“ตอนนี้เขาเป็นอะไรไปแล้ว? ท่านอากงท่านพูดซิ” หลี่เฉินอันร้อนใจแย่แล้ว
กงจ่างเฮ่อพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา “เพียงสามคำสองประโยคข้าไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้ รอเจ้าพบเขาแล้วก็จะรู้เอง”
“นี่ท่าน” หลี่เฉินอันถามแล้วแต่ไม่ได้อะไรกลับมา
“พวกเราอยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกไกลมากเพียงใด?”
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามเปิดประเด็น
กงจ่างเฮ่อได้ยินก็รีบเก็บอารมณ์ แหวกผ้าม่านรถม้า เขาอาศัยในเมืองตะวันไม่ตกดินนานราวสิบกว่าวัน จดจำต้นไม้ใบหน้ารอบด้านไว้ในใจแล้ว
เพียงมองสภาพแวดล้อมโดยรอบหนึ่งปราด เขาก็รู้ว่ารถม้าอยู่ตำแหน่งใดแล้ว
“อยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกราวครึ่งชั่วยาม ทว่ารูปลักษณ์ของข้าในตอนนี้ น่ากลัวว่าไม่เหมาะเข้าเมืองพร้อมพวกเจ้า”
กงจ่างเฮ่อมองผื่นแดงทั่วตัวอย่างกังวล แม้กู้หว่านเยว่พูดแล้วว่าผื่นแดงเหล่านี้มิใช่ไข้ทรพิษ
แต่คนปกติมองเห็นเป็นครั้งแรกก็ยังคิดว่าเป็นไข้ทรพิษ
“เมืองตะวันไม่ตกดินมีการตรวจตรา หากทหารพบรูปลักษณ์ของข้านี้ จะต้องลากข้าลงจากรถม้า ไม่แน่ว่ายังจะทำให้พวกเจ้าต้องเดือดร้อน”
คนยุคสมัยโบราณไม่มีวิธีรับมือกับไข้ทรพิษ
หากพบว่าใครเป็นไข้ทรพิษ หนทางเดียวก็คือกันผู้ป่วยออกจากคนปกติ
กู้หว่านเยว่นึก
ถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ตรงข้ามกันไม่กังวล นางหยิบหน้ากากหนังมนุษย์หนึ่งชิ้นออกจากมิติผ่านทางกล่องยา
“เห็นหรือไม่ นี่คือหน้ากากหนังมนุษย์ ท่านใส่หน้ากากนี้บนหน้า ก็สามารถปกปิดผื่นแดงบนใบหน้าท่านได้แล้ว”
กงจ่างเฮ่อรีบหยิบหน้ากากหนังมนุษย์ไป พบว่าหน้ากากนั้นเบาบาง เขาไม่เคยเห็นของเล่นเช่นนี้มาก่อน ตาเกือบหลุดออกจากเบ้าแล้ว
“ข้าเพิ่งเคยเห็นหน้ากากหนังมนุษย์เป็นครั้งแรก ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก เช่นนั้นบนตัวข้าเล่า?”
“บนตัวกลับไม่ยาก บัดนี้เป็นฤดูหนาว ท่านสวมเสื้อผ้ามากหน่อย มือเองก็สวมถุงมือ นี่ก็สามารถปกปิดไว้ได้แล้ว”
“ข้าสอนท่านต้องใส่เช่นไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...