงทางมาตลอด วิ่งผิด ทิศผิดทางจนมาถึงเมืองอวี้เหมิน คิดจะกินอะไรรองท้องเสียก่อนแล้ว จึงค่อยไปเมืองเป่าจีหาซินแสเฒ่า ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้
ประมาณดูแล้วคงไม่ได้ทําให้เสียเวลาเท่าไรนัก จัดการเรื่องนี้ เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน
…
…
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ห้องประชุมหลัก ฐานปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียน
หลังจากฟังรายงานของซูชั่วและซ่งชางหลินจบ เหล่านายทหาร ระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญในนี้ล้วนมองหน้ากันไปมา
ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ได้ทําการวินิจฉัยทางด้านจิตใจในหลาย ด้าน และยืนยันได้ว่าร่างกาย สติของทั้งสองคนยังปกติอยู่ น่ากลัวว่าพอ ฟังเรื่องราวที่พวกเขาพูดจนจบ คงเข้าใจว่าพวกเขากําลังพูดเรื่องบ้า บออยุ่เป็นแน่
นับตั้งแต่ที่ ‘ฮาร์บินเจอร์’ หายสาบสูญเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ผ่าน เรื่องราวทั้งหมดบนดาวดวงนั้น จนถึงถ้ายสุดที่คนของสํานักผู้วิเศษ วิญญาณถูกสังหาร กลุ่มนักสํารวจวิทยาศาสตร์ได้รับการช่วยเหลือจาก ชายหนุ่มคนหนึ่ง…นี่มันเหมือนกับเรื่องราวในหนังอันเหลือเชื่อเลย จริงๆ
บนดาวดวงนี้ มีเทพเซียนที่บินขึ้นฟ้ามุดลงดิน พลิกน�าล้มทะเลได้ จริงหรือ?
พลโทหลู่ปิงสูดลมหายใจลึก
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เดาออกมาลางๆ ว่าหลังจากที่ ‘ฮาร์บิน เจอร์’ หายสาบสูญไปอย่างลึกลับสามสิบปีได้กลับมาอีกครั้ง ข้อมูล ข่าวสารที่นํามาจะต้องเป็นเรื่องน่าตกตะลึงอย่างมากเป็นแน่ แต่ไม่คิด เลยว่าจะไม่น่าเชื่อถึงระดับนี้
แต่ทว่า ความรู้สึกบอกกับเขา ว่าสิ่งที่ซูชั่วกับซ่งชางหลินพูดมานั้น ถูกต้อง
ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย แค่มองพวกเขาทั้งสองคนที่หายสาบสูญไป สามสิบปี พอกลับมาถึง รูปร่างหน้าตากับสมรรถนะร่างกายกลับไม่ เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ราวกับออกไปเพียงแค่สามสิบวันเท่านั้น แค่นี้ ก็เพียงพอที่จะยืนยันปัญหาได้กลายๆ แล้ว
แต่ว่า ข่าวสารพวกนี้จะต้องเก็บเป็นความลับ
มิเช่นนั้น พอเรื่องรั่วไหลออกไป น่ากลัวว่าจะก่อให้เกิดคลื่นแห่ง ความตื่นตระหนกลูกใหญ่โถมเข้ากับสังคมโลกมนุษย์เป็นแน่ หากไม่ จัดการดีดี อารยธรรมนับพันปีที่สร้างระบบระเบียบสังคมขึ้นมาอย่าง ยากลําบากคงได้พังทลายลงเป็นแน่
“ชายหนุ่มที่พวกเธอพูดออกมา ตอนที่ยานร่อนลงก็ได้ออกไปแล้ว เช่นนั้นหรือ? เขาออกไปอย่างไรกัน?” มีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถามขึ้น อย่างอดไม่อยู่
ซ่งชางหลินตอบ “เสี่ยวมู่มีพลังเซียนเทพ พวกเราตอนนั้นรู้สึก เพียงตาลาย จากนั้นคนก็หายไปแล้ว”
“เขาเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?” มีอีกคนถามขึ้นมา
ซูชั่วตอบ “น่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่พวกเราจินตนาการได้ ใช้ภาษาไม่ สามารถบรรยายพลังเต็มร้อยของเขาออกมาได้ ในโลกใบนั้น เขามี ตัวตนที่ไร้เทียมทาน พวกเราหลังจากที่หลุดพ้นจากการควบคุมของ สํานักผู้วิเศษวิญญาณ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนสุดท้ายก็ได้ทําการสํารวจ ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับตัวเขา”
ในห้องประชุม เสียงสูดลมหายใจลึกได้ดังขึ้นอีกครั้ง
ความจริงของเรื่องนี้ ทําเอาคนมากมายยากที่จะรับได้จริงๆ
หลี่มู่คนนี้ ฟังแล้วเหมือนเป็นยอดมนุษย์ที่ทําได้ทุกอย่าง
คนประเภทนี้ หากหลุดจากการควบคุม นั่นก็หมายถึงมหันตภัย ครั้งยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งอํานาจรัฐของประเทศชาติ ก็ล้วนสามารถทําลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา