กู้เจี้ยนหมินเงียบไปสักพัก แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หลี่โม่พูด แต่เขาก็ปฏิเสธมันไม่ได้จริงๆ
หวังฟางเห็นว่ากู้เจี้ยนหมินเงียบไป เธอจึงพูดอย่างลังเลว่า “หลี่โม่ นายคิดยังไงกับเรื่องนี้? ฉันอยากบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นทรัพย์สินของบ้านเรา แล้วทำไมเราต้องยกให้พวกเขาฟรีๆ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
“เธอ”
กู้เจี้ยนหมินมองไปที่หวังฟางอย่างไม่พอใจ
“ฉันทำไม ฉันทำเพื่อครอบครัวของเรานะ”
หวังฟางพูดอย่างตรงไปตรงมา
“นี่เป็นที่ดินที่มีประโยชน์ต่อทั้งตระกูลของเราเลยนะ ถ้าเราเก็บไว้ไม่ยอมนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ แล้วคนอื่นเขาจะว่าเรายังไง”
กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างหงุดหงิด
เรื่องแบบนี้พูดง่ายแต่ทำยากจริงๆ ถ้ากู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ไม่พอใจแล้วหันมาเป็นศัตรูกับกู้เจี้ยนหมิน กู้เจี้ยนหมินจะไม่มีจุดยืนในครอบครัวอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตน กู้เจี้ยนหมินยอมยกที่ดินให้ตระกูลฟรีๆ ดีกว่าจะต้องกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาของทุกคน
หวังฟางพูดอย่างเย็นชาต่อ “เหอะ! จะไปสนใจทำไม สมัยนี้แล้ว ถ้าที่ดินนี้ยกให้พวกเขาฟรีๆ ครอบครัวเราก็ไม่เหลือมรกดอะไรอีกแล้วนะ มันเข้าเนื้อเต็มๆ เลยจะบอกให้”
“แต่เราจะปล่อยให้เขาดูถูกไม่ได้นะ เป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาของทุกคนแบบนี้ใครจะทนได้ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ถึงยังไงเราก็ต้องยกให้พวกเขา”
กู้เจี้ยนหมินแสดงความเป็นผู้นำครอบครัวที่เด็ดขาด และไม่ยอมให้ความคิดส่วนตัวของหวังฟางทำให้ตนต้องเสียชื่อเสียง
หวังฟางมองไปที่กู้เจี้ยนหมินด้วยความโกรธ เธออดไม่ได้ที่จะหยิกเขาให้ตาสว่างสักที
“คุณทำไมถึงซื่อขนาดนี้! ชื่อเสียงมันกินได้เหรอ ถ้าคุณทำแบบนี้ ฉันว่าพี่ชายคุณคงฝันดีทุกคืนแล้วล่ะ”
“คุณพ่อคุณแม่คะ เราควรฟังความคิดเห็นของหลี่โม่ก่อนไหมคะ ที่ดินนี้เป็นของเขานะ”
กู้หยุนหลันพูด
ดวงตาของหวังฟางเป็นประกายและมองไปที่หลี่โม่ “ไอ้......หลี่โม่ นายว่ามั้ย ที่ดินนี้ไม่ควรให้พวกเขา นายรู้จักเฉียนฝูไม่ใช่เหรอ ขายที่ดินผืนนี้ให้กับเฉียนฝูเลย แบบนี้เราจะได้มีเงินสด ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวแม่จะเก็บไว้ให้เอง ถ้าต้องการใช้ค่อยมาบอกแม่”
หวังฟางคิดว่าถ้าขายที่ดินออกไปได้อย่างน้อยก็ต้องมีเงินในกระเป๋าหลายสิบล้านหยวน ถึงตอนนั้นเธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่ต้องทะเยอทะยานอีก
กู้เจี้ยนหมินจ้องไปที่หลี่โม่ “นายอย่าไปฟังแม่นายพูด เราเป็นลูกผู้ชายต้องมีความภักดี ต้องรู้จักความกตัญญูกตเวที ที่ดินผืนนี้ยกให้ที่บ้านนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า!”
กู้หยุนหลันได้แต่เอามือกุมใบ้หน้าอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะเลือกเข้าข้างใครสักคนในระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ แต่ถ้าให้หลี่โม่เป็นคนเลือกมันก็คงยากยิ่งกว่าเธอ
แต่หลี่โม่กลับหยิบสัญญาโอนที่ดินวางไว้บนโต๊ะแล้วผลักออกไปให้กับกู้เจี้ยนหมินด้วยรอยยิ้ม
“พ่อครับ ผมปริ้นสัญญาโอนย้ายที่ดินเสร็จแล้วครับ สามารถโอนให้ตระกูลกู้ได้ทุกเมื่อ แต่จะมีเงื่อนไขเล็กๆ ในสัญญาซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการใช้สอยที่ดินเลยนะครับ”
หวังฟางตบโซฟาด้วยความโกรธแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “นายคิดจะทำอะไรกันแน่ เรื่องอะไรถึงต้องยกให้ตระกูลกู้ไปฟรีๆ ! สมองนายมีปัญหาไปแล้วใช่ไหม!”
“ไม่ได้มีปัญหาหรอก มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว หลี่โม่ นายทำถูกแล้ว ฉันขอสนับสนุนนาย!”
กู้เจี้ยนหมินหยิบสัญญาโอนย้ายที่ดินขึ้นมาอ่านอย่างภาคภูมิใจและพยักหน้ารัวๆ
“ทำไมเถอะ เดี๋ยวพวกคุณจะได้เสียใจภายหลัง!”
หวังฟางลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปในห้องอย่างโมโห
จากนั้นกู้เจี้ยนกั๋วก็คุยกับหลี่โม่ต่ออีกสักพักแล้วให้หลี่โม่กับกู้หยุนหลันกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...