ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ นิยาย บท 162

สรุปบท บทที่162: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

บทที่162 – ตอนที่ต้องอ่านของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ตอนนี้ของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่162 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่162

ไป๋ยี่เฟยนั้นดูต่างออกไป ถึงจะยังหนุ่ม แต่เขาก็ดูมีราศีกว่านะ!

ในช่วงที่มาบริหารโหวจวี๋ เขาก็นำพาโหวจวี๋ให้สามารถทำกำไรก้อนโตในช่วง มรสุม!

สิ่งเดียวที่ยังย่ำแย่อยู่ก็คือ ตอนนี้โหวจวี๋กำลังถูกบริษัทคู่แข่งทั้งหกแห่งรุมกดดันอยู่ ทำให้หายใจได้ไม่ทั่วท้องนัก

ทนายยังคงดึงดันอ่านต่อ “ดังนั้น ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปยังคงเป็นไป๋ยี่เฟยเหมือนเดิมครับ”

พูดจบ จางหรงก็เหงื่อไหลเต็มหน้าแล้ว

ผู้บริหารคนอื่นๆ ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา

หลี่ฝานมองไปยังไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่เคียดแค้น “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณหลอกผมอย่างนั้นเหรอ?”

ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เริ่มพูดแล้ว “ที่ผมรับปากว่าจะโอนหุ้นให้คุณก็เพื่อช่วยภรรยาของผม แต่ใครให้คุณหลอกผมก่อนล่ะครับ?”

เดิมทีเขาก็มาด้วยความหวังอันน้อยนิดอยู่แล้ว คาดหวังว่าหลี่ฝานจะมีของที่สามารถช่วยหลี่เสว่ได้จริงๆ แต่ว่าเมื่อคืนเฉินห้าวก็ได้มาบอกกับเขา หลิ่วอู๋ฉงกลับเข้าประเทศมาตอนวันที่เก้า ส่วนหลี่เสว่นั้นโดนพิษในวันที่เก้า ดังนั้นหลิ่วอู๋ฉงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาพิษในครั้งนี้

และอีกอย่าง หลี่ฝานกับเย่อ้ายอาจจะเป็นคนวางยาก็ได้ แต่ว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา คนที่พวกเขาต้องการลงมือจริงๆ คือเขาต่างหากแต่ไม่ใช่หลี่เสว่

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฝานหรือเย่อ้ายก็ตาม สองคนนี้ก็ไม่น่าจะมียาถอนพิษอยู่ในมือแน่ๆ แต่เขาก็วางแผนตลบหลังแล้วเล่นละครต่อให้ถึงที่สุด และในตอนนี้ เขายังสามารถยึดกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมาไว้ในมือ จากนั้นก็สามารถเอามันไปให้หลี่เสว่ได้

ส่วนเรื่องหุ้นนั้น เนื่องจากตอนแรกไป๋หยุนเผิงนั้นยุ่งเกินไป เขาก็เพียงแค่เปลี่ยนให้ไป๋ยี่เฟยมารับตำแหน่งประธานบริษัทเท่านั้น ส่วนหุ้นนั้นยังไม่ได้โอนให้ ดังนั้นหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั้นยังคงเป็นของไป๋หยุนเผิงอยู่ดังเดิม

เขาที่เป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง การถูกไป๋หยุนเผิงแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทนั้นก็ไม่มีใครกล้าเถียงหรอกว่ามันไม่เหมาะสม

“ผมเปล่านะ!” หลี่ฝานรีบปฏิเสธ

ไป๋ยี่เฟยพูดตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “จริงหรือไม่นั้นคุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจที่สุด”

แววตาของหลี่ฝานกระตุกไปทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบตอบกลับ “ไป๋ยี่เฟย ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ตำแหน่งประธานของโหวจวี๋ก็เป็นของผมแล้ว!”

ไม่มีอะไรสามารถหยุดเขาได้! ต่อให้ไม่มีหุ้นเลยก็ตาม!

“คุณไม่มีหุ้นเลยสักนิด แล้วยังคิดจะเป็นประธานของโหวจวี๋หรอครับ? ฝันกลางวัน” ขำออกมา

“คุณเองก็ไม่มีหุ้นอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ทีคุณยังเป็นได้เลยแล้วทำไมผมจะเป็นไม่ได้ล่ะครับ?” หลี่ฝานถามกลับ เขาไม่รู้ว่าไป๋หยุนเผิงกับไป๋ยี่เฟยแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นอะไรกัน รู้เพียงว่า ไป๋ยี่เฟยรับตำแหน่งประธานบริษัทของโหวจวี๋โดยที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือเท่านั้น ดังนั้นในตอนที่ไป๋ยี่เฟยยกโหวจวี๋ให้เขา เขาเองก็น่าจะเป็นประธานของโหวจวี๋ได้เหมือนกันสิ

เห่าเจี้ยนพูดเสริมขึ้นมา “จริงด้วย คุณเองแม่งก็ไม่มีหุ้นอยู่ในมือยังเป็นประธานบริษัทได้เลย แล้วทำไมพี่ฝานจะเป็นบ้างไม่ได้ล่ะ?”

ทนายมองไปที่หลี่ฝาน รู้สึกเหงื่อตก

ส่วนบรรดาผู้บริหารพอเห็นอย่างนี้แล้วก็พากันส่ายหน้า

หลงหลิงหลิงเองก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว สีหน้าดูดีขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็รู้สึกขำกับคำพูดของหลี่ฝาน

ไป๋ยี่เฟยเขาเป็นถึงลูกชายของไป๋หยุนเผิงแล้วตัวเองล่ะใช่ไหม?

ไป๋ยี่เฟยจ้องหน้าหลี่ฝาน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างกะทันหัน “นั้นก็เพราะว่า ไป๋หยุนเผิงเป็นพ่อผมไง”

เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้หลี่ฝานกันคนที่มาจากหลี่ซื่ออึ้งตาค้างกันไปตามๆ กัน

ไป๋ยี่เฟยยังพูดต่อ “บริษัทนี้มีพ่อผมเป็นเจ้าของ ถ้าเขาจะให้ลูกชายของตัวเองมารับตำแหน่งประธานบริษัทต่อมันผิดตรงไหนครับ?”

“นี่……คุณ……” หลี่ฝานอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

เห่าเจี้ยนได้แต่กลืนน้ำลาย และไม่กล้าพูดอะไรอีก

ในตอนนั้น ทนายก็ได้พูดเสริมขึ้นมาว่า “ในขณะที่ผู้ถือหุ้นยังมีชีวิตอยู่ ผู้สืบทอดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปจัดการกับหุ้นส่วนนั้น”

หรือก็คือ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ใครทั้งนั้น ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะแบ่งหุ้นให้ใครทั้งนั้น ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็ยังคงเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปดังเดิม

แววตาที่ได้ใจของหลี่ฝานได้หายไปแล้ว สีหน้าก็ซีดลงเรื่อยๆ

เขาหลงคิดว่าโหวจวี๋กลายเป็นของเขาไปแล้ว ทั้งความรู้สึกสะใจอย่างสุดๆ ทั้งความรู้สึกได้ใจอย่างมากๆ ตอนนี้ทั้งหมดนั้นมันกลายเป็นแค่มุกตลกเท่านั้น!

ไป๋ยี่เฟยจ้องมาที่หลี่ฝาน แล้วพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สรุปคือคนที่ยังมีสิทธิ์ที่จะนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ก็ยังคงเป็นผม คุณและพวกคุณ แม่งไม่มีสิทธิ์อะไรมาว่าอะไรผมทั้งนั้น!”

เห่าเจี้ยนรีบถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของคนพวกนั้น

หลี่ฝานเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน “ไป๋ยี่เฟย คุณมันก็แค่ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง ตะลอนออกไปกินอย่างไม่เลือกหน้า แล้วคุณยังจะมีหน้ามาเป็นประธานบริษัทของโหวรังเกียจต่ออีกเหรอ? ถ้าคุณยังอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปละก็ คุณมันแม่งก็ไม่ต่างอะไรกับจุดด่างพร้อยของโหวจวี๋เลย ทำให้โหวจวี๋ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”

และเป็นไปตามคาด

จางหรงอุทานออกมาเสียงดัง “มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คนๆ นี้ไม่ใช่ท่านประธาน!”

เช้าวันนี้ตอนประมาณแปดโมง นักข่าวคนหนึ่งได้รับข้อมูลจากวงในมาว่า ชายที่อยู่ในรูปนั้นไม่ใช่ท่านประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างแน่นอน แต่เป็นผู้ชายคนอื่น การที่รูปแบบนี้ถูกปล่อยออกมานั้นก็เพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงของประธานบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปเท่านั้น

ส่วนใครเป็นคนที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเขานั้น อันนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้จริงๆ

จากนั้นกระแสทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนไปในทันที

เมื่อเห็นว่าประธานบริษัทโหวจวี๋ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ได้มีหลายๆ คนเข้าไปคอมเม้นต์ในโซเชี่ยลต่อว่าคนที่กระทำเรื่องนี้ว่าโหดเหี้ยมอีกด้วยที่สามารถถ่ายรูปที่น่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้

ไม่ว่ายังไง ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปก็ยังบริสุทธิ์ ไม่ได้มีการนอกใจแต่อย่างใด เขายังคงเป็นท่านประธานหนุ่มที่มีราศีอยู่ดังเดิม

พอบรรดาผู้บริหารได้เห็นอย่างนั้นต่างก็พากันสบายใจขึ้นมา เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ งั้นก็แสดงว่าโหวจวี๋กรุ๊ปจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งนั้น สถานการณ์อาจจะกลับดีขึ้นมาบ้างก็ได้

เมื่อหลีฝานได้ยินคำพูดของจางหรง เขาก็ทำใจเชื่อไม่ได้ จึงได้คว้าเอามือถือของเห่าเจี้ยนมาเปิดดู

“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

“มันจะเป็นข่าวปลอมไปได้ยังไง? นี่มันเรื่องจริงชัดๆ!”

พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น จึงได้ถามกลับไปว่า “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่ามันคือข่าวปลอมครับ? หรือคุณคือคนที่ถ่ายรูปนั่นเหรอครับ?”

ตอนแรกหลี่ฝานก็อยากจะตอบโต้กลับไปตรงๆ แต่พอตั้งสติได้ว่าไป๋ยี่เฟยกำลังหลอกถามเขาอยู่ เขาก็รีบบ่ายเบี่ยง “เพ้อเจ้อ! ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าปกติคุณไปทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง? ผมแค่คิดว่าคนในรูปนั้นมันเป็นคุณชัดๆ ยังไงก็คือคุณ หรือคุณจะบอกว่าในเมืองเทียนเป่ยนี้มีคนที่หน้าเหมือนคุณอยู่อีกอย่างนั้นเหรอครับ?”

พอพูดจบ ทุกคนต่างพากันเงียบ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนๆนั้นช่างเหมือนกับไป๋ยี่เฟยมาก

ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “ที่คุณพูดมามันก็ถูกครับ แต่รบกวนคุณช่วยถ่างตาดูหน่อยนะครับว่าหน้าผมมันมีไฝไหม? มีแผลเป็นอันใหญ่อันนั้นไหม?”

ตอนที่ไป๋ยี่เฟยไปขอให้ เฉินห้าวช่วยจัดการรูปนั้น ก็ได้เพิ่มไฝอันใหญ่ไว้ในรูปและแผลเป็นอีกอันหนึ่ง ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่เห็น

คนที่เฉินห้าวหามานั้นฝีมือดีมาก ไม่มีทางดูออกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มขึ้นมาทีหลัง

และเมื่อคืน เขาก็ได้กำชับกับเฉินห้าวไปอย่างแน่นหนาว่า ในเช้าวันนี้เขาเอาข่าวนี้ไปบอกกับนักข่าว บอกพวกเขาให้ปล่อยข่าวนี้ออกไปภายในหนึ่งชั่วโมง จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นถูกใส่ร้าย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่