หลงโปอึ้งไป จากนั้นความโกรธและอับอายพุ่งขึ้นมา เขาคิดว่าหลี่โม่กำลังทำให้เขาอับอาย
“นายจะขับเบนซ์แข่งกับฉันเหรอ ให้ฉันแนะนำรถซูเปอร์คาร์แนวคิดให้นายหน่อยไหม!”
“เหอะๆ พูดมาสิ ดูสิว่าจะทำให้ฉันตกใจได้ไหม”
หลี่โม่พูดออกมา ด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
“งั้นก็ฟังให้ดี ซูเปอร์คาร์แนวคิดรุ่นใหม่ล่าสุดของฉัน เครื่องยนต์สิบสองสูบ 700 แรงม้า ใช้เวลาเพียง 2 วินาทีในการเร่งเครื่องตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุดคือ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมากนะ”
หลังจากหลงโปพูดจบ ผู้คนรอบๆ ต่างพากันผิวปาก เพื่อส่งเสียงเชียร์
“พี่โปสุดยอด! รถคันนี้น่ากลัวกว่า Bugatti Veyron ตั้งเยอะ สามารถกวาดรถได้ทุกคัน ยกเว้น Formula One!”
“คนเก่งก็ต้องขับรถเจ๋งๆ นี่เป็นซูเปอร์คาร์ที่ออกแบบมาสำหรับพี่โป มีเพียงพี่โปเท่านั้น ที่จะขับรถที่ทรงพลังเช่นนี้ได้!”
“ไอ้คนที่ขับรถเบนซ์ แกยอมแพ้แล้วกลับไปอาบน้ำนอนเถอะ”
ตอนนี้หลงโปเรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้าง เขาเอามือกอดอก และแสยะยิ้มใส่หลี่โม่ “ฉันว่านายเปลี่ยนรถดีกว่า ถ้านายไม่มีรถที่เหมาะสม ฉันช่วยยืมให้ก็ได้”
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นนักแข่งมืออาชีพ ฉันไม่ขับซูเปอร์คาร์แกล้งคนอื่นหรอก ฉันมีจรรยาบรรณในอาชีพขั้นพื้นฐานนะ!”
“พี่โปช่างใจกว้าง”
คุณชายที่อยู่อีกด้าน เริ่มพูดเยินยอ
หลี่โม่ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงรถดีแค่ไหน อยู่ในมือนายก็เปล่าประโยชน์ เดี๋ยวฉันจะให้นายได้เห็นว่าการที่คนกับรถรวมเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นยังไง สิ่งสำคัญที่สุดของการแข่งรถไม่ใช่ข้อมูลของรถ แต่อยู่ที่คนต่างหาก”
คนอื่นคิดว่าหลี่โม่กำลังอวดดี แต่หลงโปเข้าใจสิ่งที่หลี่โม่ต้องการจะสื่อ
ถ้ามัวแต่ดูข้อมูลของรถแข่ง แล้วจะมีสกิลการขับรถไปทำไม
เอาข้อมูลของรถไปแข่งกันไม่ดีกว่าหรือ
ไม่ว่ายังไง รถก็เป็นเครื่องมือที่ใช้คนควบคุม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคนขับ!
ความสามารถต่อปฏิกิริยาตอบสนอง ความสามารถในการควบคุม ความว่องไวในการสังเกต การจับจังหวะเวลา เป็นต้น ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือการทดสอบความสามารถของคนขับ
“หึ! ฉันให้โอกาสนายได้เปลี่ยนรถ ถ้าแพ้จะได้ไม่ต้องเอารถมาอ้าง!”
หลงโปพูดจบ ก็หันหลังเดินไปที่รถของตัวเอง
หลี่โม่ควงกุญแจในมือตัวเอง จากนั้นจึงเดินไปที่รถเบนซ์
เฉินเสี่ยวถงวิ่งตามหลี่โม่ไป “พี่หลี่โม่ ฉันไปด้วย”
คางเหวินซิงรีบพูดว่า “เสี่ยวถง คุณอย่าวุ่นวายสิ ขับเบนซ์ก็เสียเปรียบพอแล้ว ถ้าเพิ่มคนเข้าไปอีกคน ก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักไปอีก 50 กิโล......”
ไม่รอให้คางเหวินซิงพูดจบ เฉินเสี่ยวถงถลึงตาใส่เขา และพูดอย่างน่ากลัวว่า “นายว่าใครหนัก 50 กิโลไม่ทราบ!”
“เอ่อ ผมแค่พูดตัวเลขลอยๆ คุณน่าจะหนัก 40 กิโลกรัม งั้นก็จะเพิ่มน้ำหนักให้รถไปอีก 40 กิโลกรัม มันจะลดความเร็วของรถนะ!”
คางเหวินซิงพูดอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน
หลี่โม่ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร เสี่ยวถงอยากตามไปด้วยก็มาสิ”
“เย้! พี่หลี่โม่ใจดีที่สุด ไอ้คางเหวินซิงขี้อวด นายรออยู่นี่แหละ!”
เฉินเสี่ยวถงเดินตามไปอย่างสบายใจ เธอเปิดประตูข้างคนขับ และเข้าไปนั่งในรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...