ซุปเปอร์เจ้าสำราญ นิยาย บท 38

บทที่ 38 งานเลียงอาหารค่ำ

ณ บ้านของจางฉีโม่

ลู่หย่าฮุ่ยยิ้มอย่างมีชัย ในมือลูบไล้สิงโตหยก หรี่ตามองดูธนบัตรสีแดงที่กองอยู่บนโต๊ะ ท่าทางมีความสุขมาก

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ สองพ่อลูกเจ้าสามจะมีวันที่ต้องมาก้มหัวต่อหน้าครอบครัวเรา!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ได้ใจ

จางฉีโม่เองก็สีหน้าเปื้อนยิ้ม  “ใช่แล้ว ครอบครัวเราได้เอาคืนอย่างสาสมใจจริงๆ!”

จางซิ่วเฟิงสีหน้าพอใจ วันนี้นับว่าได้ระบายความอัดอั้นในใจที่มีมานานหลายปี

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกสาวเรามีอนาคตอันสดใสแล้ว” ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นพร้อมหัวเราะ “ครอบครัวเจ้าสามไม่กล้าหาเรื่องพวกเราอีกแล้ว มาขอโทษถึงที่ ทั้งให้ของขวัญยังและเงินด้วย แถมยังคุกเข่าขอโทษอีก ฮ่าฮ่า!”

“ฉีโม่อีกหน่อยเวลาอยู่ที่บริษัทก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าให้ใครมาจับผิดเอาได้ คนอย่างเจ้าสามนั้น ไม่ได้พูดง่ายอย่างที่เห็นหรอกนะ” จางซิ่วเฟิงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ก็จริง คนอย่างเจ้าสามนั้นต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน” ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นสีหน้าจริงจัง “ทว่า ตอนนี้ลูกสาวของเราเป็นถึงคนดังของบริษัทแล้ว ถึงกับโด่งดังในตลาดเครื่องประดับของเมืองตุงไห่เลยทีเดียว หากเจ้าสามคิดจะต่อกรกับครอบครัวเรา ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

พูดไป ทันใดนั้นลู่หย่าฮุ่ยก็คิดอะไรออกมาได้ มองไปที่หลินอิ่งอย่างไม่สบอารมณ์ และพูดขึ้น  “วันนี้ใครให้นายพูดมากกัน? ความสามารถอื่นก็ไม่มี ทำเป็นแต่เสแสร้งเรียกร้องความสนใจภายใต้ชื่อของฉีโม่เท่านั้น ฉีโม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย นายก็ช่วยเธอพูดจนหมดแล้ว?”

“หลินอิ่ง ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ คราวหน้าอย่าใช้ชื่อเสียงของฉีโม่ไปมีเรื่องข้างนอก ทำหน้าที่ผู้ช่วยของนายไปก็พอแล้ว อย่าพูดมาก ชงชาเสิร์ฟน้ำ ขับรถถือกระเป๋า ก็พอ” ลู่หย่าฮุ่ยเริ่มสั่งสอนขึ้นมา

พูดจบ ลู่หย่าฮุ่ยก็พูดเร่งเร้าอีกครั้ง  “นายยังจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกทำไม? ดึกป่านนี้แล้ว ยังไม่รีบไปทำอาหารอีก?”

หลินอิ่งไม่ได้พูดอะไร และเดินเข้าไปในห้องครัว

“วันนี้ที่หลินอิ่งพูดก็ไม่ผิดอะไรนิ คุณเองก็ควรจะเกรงใจกับคนอื่นบ้าง” จางซิ่วเฟิงพูดขึ้น

“คุณคิดว่าฉันกำลังรังแกมันอยู่เหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยท่าทีไม่พอใจ พูดขึ้นเสียงต่ำ “ฉันกำลังช่วยลูกสาวปูทางอยู่ต่างหากเข้าใจไหม? วันนี้คุณยังดูไม่ออกอีกเหรอ? หลินอิ่งเด็กคนนี้ร้ายกาจจะตายไป”

ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้น  “ฉันจะต้องสั่งสอนสั่งสอนมันหน่อย ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยหางของมันคงได้ชี้ขึ้นฟ้าแน่? ฉันจะต้องทำให้มันรู้ว่า มันนั้นพึ่งลูกสาวของเรากินข้าว!”

“ฉีโม่ อีกหน่อยลูกไม่ต้องไปทำดีกับเขามากนักหรอก เธอเป็นผู้อำนวยการของบริษัท เขาเป็นแค่ผู้ช่วย” ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นน้ำเสียงเศร้าหมอง “ถ้าเขาซื่อตรง ก็ให้ข้าวเขากิน ถ้าเขากล้าลามปาม เธอก็เตะเขาทิ้งซะ ก็สถานะของฉีโม่ของพวกเราในตอนนี้ ชื่อเสียงนี้ หลินอิ่งจะไปเหมาะสมได้ยังไง?”

จางซิ่วเฟิงพูดขึ้นด้วยความคิด  “ตอนนี้ดูเหมือนหลินอิ่งเองก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ พูดจาฉลาดเลยมากทีเดียว”

“เขามันก็แค่คนไร้ประโยชน์ วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะด้วยสถานะของฉีโม่ ปกติเขาจะกล้าพูดแบบนี้กับจางหงซวนเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างไม่แยแส

“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกสาวของพวกเราก็มีชื่อเสียงมีเงินมีทอง และมีคุณชายมากมายมาตามจีบ รอลูกสาวเลือกคนที่ถูกใจได้แล้ว ก็ถีบหัวส่งหลินอิ่งออกจากบ้านไปเลย ก็จบแล้ว”

จางฉีโม่ไม่ได้พูดอะไร ในใจของเธอชัดเจนอยู่แล้ว ที่ตัวเองสามารถเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบริษัทได้นั้น หลินอิ่งมีส่วนช่วยเหลือไว้มาก

​หลินอิ่งก็มีส่วนในการออกแบบงานKing of the world ในช่วงเวลาที่สำคัญ ก็เป็นหลินอิ่งที่ออกเงินให้คนช่วยตามหาKing of the worldกลับมาได้

​วันที่สอง

​จางฉีโม่และหลินอิ่งออกไปทำงานที่อาคารเป่าติ่งตั้งแต่เช้าตรู่

​จิวเวลรี่แฟร์ที่บริษัทจัดขึ้นในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์แบบ ได้รับผลตอบรับที่ดี และได้สร้างชื่อเสียงใหญ่โต พนักงานทุกคนที่เข้าร่วมนิทรรศการต่างก็ได้รับโบนัส บรรยากาศภายใน บริษัท รื่นเริงมาก

​การประชุมของคณะกรรมการก็ได้ประปาศออกมาเช่นกัน จางฉีโม่ได้กลายเป็นผู้อำนวยการออกแบบอย่างเป็นทางการ รับหน้าที่รับผิดชอบทีมออกแบบเครื่องประดับของ บริษัท ทั้งหมด และยังมีสิทธิบุคลากร

​จางฉีโม่กลายเป็นคนที่โด่งดังมากในบริษัท แม้กระทั่งผู้ถือหุ้นบางคนที่เคยดูถูกครอบครัวของจางฉีโม่ ตอนนี้ก็หันมาชื่นชมเธอมาก และเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่

​ท้ายที่สุดแล้ว ยังไงเธอก็เป็นต้นเขย่าเงินต้นใหญ่ของบริษัท!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ