ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ นิยาย บท 46

สรุปบท บทที่ 46 ลูกคนรวยมีสิทธิพิเศษ: ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+

สรุปตอน บทที่ 46 ลูกคนรวยมีสิทธิพิเศษ – จากเรื่อง ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ โดย เฟยเหนี่ยวปู้เจ๋

ตอน บทที่ 46 ลูกคนรวยมีสิทธิพิเศษ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ โดยนักเขียน เฟยเหนี่ยวปู้เจ๋ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 46 ลูกคนรวยมีสิทธิพิเศษ

“รสชาติซุปไก่ไม่เลวเลย เสี่ยวเฟิง พี่สาวดูเบานายไปจริงๆ มีทักษะซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย”

ตอนที่เพิ่งเดินเข้าประตูจางหงหวู่ก็บ่นว่าผมไม่มีความรับผิดชอบ ผมกำลังทำให้เธอหิวตาย โดยเฉพาะหลังจากตอนที่เธอได้เห็นซุปไก่ ก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยอยากกินไก่ นอกเสียจากจะเป็นหม้อเหล็กเผาฝืนขนาดใหญ่แบบที่บ้าน

แต่คำพูดของเธอในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกพิชิตด้วยซุปไก่ที่เต็มไปด้วยความรักของผม

ในตอนที่ผมกำลังจะเอ่ยตอบอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัว จางหงหวู่ก็มีสายเข้า เป็นสายจากหวูเจิ่นดง

“พี่หงหวู่ บ่ายนี้ผมอาจจะไปสายสักเล็กน้อย เรื่องนี้คุณจะโทษผมไม่ได้ เป็นเฟิงจี่ที่ทำตัวไม่ได้เรื่อง หลอกผมว่าตอนเที่ยงจะทำซุปไก่เลี้ยงผม ผมทั้งถือหม้อเก็บฟืน ก่อไฟอย่างยากลำบากจนเขาต้มเสร็จ หลังจากนั้นเจ้าเฟิงจี่สมควรตายนั่นก็เอาซุปไก่ไป ไม่เหลือแม้แต่ขี้ไก่ให้ผมด้วยซ้ำครับพี่หงหวู่”

“คุณไม่รู้หรอกว่าเขานั้นน่ารำคาญ และน่ารังเกียจขนาดไหน ไม่พูดขอบใจผมสักคำ ทั้งยังโยนเงินสิบหยวนเอาไว้ให้ผม บอกให้ผมไปซื้อขนมปังทานเอง คุณเคยเจอคนที่เลวร้ายแบบนี้ไหม”

หวูเจิ่นดงบ่นมาเสียยาวเหยียด จางหงหวู่ที่อยู่ในสายเพียงหัวเราะ สุดท้ายก็บอกว่าไม่เป็นไร วันนี้ให้เขาพักงานได้หนึ่งวัน อยู่ดูแลหยาวเซียวให้ดีๆ นั่นทำให้หวูเจิ่นดงมีความสุขมาก กล่าวขอบคุณและเอ่ยยกย่องเจ้านายที่ดีคนนี้

วางสายโทรศัพท์ จางหงหวู่ก็เก็บรอยยิ้ม มองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก และเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ขอบคุณ”

นั่นทำให้ผมรู้สึกเขิน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ไม่สามารถตอบกลับไปได้ มันสุภาพเกินไป ดูใส่ใจพูดไปราวกับดูมีเจตนามากขึ้น มันยากที่จะเข้าใจระดับนั้นได้

ในจังหวะที่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จางหงหวู่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

เธอดื่มซุป และพูดถึงเรื่องในอดีตของเธอ

สมัยเด็กบ้านของจางหงหวู่นั้นจนมาก เธอตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ตอนโตจะได้หาเงินมาดูแลเลี้ยงดูครอบครัวให้ดี ดูแลพ่อแม่ และลากน้องชายที่อ่อนกว่าไปโรงเรียน

ในปีนั้นหลังจากที่สอบเข้ามัธยมได้ เธอก็สอบได้อันดับที่หนึ่งของเขต เธอแทบจะอดใจรอกลับบ้านเพื่อไปบอกข่าวดีไม่ไหว หลังจากนั้นก็เห็นแม่ล้มลงและร้องไห้อยู่ที่ลานหน้าบ้าน ตามคำบอกของผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงเธอถึงได้รู้ ว่าพ่อและน้องชายที่ยังเด็กของเธอนั้น ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิตทั้งคู่

ดวงตาของแม่เธอนั้นแย่ลงเพราะการร้องไห้ จึงทำได้เพียงงานที่ใช้แรงงาน ไม่สามารถทำงานฝีมือได้ และอาการเจ็บป่วยที่ตานั้นนับวันก็ยิ่งหนักขึ้น ดังนั้นภาระของครอบครัวที่หนักอึ้งจึงอยู่บนบ่าของเธอ ทุกวันนอกจากไปเรียนแล้ว ก็ยังต้องดูแลบ้าน และเลี้ยงวัวเลี้ยงไก่

ที่บ้านมีแม่ไก่อยู่เพียงกี่สิบตัว แต่เธอตอนเรียนมัธยมต้นสามปีกลับไม่เคยได้ชิมแม้แต่ซี่โครงไก่ ไข่ไก่ถูกขายออกไปหมด เพื่อรักษารายได้อันน้อยนิดของครอบครัว

ในปีนั้นที่เธอสอบเข้าชั้นมัธยมปลาย เธอที่มีคะแนนเรียนดีเป็นทุนเดิม ในตอนที่กรอกเอกสารก็กรอกเพียงวิทยาลัยปกติธรรมดาๆ และคะแนนสอบระดับมัธยม ก็ยังคงเป็นที่หนึ่งของเขต ดังนั้นเลยเลือกโรงเรียนนั้นได้ เหตุผลนั้นง่ายดาย เพื่อไม่เสียค่าเล่าเรียน และทุกเทอมก็มีทุนการศึกษาให้ เพียงแค่เธอขยันก็พอ

คืนนั้นเธอและแม่ตื่นเต้นมาก หลายปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทานไก่ ทานเนื้อสัตว์

หลังจากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น เธอหาแม่ไม่เจอ สุดท้ายก็เป็นคนในหมู่บ้านที่บอกกับเธอ แม่ของเธอถูกคนตกขึ้นมาได้จากในแม่น้ำ

ในตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องโดดลงแม่น้ำ จนกระทั่งได้ขึ้นมหาลัยก่อนที่จากบ้านมา เธอถึงได้เข้าใจ

หากแม่ยังอยู่ ตัวเธอมีชีวิตกับผู้ป่วยทางตาอย่างไร ดังนั้นเธอจึงต้องละทิ้งการเรียนอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ทานเนื้อไก่ที่ไม่ได้ทานมานานจนหมด แม่ของเธอถึงได้ตัดสินใจ ลอบกระโดดน้ำในคืนนั้น...

“ฉันชอบทานเนื้อไก่มากที่สุด ฉันชอบความรู้สึกของหม้อเหล็กบนเตาฟืน เพราะมันมีรสชาติของบ้านด้วย”

ใบหน้าของจางหงหวู่ประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ในตอนที่เธอดื่มซุปไก่ น้ำตาของเธอก็ตกลงไปในช้อน และถูกเธอดื่มเข้า และกลืนลงไปพร้อมกันในทีเดียว

ผมไม่ได้พูดอะไร ในตอนนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงเดินไปข้างๆ เธอ และกอดเธอเอาไว้แน่นๆ

จางหงหวู่ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น ท่ามกลางเสียงร้องไห้นั้น ผมได้ยินเธอพูดว่า เธอคิดถึงแม่ของเธอ เธอคิดถึงพ่อของเธอ เธอคิดถึงน้องชายของเธอ เธอคิดถึงบ้านของเธอ แต่ทุกอย่างได้หายไปหมดแล้ว...

แน่นอน ว่าไม่ได้อ่าน เรียนรู้ความสง่างามกับหญิงสาวฝรั่งเศส ต่อ ตอนนี้ผมกำลังอ่าน 《เทคนิคการรักกัน》 ผู้ประพันธ์คาโตะ ทากะ

ผมอยู่บ้านอย่างสงบมาเป็นเวลาสามวัน ไม่มีสิ่งใดๆ มารบกวน จึงตั้งใจกับการใช้ความคิด ขบคิดอยู่มาจะรับมือกับข้อสอบของจางหงหวู่อย่างไร

ตอนบ่ายวันที่สี่ ผมที่ไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว หากอยู่อย่างนี้ต่อไปร่างกายก็จะขี้เกียจ

ดังนั้นผมมองเวลา และรีบขับรถออกไปฟิตเนส การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี ไม่สามารถลดหย่อนมันไปได้

หลังจากที่มาถึงฟิตเนส ผมก็ไม่เจอผู้ฝึกสอนส่วนตัวจ้าวเย่นซวน แต่ที่มุมๆหนึ่งก็พบผู้ชายคนหนึ่งกำลังวางยาไว้ในปากของผู้หญิงอีกคน และท่าทางของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนกำลังจะสับสน

ผมมีความประทับใจกับผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย เหมือนจะชื่อเสี่ยวฉิง เป็นเพื่อนร่วมงานของจ้าวเย่นซวน แต่เธอเป็นผู้ฝึกสอนผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการกับผู้หญิง อายุยี่สิบเจ็บยี่สิบแปด ในฐานะครูผู้ฝึกสอน ในเรื่องของรูปร่างแทบจะไม่ต้องพูด สวยมาก ได้ยินว่าเมื่อปีที่แล้วเพิ่งจะคลอดเด็ก เป็นปีที่มีสำหรับคุณแม่ยังสาว

และที่บังเอิญยิ่งกว่า ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนว่าผมจะรู้จักเสียด้วย เมื่อลองนึกย้อนไป เหมือนจะเป็นในคืนที่เจอกับเจิงห้าว หนึ่งในคนที่เดินตามก้นเจิงห้าว น่าจะชื่อซานจี่

เมื่อนึกย้อนไปถึงภูมิหลังครอบครัวของเจิงห้าว เมื่อมามองสถานการณ์ในตอนนี้ ผมก็เดาได้ทันทีว่าซานจี่ต้องการจะทำอะไร

จีบอยู่แต่ก็เลือกที่จะวางยาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีศีลธรรม โดยเฉพาะในตอนที่เขาถอดกางเกงและสวมถุงยาง นั่นยิ่งไม่มีศีลธรรมยิ่งกว่า ไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่หลักฐาน

ดังนั้นผมจึงจุดบุหรี่

เสียงของไฟแช็กดังขึ้นมา ในฟิตเนสที่เงียบสนิท นั่นทำให้ซานจี่สะดุ้ง และรีบหันหลังออกไป

ผมสูดเข้าไปหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็หันหน้าไปมองซานจี่ “จะขับรถออกไปเอง หรือนั่งรถฉุกเฉินออกไป ลูกคนรวยมีสิทธิพิเศษ นายเลือกมาสักอันสิ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+