ถ้าเช่นนั้นตำหนักเว่ยยางก็ต้องจบเช่นกัน ฮองเฮาประกาศทุกคนกลับไปได้ เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์รวมถึงเหล่าสตรีชั้นสูงถึงค่อย ๆ ออกประตูวังไปรวมตัวกับพ่อและพี่ชายของตัวเอง
ซูจิ่งกับซูเฉินเดินมารับซูหว่านถึงหน้าประตูของวังหลังโดยเฉพาะ
ซูหว่านกับฮูหยินเสิ่น ยังมีเสิ่นชิงหลีเดินออกมาพร้อมกัน
เห็นพี่ใหญ่กับพี่สามกำลังรอตัวเอง ก็ถือกระโปรงขึ้น เดินไปอย่างดีใจ
“พี่ใหญ่ พี่สาม”
สาวน้อยในตอนนี้อ้อนอย่างเอาแต่ใจได้แล้ว
ซูจิ่งกับซูเฉินมองนางด้วยสายตา อ่อนโยนและเอ็นดูมาก ๆ
“หนาวไหม?” ซูจิ่งถามขึ้น
ซูหว่านส่ายหน้า เมื่อครู่นางอยู่ตำหนักเว่ยยางพักหนึ่ง ก็อุ่นขึ้นแล้ว
มหาบัณฑิตก็มารับภรรยาและลูกสาวเช่นกัน ซูจิ่งเงยหน้ามองไปทางเสิ่นชิงหลี และเสิ่นชิงหลีก็กำลังมองเขาอยู่ ระหว่างที่ทั้งสองคนสบตากัน ส่งความรู้สึกผ่านใบหน้า
ซูหว่านเห็นทั้งสองคนสบตากันอย่างหวานหยดย้อย ทอดถอนใจว่าตัวเองฟินอีกแล้ว
“ไปกันเถอะ ดึกมากแล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ยังรออยู่ที่นี่!” ซูเฉินตบไหล่ของซูจิ่งเพื่อเตือนสติ
ทุกคนเดินไปทางประตูเสวียนอู่ด้วยกัน หางตาของซูหว่าน เห็นเจียงอวี้ยืนอยู่ในมุมมืด จ้องมองนางอยู่เงียบ ๆ
นางเดินไม่กี่ก้าวแล้วหันกลับไป ทุกครั้งที่หันกลับไป เขาจะยืนมองนางอยู่ตรงนั้นเสมอ
จู่ ๆ ซูเฉินยื่นมือจัดศีรษะของนางให้ตรง ให้นางมองตรงไปข้างหน้า
“หวานหว่าน ตอนเดินต้องมีสมาธิ มองข้างหน้า เอาแต่หันกลับไปมองอะไรข้างหลัง?”
ซูเฉินตั้งใจ ไม่ให้นางมองเจียงอวี้ เขายังโกรธอยู่ แต่ก็ไม่อยากโกรธซูหว่าน
มาถึงประตูเสวียนอู่ หลังจากที่บอกลากับเสิ่นชิงหลี สามคนพี่น้องก็เตรียมตัวขึ้นรถม้า
รถม้าของกู้เย่ว์ผ่านด้านข้าง นางยกม่านมองไปข้างนอก สบตาเข้ากับสายตาของสามพี่น้องตระกูลซูพอดี
ซูเฉินมองเห็นกู้เย่ว์ ยังคิดว่าตัวเองตาฝาดไป ส่วนซูจิ่งกลับไม่มีการตอบสนอง ส่วนซูหว่านรู้สึกหมดคำพูด
ขัดตาจริง ๆ นางคนชอบทำตัวเด่น
กู้เย่ว์ก็รู้ว่าตอนนี้ตระกูลซูไม่ชอบตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าไปทักทายก่อน
หลังจากที่ขึ้นรถม้า ซูเฉินถึงถามข้อสงสัยของตัวเองออกมา
ดังนั้น นางจึงบอกเรื่องที่เกิดที่เหยี่ยนโจวก่อนหน้านี้ให้กับพี่สามฟังอีกครั้ง
ตกใจน่ะตกใจอยู่ หลังจากที่ซูหว่านอธิบาย ซูเฉินก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร โชคชะตาของคนอื่น เขาไม่ไปยุ่งอะไร แต่อย่าส่งผลกระทบถึงคนในครอบครัวของเขาก็พอ
ซูหว่านยังมีเรื่องต้องบอกพี่ใหญ่อยู่พอดี การตัดสินใจนี้ นางครุ่นคิดหนักมาหลายปีแล้ว รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว
“พี่ใหญ่ พี่สาม ข้าอยากบอกการตัดสินใจหนึ่งกับพวกท่าน”
ซูจิ่งรู้จักน้องสาวเป็นอย่างดี เมื่อซูหว่านได้ตัดสินใจอะไรไป ดูผ่านสีหน้าของนางก็รู้ว่าหนักหรือเบารอหรือด่วน
ซูเฉินก็ตระหนักได้เช่นกัน เรื่องที่ซูหว่านจะพูดจากนี้ อาจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ
“หวานหว่าน เจ้าบอกมาเถอะ ไม่ว่าเจ้าตัดสินใจอะไรลงไป พี่ใหญ่จะสนับสนุนเจ้าทุกอย่าง” ซูจิ่งยิ้มให้กับนาง
ซูเฉินก็พยักหน้าตาม
เรื่องนี้ ซูหว่านไม่เคยปรึกษาหารือกับที่บ้าน ดังนั้นคิดจะบอกกับพี่ใหญ่และพี่สามก่อน พวกเขาสองคนในตอนนี้กำลังรับราชการ พี่ใหญ่เป็นเสาหลักของตระกูลซู ตัดสินใจเรื่องสำคัญอะไร อย่างแรกต้องขอความยินยอมของเขา
“ข้าตัดสินใจ บริจาคกิจการอวี้เหยียนถังของพวกเราให้ราชสำนัก การบริหารเกือบสี่ปี ผ่านอวี้เหยียนถัง ครอบครัวเรามีทรัพย์สินทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง ตอนนี้ราชสำนักเพิ่งจบสงครามหลายปีรอบหนึ่ง และซ่อมแซมเขื่อนใหญ่ก็ใช้เงินไปไม่น้อย ตอนนี้คลังหลวงคงจะว่างเปล่ากระมัง?
ข้ารู้ผู้หญิงคนหนึ่งคุยเรื่องการเมืองมันไม่ค่อยเหมาะสม แต่คำนี้ข้าก็พูดแค่ต่อหน้าพวกท่านพี่ แต่การตัดสินใจนี้ ข้าตัดสินไปเมื่อหลายปีก่อน ผู้ที่รับเงินเดือนจากรัฐไม่เบียดเบียนกิจการของประชาชน ตอนนี้ข้าเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางแล้ว ไม่ช้าก็เร็วอวี้เหยียนถังต้องถูกเปิดเผย เช่นนั้นไม่สู้พวกเราเสนอตัวหน่อยดีกว่า

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...