รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หลานเหิงฟื้นคืนสติแล้ว สามารถจัดการงานราชการได้อย่างเป็นปกติ
กู้หว่านเยว่พูดเรื่องสร้างโรงเรือนปลูกผักภายในหมู่บ้านสือหาน ไปจนถึงแนวทางส่งเสริมหมู่บ้านแห่งอื่น
ฟู่หลานเหิงฟังจบแล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริด “เจดีย์หนิงกู่หนาวเย็นทุรกันดาร ต้นไม้ใบหญ้าล้วนตายทั้งสิ้น ผักที่เจ้าปลูกจะสามารถอยู่ได้หรือ?”
ฟู่หลานเหิงมองกู้หว่านเยว่อย่างลังเล แม้พูดว่ากู้หว่านเยว่มีชีวิตลำเค็ญในจวนโหว แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นให้นางไปปลูกผักหรอกกระมัง นางรู้เรื่องปลูกผักด้วยรึ?
“หว่านเยว่ เจ้าอย่าได้นึกคึกคะนองไปชั่วขณะ ต้องการหาประสบการณ์ของชาวนาเป็นอันขาด” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราษฎร์ ฟู่หลานเหิงไม่สามารถเมินข้ามไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาสงสัยมากว่าตกลงกู้หว่านเยว่มีเงินมากเพียงนั้นหรือ จ้างคนงานต้องใช้เงินไม่น้อย
กู้หว่านเยว่รู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อธิบายหลักการของโรงเรือนปลูกผักให้ฟู่หลานเหิงฟังหนึ่งรอบ
จากนั้นพูดอย่างสุขุม
“อีกสองเดือน ท่านไปดูโรงเรือนปลูกผักของข้า ดูว่าข้ากำลังเล่นสร้างบ้านอยู่หรือไม่”
วันนี้เพียงมาบอกกล่าวฟู่หลานเหิงเท่านั้น ตรงข้ามกันมิใช่จะรีบสร้างโรงเรือนบนพื้นที่ขนาดใหญ่ของเจดีย์หนิงกู่เสียหน่อย
ซูจิ่นเอ๋อร์เท้าเอว “แม้แต่คำพูดของพี่สะใภ้ใหญ่ข้าก็ไม่เชื่อ เมื่อนั้นเห็นโรงเรือนปลูกผักแล้ว ก็อย่าได้มาขอคำชี้แนะจากพี่สะใภ้ใหญ่ข้าเป็นอันขาด”
ไม่ว่ากู้หว่านเยว่พูดอะไร ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ปกป้องอย่างไร้สมอง!
ฟู่หลานเหิงรู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เดิมทีอยากพูดอะไร แต่มองเห็นซูจิ่นเอ๋อร์แล้วก็ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงนึกถึงเรื่องในห้องอุ่นเมื่อวานขึ้นมา
ครู่ต่อมาเขาเม้มปาก ผ่านไปหนึ่งคืน ซูจิ่นเอ๋อร์กลับโยนเรื่องทั้งหมดทิ้งไปแล้ว อย่างไรเสียเมื่อวานฟู่หลานเหิงก็สติไม่แจ่มชัด นางเองก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
“เช่นนั้นอีกสองเดือนข้าจะไปดูที่หมู่บ้านสือหาน หากสามารถทำประโยชน์ต่อราษฎร์ได้จริง เช่นนั้นข้าจะต้องสนับสนุนเจ้าแน่”
ฟู่หลานเหิงพูดตัดสินแล้ว ก็ต้องการเชิญพวกเขาไปกินมื้อกลางวันในเมือง ปรากฏว่าถูกกู้หว่านเยว่ปฏิเสธ
“พวกเรายังต้องขนเมล็ดพันธุ์กลับไป ไม่ขอรบกวนแล้ว วันหน้าค่อยมากินข้าวกับท่าน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...