คูเมืองที่อยู่ห่างไม่ไกลติดกับชายแดน คล้ายมังกรยาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดอยู่บนพื้นดิน
“นี่คือเมืองตะวันไม่ตกดินหรือ? งดงามเหลือเกิน”
ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานออกมาอย่างจริงใจ
ฟู่หลานเหิงเคยมาเมืองตะวันไม่ตกดินหนึ่งครั้ง สีหน้ากลับเรียบเฉย กระซิบบอกซูจิ่นเอ๋อร์เรื่องอุปนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของคนภายในเมืองตะวันไม่ตกดิน
“คนเข้าเมืองคล้ายมีมาก?”
กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง นางคิดว่าเมืองตะวันไม่ตกดินมีเพียงนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่มีราษฎร์เสียอีก
กงจ่างเฮ่ออธิบาย “เจดีย์หนิงกู่พื้นที่กว้างใหญ่คนกลับน้อย มีคูเมืองเพียงสองแห่ง หนึ่งแห่งคือเมืองตู้เปียน อีกหนึ่งแห่งคือเมืองตะวันไม่ตกดิน เมืองตะวันไม่ตกดินแห่งนี้ไม่มีหมู่บ้าน แต่มิได้หมายความว่าทางฝั่งนี้ไม่มีราษฎร์อยู่ นอกเมืองมีหมู่บ้านอยู่อย่างกระจัดกระจาย ยังมีราษฎร์อีกจำนวนมากเข้าเมืองมาหาของกินในฤดูหนาว”
กู้หว่านเยว่มองเห็นราษฎร์เหล่านั้นสวมเสื้อผ้าขาดหวิ่น เท้าเองก็ไม่สวมรองเท้าดีๆ ใบหน้าและใบหูล้วนโดนความเย็นกัด
ต้านลมหนาวอย่างน่าสงสาร
ชนิดที่ว่าเส้นทางทั้งสองฝั่งมีเด็กและผู้ชราแข็งตายทั้งเป็นไม่น้อย
ศพถูกฝังไว้ใต้สายลมและหิมะ อีกทั้งยังถูกสุนัขป่าลากไป ชวนให้คนนึกสะท้อนใจ
“น่าสงสารยิ่งนัก”
กงจ่างเฮ่อยิ้มอย่างจนใจ “เจดีย์หนิงกู่ก็เป็นเช่นนี้ สภาพแวดล้อมอันตรายโหดร้าย อากาศหนาวเย็น มีคนตายในช่วงฤดูหนาวนับไม่ถ้วนทุกปี พวกเราพยายามบีบให้ราษฎร์เข้าเมืองแล้ว แต่กลับไร้ประโยชน์”
กงจ่างเฮ่อพูดอย่างเก้อกระดาก
“พูดเรื่องน่าขันสักประโยค หากมีใครสามารถทำให้ราษฎร์กินอิ่มสวมใส่อุ่นสบาย ไม่ต้องหนาวตายหิวตาย พัฒนาเจดีย์หนิงกู่ให้ดียิ่งขึ้นได้ ข้ากงจ่างเฮ่อยินดีเป็นวัวเป็นม้า ติดตามเขาไปชั่วชีวิต!”
“โอ้? แม่ทัพกงพูดจริงหรือไม่?”
กู้หว่านเยว่เขียนแผนการเปลี่ยนแปลงเจดีย์หนิงกู่ไว้แล้วหนึ่งเล่ม
โรงเรือนปลูกผักในหมู่บ้านสือหานทำสำเร็จแล้ว รอผ่านไปสักระยะ ก็สามารถเผยแพร่ออกไปทั่วทั้งเจดีย์หนิงกู่ได้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...