จักรพรรดิมารหวนคืน นิยาย บท 64

สรุปบท บทที่ 64 ท้าทาย: จักรพรรดิมารหวนคืน

ตอน บทที่ 64 ท้าทาย จาก จักรพรรดิมารหวนคืน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 64 ท้าทาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิมารหวนคืน ที่เขียนโดย หว่อปู้ซื่อZ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 64 ท้าทาย

“เจ้าหนุ่ม บอกได้ไหมว่า ยาเพ้ยหยวนสามเม็ดนี้ เจ้าไปเอามาจากไหน?”

เสิ่นหมิงเจินมองเฉินจิ้น ครั้งนี้ การเรียกและน้ำเสียงเปลี่ยนไปหมดแล้ว

อันที่จริง คนที่ได้รับยาเพ้ยหยวนที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เสิ่นหมิงเจินจึงเปลี่ยนท่าทีแล้ว ไม่อยากจะอยู่ในช่วงเวลาที่ตระกูลเสิ่นมีศึกทั้งภายนอกและภายใน ไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลเสิ่น

“ข้าเป็นคนกลั่นด้วยตนเอง” เฉินจิ้นพูดอย่างวางเฉย

“อะไรนะ?” เสิ่นหมิงเจินมองเหมือนกับว่าตนเองฟังผิดไปแล้ว

เจ้าหนุ่มที่อายุยี่สิบต้นๆตรงหน้านี่ เขา......เขาบอกว่า ยาเพ้ยหยวนที่ยอดเยี่ยมนี้ เขาเป็นคนกลั่นเองอย่างนั้นหรือ?

วินาทีนี้ เสิ่นหมิงเจินถึงกับคิดว่าตนเองกำลังฟังเรื่องที่น่าขบขันมากๆเรื่องหนึ่งอยู่

เขาเปลี่ยนทีท่าไปตั้งแต่แรก ให้เกียรติอย่างเพียงพอแล้ว ผลลัพธ์กลับคิดไม่ถึง ไม่นึกว่าเฉินจิ้นจะพูดจาเหลวไหลกับเขา สีหน้าของเสิ่นหมิงเจิน มืดมนลงทันที นี่กำลังล้อเล่นกับ ตระกูลเสิ่นของพวกเขาอยู่หรือไง!

“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมพูดความจริง งั้นก็ลงมือเถอะ!”

เสิ่นหมิงเจินพูดอย่างเย็นชา

ยาเพ้ยหยวนที่ยอดเยี่ยมสามเม็ดนี้ ตระกูลเสิ่นต้องการอย่างแน่นอนแล้ว

สำหรับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ ที่ต้องการกำจัดเฉินจิ้นให้สิ้นซาก เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อเตือนตระกูลสูงศักดิ์เจียงโจวพวกนั้น ตอนนี้เสิ่นหมิงเจินกลับเปลี่ยนความคิดแล้ว

สามารถยึดยาเพ้ยหยวนที่ยอดเยี่ยมสามเม็ดนี้ของเฉินจิ้นมาได้ ไม่จำเป็นต้องฆ่าหรอก แต่ให้ความพ่ายแพ้แก่เขา เพื่อเป็นบทเรียน นั่นยังมีความจำเป็น

“ได้ ถ้าข้าแพ้ จะยอมทิ้งยาเพ้ยหยวนสามเม็ดนี้เอาไว้ ถ้าข้าชนะ ข้าต้องการยืมใช้อาณาเขตส่วนหนึ่งของหมู่บ้านเสิ่น!” เฉินจิ้นค่อยๆพูดขึ้น

ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าของเสิ่นหมิงเจินก็เปลี่ยนไป

สายตาที่มองเฉินจิ้น ได้สื่อถึงการสังหารเป็นนัยๆแล้ว

ไม่นึกว่าจะกล้าวางแผนถึงหมู่บ้านเสิ่น รนหาที่ตายจริงๆ

ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น

“แน่นอน ว่าข้าขอเช่า ข้าสามารถจ่ายค่าเช่าให้ตระกูลเสิ่นได้ ยาเม็ดก็ได้ วิทยายุทธก็ได้ ค่ายกลกระบี่ก็ได้!”

เฉินจิ้นพูดต่อ

นี่กลับทำให้สีหน้าของเสิ่นหมิงเจินดูดีขึ้นมาเล็กน้อยทันที

แต่ นั่นเป็นไปได้หรือ?

ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาในพื้นที่ของตนเอง!

อาณาเขตของตระกูลเสิ่น จะแบ่งให้คนนอกส่วนหนึ่งได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ยาเม็ด วิทยายุทธ ค่ายกลกระบี่...... ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งนี้เฉินจิ้นเอายาเพ้ยหยวนที่ยอดเยี่ยมสามเม็ดนี้ออกมา ทำให้เสิ่นหมิงเจินมีความเชื่อมั่นเล็กน้อยอย่างนั้น บางทีถ้าเฉินจิ้นเอายาเม็ดออกมาอีกครั้ง เสิ่นหมิงเจินคงจะไม่พูดไร้สาระใดๆกับเฉินจิ้นตั้งแต่แรก

“ได้ ถ้าเจ้าแพ้แล้ว ข้าก็ต้องการยาเพ้ยหยวนอีกสามเม็ด เจ้ายินยอมไหมล่ะ?” เสิ่นหมิงเจินครุ่นคิด แล้วก็พูดออกมา

“ไม่มีปัญหา” เฉินจิ้นพูดเรียบๆ

รวมกำลังของตระกูลเหอ ตระกูลหวาง ซูนโก๋อานเป็นต้น ก็สามารถเก็บรวบรวมยาจีนทั้งพืชสมุนไพรและยาเม็ดได้ตั้งนานแล้ว เฉินจิ้นกลั่นยาเพ้ยหยวนออกมาจากเตา ตอนนี้ ในมือของเขายังมีอีกไม่น้อยเลย

ยิ่งไปกว่านั้น แพ้? เป็นไปได้เหรอ? ไม่มีความเป็นไปได้นี้ตั้งแต่แรกแล้ว

เฉินจิ้นเพียงกำลังคิดว่า หลังจากที่เขาชนะแล้ว ถ้าตระกูลเสิ่นยินยอมตามที่ตกลงกันไว้ ให้เขาเช่าอาณาเขต เขาก็จะให้ยาเพ้ยหยวนส่วนหนึ่งแก่ตระกูลเสิ่นมากขึ้นอีก

แต่ถ้าตระกูลเสิ่น ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ แพ้แล้ว ในทางกลับกันกลับไม่ยอมทำตาม อย่างนั้น ก็โทษเขาไม่ได้นะ!

“ได้!” เสิ่นหมิงเจินสีหน้ายินดี

ดูแล้ว เฉินจิ้นนี่ ในมือยังคงมียาเพ้ยหยวนอยู่อีก

ต่อให้ไม่ใช่คุณภาพยอดเยี่ยมอย่างนี้ นั่นก็ยังล้ำค่ามากทีเดียว

ตอนนี้ รอบๆสถานที่แข่งบูโดของตระกูลเสิ่น ก็เต็มไปด้วยคนรุ่นหลังของตระกูลเสิ่นที่รวมตัวกันเข้ามา

ได้ยินว่าวันนี้จะมีคนหนึ่งที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์เจียงโจว กล้ามาท้าทายตระกูลเสิ่น ทุกคนจึงพากันเข้ามามุงดูจุดจบที่น่าเศร้าสลดของเขา

อันที่จริงตระกูลก็พูดไปแล้วว่า จะไม่ให้เขาได้กลับออกไป

และ ตระกูลเสิ่นจัดการรับมือกับเฉินจิ้นผู้ท้าทาย ยังคงเป็นเสิ่นหมิงเจิน เชื่อว่ายอดฝีมือที่เป็นบูโดขั้นสูงสุดมาหลายปี ก้าวเพียงเล็กน้อยก็แสดงปรมาจารย์จ่วยรุดไปด้านหน้าแล้ว ในวันปกติเป็นครูสอนฝึกฝนพลังเวทย์มนต์บูโดของเด็กๆรุ่นหลังพวกนี้ ทำให้พวกเขาเจ็บจนร้องไม่ออก แต่แม้จะเป็นคนของตระกูลเสิ่น พวกเขาก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นเสิ่นหมิงเจินลงมือ กำลังอยากจะเห็นอยู่พอดี คนที่อยู่สูงสุดของบูโดขั้นสูงสุด จะยอดเยี่ยมอย่างไรกันนะ

“เชิญ!” เสิ่นหมิงเจินแสดงท่าทางเชื้อเชิญออกไปให้เฉินจิ้น

เฉินจิ้นกลับส่ายหัวเล็กน้อย: “ข้าไม่อยากจัดการแล้วจัดการอีก อย่างนั้นมันวุ่นวาย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ให้ปรมาจารย์จ่วยของตระกูลเสิ่นออกมาเถอะ!”

แค่พูดอย่างนี้ออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงกันหมด

หลังจากนั้น ลูกหลานของตระกูลเสิ่นที่อยู่รอบๆก็ระเบิดอารมณ์ออกมา

ถ้าไม่ได้เจอกับเฉินจิ้น ได้รู้จักเฉินจิ้นในฐานะนายท่าน และได้รับคำภีร์ยินหยางแล้วล่ะก็ แต่ก่อนเขา ต่อให้เป็นยอดฝีมือของบูโดขั้นสูงสุดเหมือนกัน ได้เจอกับเสิ่นหมิงเจินที่ชำนาญทักษะบูโดที่สืบทอดมาจากตระกูลอย่างนี้ เขาก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ ท่าเท้าท่องคลื่น ไม่เป็นเช่นนั้น เทียบกับวิทยายุทธในคัมภีร์ยินหยาง ก็ไม่ได้สำคัญเอาเสียเลย

แม้ว่าคัมภีร์ยินหยาง นายท่านจะให้เขาแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่วิทยายุทธที่ฝึกฝนพลังเวทย์มนต์ของนายท่านน่ากลัวมาก ไม่ต้องบอกก็พอจะจินตนาการได้

เสิ่นหมิงเจินอยากจะอาศัยท่าทางนี้ทำให้นายท่านหวาดผวา นั่นก็ถือเป็นการเหยียดหยามจริงๆ!

เสิ่นหมิงเจินทิ้งตัวลงมาบนเวทีแข่งบูโด หันไปมองเฉินจิ้น เอามือไพล่หลัง

ตอนนี้ ลมพัดเข้ามาเล็กน้อย ปรากฏออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบพอเหมาะพอดี ราวกับกำลังปรบมือให้เสิ่นหมิงเจิน

ร่างของเขาที่อยู่ในชุดฝึกวิทยายุทธ โดนลมพัดจนทำให้เกิดเสียง ท่าทางเคร่งขรึมของผู้มีความสามารถ

คนรุ่นหลังทุกคนของตระกูลเสิ่นเห็นถึงฉากนี้ ดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายออกมา

นี่ ก็เป็นยอดฝีมือบูโดขั้นสูงสุดของข้าตระกูลเสิ่นเองสินะ

ช่างสง่างามจริงๆ

แต่ละคนสาบานอยู่ภายในใจ ต่อไป ข้าจะต้องได้เป็นบูโดขั้นสูงสุด จะฝึกฝนพลังเวทย์มนต์จนกระทั่งเป็นได้เช่นนี้

เสิ่นหมิงเจินเห็นสีหน้าท่าทางของคนรุ่นหลังตระกูลเสิ่น ในใจก็พึงพอใจอย่างถึงที่สุด

เขาตั้งใจแสดงท่าทางนี้ ไม่เพียงแค่อยากจะสยบเฉินจิ้น อยากจะแสดงอำนาจแก่เฉินจิ้นเท่านั้น แต่ก็อยากจะกระตุ้น ปลุกใจบูโดของพวกเขาคนรุ่นหลังของตระกูลเสิ่นอีกด้วย

ไม่อย่างนั้น ตระกูลเสิ่นที่เจริญรุ่งเรืองก็จะค่อยๆตกต่ำลง ไม่ต้องพูดว่าคนรุ่นหลังจะต้องเป็นเหมือนกับเจิ้งตงหยางในเมืองหลวงที่มีพรสวรรค์เป็นพิเศษอย่างนั้น อย่างน้อยทั้งหมดก็ไม่ควรกลายเป็นของไร้ค่า ที่ทำให้บูโดหยุดชะงัก

อย่างนั้น ตระกูลเสิ่นก็หมดสิ้นแล้วจริงๆ

เสิ่นหมิงเจินยืนเอามือไพล่หลัง มองไปทางเฉินจิ้น เจ้าไม่ได้อยากท้าทายข้าตระกูลเสิ่นหรอกหรือ?

ไม่ได้บอกหรือว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะขึ้นมาบนเวทีอย่างไร?

คนรุ่นหลังตระกูลเสิ่น ก็ทยอยหันไปมองเฉินจิ้น ในแววตา ล้วนแต่ยินดีในความโชคร้ายของเขากันทั้งนั้น เมื่อครู่เขาไม่ได้โอหังอวดดีอย่างถึงที่สุดหรือ แล้วก็ไม่ดูด้วยว่าตระกูลเสิ่นของพวกข้าเป็นใคร ตระกูลใหญ่เจียงโจวที่สืบทอดกันมาร้อยปี ก็ช่างหาเรื่องให้ตนเองเสียจริงๆ

เฉินจิ้นเห็นอย่างนี้ ก็ส่ายหัว ทำได้เท่านี้ก็กล้าที่จะท้าทายคนอย่างข้างั้นหรือ อยากจะแกล้งทำเป็นเก่งต่อหน้าข้า งั้นก็หาเรื่องผิดคนแล้วล่ะ

แต่เดิมอยากจะลงมือทันที เฉินจิ้นที่อยากจะจบการต่อสู้นี้อย่างมุทะลุดุดัน ก็เปลี่ยนแผนการแล้ว

ก้าวออกไปทีละก้าว ราวกับเดินขึ้นบันไดที่ไม่มีรูปร่างอยู่กลางอากาศ ก้าวขึ้นไปทีละก้าวๆ เดินขึ้นไปที่เวทีแข่งบูโด

------------

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมารหวนคืน