ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ นิยาย บท 494

สรุปบท บทที่ 494: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

สรุปเนื้อหา บทที่ 494 – ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย

บท บทที่ 494 ของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 494

จู่ๆร่างกายของหลี่เสว่ก็ทรุดลงทันที เหมือนกับถูกของอะไรสักอย่างกดทับเอาไว้ กดจนเธอรับไม่ไหว

หวงเหว่ยเห็นแบบนี้ก็ยิ้มอย่างสะใจ“ประธานหลี่ ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน พวกเราตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว คุณแค่มาเซ็นชื่อ ก็เสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ประธานหลี่เอามือแอบอยู่ใต้โต๊ะ กำมือไว้แน่นสุดๆ สุดท้าย ก็พูดออกมาอย่างเย็นชา“แล้ว พวกคุณจะเปลี่ยนบริษัทให้กลวงโบ๋อย่างนั้นเหรอ?”

“ประธานหลี่ พูดจาไม่เพราะเลยนะ”หวงเหว่ยเอนตัวไปข้างหลัง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่าตัวเองสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้ตามที่ใจตัวเองต้องการแล้ว หลี่เสว่สีหน้าดูไม่ได้ พูดอะไรไม่ออกทันที

จางหรงเห็นแบบนี้ก็คงจะต้องเป็นทูตสันติภาพช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้สักหน่อยแล้ว“ทุกคนใจเย็นๆก่อนนะ เอาแบบนี้ไหม ไล่ตามลำดับ พูดเรื่องโปรเจกต์ของบริษัทก่อนดีไหม”

“นั่งกันนานขนาดนี้ ทุกคนก็หิวน้ำกันแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวผมออกไปเรียกให้คนเอาน้ำมาเสิร์ฟให้นะ”พูดจบ จางหรงก็ออกไปจากห้องประชุม

ที่จางหรงออกไปจากห้องประชุมก็เพื่อไปโทรศัพท์หาไป๋ยี่เฟย เขาพูดอธิบายเรื่องทั้งหมดกับไป๋ยี่เฟยไปอย่างคร่าวๆ หวังว่าไป๋ยี่เฟยจะมาจัดการให้ได้

ที่จางหรงตามเขา เพราะรู้สึกว่าถึงยังไงหลี่เสว่ก็เป็นภรรยาของเขา แถมบริษัทนี้ ก็เป็นของเขาเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรกับโหวจวี๋

ยังมีอีกหนึ่งสิ่ง นั่นก็คือเขาจะได้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาด้วย ถ้าหลังจากนี้ไป๋ยี่เฟยกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง เขาก็จะได้ดีไปด้วย เรื่องน่ายินดีขนาดนี้ทำไมจะไม่ทำล่ะ?

ภายในห้องประชุม หลังจากที่จางหรงเดินออกไปแล้ว หวงเหว่ยก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ประธานหลี่ จางหรงนี่เป็นกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปใช่ไหม? เขายืนอยู่ฝั่งไหน?”

“ว่ากันว่ากรรมการจางเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก คุณคิดว่าไง?”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็เข้าใจแล้ว เขามาคอยตรวจสอบดูบริษัทของพวกเรา?”

“อย่าลืมล่ะ เขาเป็นคนที่ไป๋ยี่เฟยส่งมานะ”

“แล้วมันจะยังไง?”

“……”

หลี่เสว่ขมวดคิ้วฟังพวกเขา แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าจางหรงเป็นกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ป แต่เมื่อตอนที่จางหรงมาที่บริษัทนี้ ไป๋ยี่เฟยให้เขาเป็นคนมาช่วยตนเอง

แต่ตอนนี้ล่ะ?

ท่าทีที่จางหรงมีต่อเธอก็ถือว่าพอได้อยู่ แต่นั่นมันคือของจริงหรือเปล่า?

หลังจากที่มีประสบการณ์มามากมายขนาดนั้นแล้ว หลี่เสว่ก็ไม่เชื่อใครง่ายๆอีก เรื่องทุกเรื่องจะต้องสงวนท่าทีเอาไว้

หลังจากนั้นไม่นาน จางหรงก็พาสาวสวยคนหนึ่งเข้ามา สาวสวยคนนั้นเสิร์ฟน้ำให้กับทุกคน จากนั้นก็เดินออกไป

จางหรงมองทุกคนอย่างยิ้มๆพร้อมกับพูดขึ้น“พวกเรามาคุยเรื่องโปรเจกต์ของบริษัทกันดีกว่า!”

“ปัญหาคือ พูดไปแล้วประธานหลี่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี!” หวงเหว่ยพูดกดดัน ถึงขนาดที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ถ้าประธานหลี่สามารถเข้าใจโปรเจกต์นี้ได้ จะให้ผมพูดๆสักหน่อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”

“คุณไม่พูด แล้วฉันจะเข้าใจได้ยังไง?”หลี่เสว่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

หวงเหว่ยขำออกมาหนึ่งที“เห็นแล้วยัง นี่มันชัดเจนแล้วว่าไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่มีประสบการณ์ ก็จะตัดสินใจอย่างไม่มีการคิดพิจารณาแน่นอน แล้วก็จะไม่มีค่าอะไรเลยด้วย!”

“นี่คุณ!”

หลี่เสว่ตบโต๊ะ“หวงเหว่ยคุณอย่ามารังแกคนอื่นให้มันมากนักนะ!”

“ถ้าผมจะรังแกคุณแล้วมันจะทำไม?”หวงเหว่ยพูดตอบกลับไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย“ผมพูดออกไปชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว คุณก็ต้องเข้าใจนะว่า ถ้าไม่มีผมบริษัทก็จะพังพินาศเร็วขึ้นกว่าเดิม!”

เพื่อบริษัทแล้วหลี่เสว่ไม่กล้าไล่พวกเขาออกแน่นอน!

หลี่เสว่ไล่พวกเขาออกไม่ได้จริงๆ แต่เดิมเวลาบริษัทถูกโจมตีแบบนี้ เจอกับความไม่ราบรื่นทุกอย่างติดขัดไปหมด ถ้าเกิดไล่คนพวกนี้ออกไปอีก แล้วจะเปิดบริษัทไปทำไม? ปิดบริษัทไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า!

พอคิดถึงตรงนี้ ท่าทีของหลี่เสว่ก็อ่อนลง“ฉันก็แค่ต้องการให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเท่านั้น ข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากจะให้บริษัทกลวงโบ๋ไม่เหลืออะไรเลยสักหน่อย”

“ถ้าผ่านพ้นอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ บริษัทก็ยังมีหวังอยู่ พวกคุณก็เป็นคนเก่าคนแก่กันหมดแล้ว ก็ควรจะต้องรู้จักคิดการณ์ไกลหน่อย ไม่ใช่ว่าคิดถึงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เท่านั้น”

หวงเหว่ยยังไม่ได้พูดอะไร มีผู้ชายสวมแว่นกรอบดำคนหนึ่งพูดเยาะเย้ยขึ้นมา“ข้ามผ่านอุปสรรค? ประธานหลี่กำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือไง? โหวจวี๋กรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของแล้ว ยังจะผ่านอุปสรรคไปยังไงอีก?”

“ใช่ๆ หรือว่าไป๋ยี่เฟยจะกลับขึ้นมาครองตำแหน่งประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”

“เนื้อหาหลักคืออะไร?”หลี่เสว่สีหน้าดูไม่ดี แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย

หวงเหว่ยไม่สบอารมณ์“ประธานหลี่คุณต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเหรอ? ทุกคนเสียเวลาของตัวเองมาฟังคุณประชุม นี่ก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากพอแล้วนะ คุณอย่ามาทำเป็นไม่รู้ความจริงหน่อยเลย”

“ถ้าคุณอยากจะมาทำหน้าที่ท่านประธาน อยากจะใช้สวัสดิการของหัวหน้าล่ะก็ ผมแนะนำคุณรีบจากไปซะจะดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้คุณมาหาประสบการณ์!”

หลี่เสว่โกรธทันที ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน“หวงเหว่ยคุณคิดว่าฉันไม่กล้าไล่คุณออกจริงๆสินะ?”

“คุณกล้าเหรอ?”หวงเหว่ยจ้องตากับหลี่เสว่ตรงๆ

หลี่เสว่กำลังจะพูดอะไรขึ้นต่อ ประตูห้องประชุมก็ถูกคนใช้ขาถีบเข้ามาก่อน

ตามด้วย ไป๋ยี่เฟยที่น่าเกรงขามเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าโมโห เดินเข้ามาอยู่ข้างๆหลี่เสว่ สองตาจ้องมองหวงเหว่ยด้วยความโกรธ“ทำไมจะไม่กล้า?”

“จางหรง ไล่เขาออกตอนนี้เลย พาเขาไปทำเรื่องซะ”

ผู้คนต่างอึ้งตะลึงกับภาพที่เห็น แต่ประเด็นคือ……

“นี่คุณเป็นใคร? กล้าดียังไงมาไล่ผม?”หวงเหว่ยถามขึ้นอย่างสับสนมึนงง

ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ผมคือไป๋ยี่เฟย!”

เขามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ยืนฟังอยู่ข้างนอกประตูมาได้สักพัก ได้ยินที่หวงเหว่ยพูดกับหลี่เสว่พอดี เขาใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงมาที่นี่ เพียงเวลาแค่ไม่นานก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว จินตนาการได้เลยว่า ก่อนหน้านี้หลี่เสว่จะต้องถูกคนพวกนี้รังแกกลั่นแกล้งมาไม่น้อยแล้ว!

พอคิดว่าคนพวกนั้นรุมรังแกหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยก็อดไม่ได้ที่จะถีบประตูเข้ามาตรงๆเลย

พอผู้คนได้ยินชื่อของไป๋ยี่เฟยต่างก็พากันถลึงตาโต“คุณคือไป๋ยี่เฟย?”

“ทำไม? ไม่รู้จักผมกันเหรอ?”ไป๋ยี่เฟยยิ้มๆ

หวงเหว่ยตอบสนองกลับมาเร็วที่สุด หลังจากรู้ว่าเป็นไป๋ยี่เฟย ก็ยิ่งดื้อด้านแข็งข้อมากขึ้น“คุณยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ? คงไม่ได้บ้าไปแล้วใช่ไหม?”

“เป็นประธานของโหวจวี๋ไม่ได้แล้ว เลยคิดจะมาระบายปลดปล่อยที่นี่แทนสินะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่