บทที่634
ภายในรถ จางหัวปินได้รายงานกับไป๋ยี่เฟยว่า “เฝิงจั๋วบอกว่า มีคนชุดดำสิบกว่าคนไปที่โรงพยาบาล แต่ก็ถูกซาเฟยหยางฆ่าทิ้งหมดแล้ว เฝิงจั๋วได้ขอบคุณซาเฟยหยางไปแล้วครับ”
“ซาเฟยหยางพูดพร้อมรอยยิ้มว่า การช่วยชีวิตใครสักคนไว้นั้นได้บุญมาก จากนั้นเขายังถามต่อด้วยว่าคนพวกนี้ฝีมือเป็นยังไงบ้าง ซาเฟยหยางบอกว่าเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น แต่เป็นเพราะว่าพวกนั้นมันอ่อนแอเกินไปสำหรับเขา แต่สำหรับเราแล้วอาจจะเป็นยอดฝีมือก็ได้ครับ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า แล้วถามต่อไปอีกว่า “ฆ่าทิ้งหมดเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาว่า “การจะนิยามความดีและความชั่วนั้นมันไม่ง่ายเลย อย่างในทีวีที่พวกคนที่ทรงคุณธรรมทั้งหลายแหล่ ถ้าเป็นคนดีจริงก็น่าจะแค่ช่วยเท่านั้นแต่คงไม่ถึงกับฆ่าคนหรอกมั้ง?”
จางหัวปินเข้าใจขึ้นมาทันที “มันก็จริงนะครับ จากข้อมูลที่เราได้มามันก็บ่งบอกชัดเจนเลยว่า ซาเฟยหยางในยี่สิบปีก่อนเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เป็นผู้ทรงคุณธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”
“แล้วเพื่อช่วยชีวิตของคนหนึ่งคน จึงเลือกที่จะฆ่าคนไปสิบกว่าคน ต่อให้คนพวกนั้นจะเป็นคนชั่วก็เถอะ มันก็ยังฟังดูขัดๆ อยู่ดี หรือเป็นเพราะหลังจากที่ถูกขังไปสิบกว่าปีมันจึงทำให้ลักษณะนิสัยของเขาได้รับผลกระทบไปด้วย”
พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ เขาก็พยักหน้า เอาหลังพิงเบาะแล้วพักสายตา
ถึงจะเห็นอย่างนั้น แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พักไปจริงๆ เขากำลังใช้ความคิด เพราะตอนนี้มีหลายเรื่องมากที่เขายังไม่เข้าใจเหมือนทุกอย่างมันพันมั่วกันไปหมด”
ผ่านไปไม่นาน จางหัวปินก็ได้รับสาย แล้วหันมาบอกไป๋ยี่เฟยว่า “ผมว่าผมรู้แล้วว่าทำไมสวีลั่งถึงจงใจทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ”
ไป๋ยี่เฟยลืมตามา แล้วมองมาที่เขา
จางหัวปินถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณรู้เรื่องที่สวีลั่งรับเด็กมาเลี้ยงแล้วใช่มั้ยครับ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
จางหัวปินพูดออกมาด้วยความจนใจ “เดิมทีเด็กคนนั้นชื่อว่าหลี่โย่วเซิง พอมาอยู่กับสวีลั่งถึงเปลี่ยนมาแซ่สวี ความจริงหลี่โย่วเซิงเขาเป็นลูกชายของหลี่จู้ครับ”
“ภรรยาของหลี่จู้ได้เสียไปเมื่อสามปีก่อน แต่ยังไม่พ้นสามเดือน หลี่จู้ก็แต่งงานใหม่ ภรรยาใหม่ของเขาคนนี้ชื่อว่าไป๋เจียว เป็นคนของตระกูลไป๋ในเมืองหลวง”
“เรื่องการตายของภรรยาเขาในตอนนั้นหลายๆ คนต่างก็รู้เรื่องดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดเลย”
พอไป๋ยี่เฟยฟังมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย หลี่โย่วเซิงเป็นลูกชายของหลี่จู้เหรอเนี่ย แต่ว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่สวีลั่งจงใจทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
“หลี่โย่วเซิงรู้ดีว่าแม่ของเขานั้นตายยังไง และเขาก็ถูกหลี่จู้ทำร้ายด้วย เขาจึงหนีออกจากบ้าน แล้วมาเจอกับสวีลั่งตอนที่ฆ่าหลิวเห้อพอดี เขาเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงใช้เงินห้าเหรียญที่ได้จากการขอทานมาจ่ายให้สวีลั่ง เพื่อให้สวีลั่งไปฆ่าพ่อของตัวเอง”
“วันที่เราไปหลันเต่า เฝิงจั๋วบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าสวีลั่งได้ไปที่เมืองเป่ยไห่มารอบหนึ่ง? ความจริงเขาไปเพื่อแก้แค้นให้ หลี่โย่วเซิงครับ”
“ถ้าให้ผมทายนะ หลังจากที่พุ่งเป้าไปที่หลี่จู้ มันก็ทำให้เขาพบความลับบางอย่างเข้า ดังนั้นเขาจึง……”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วอย่างแรง “สวีลั่งกำลังลำบากใจ เขาอยากฆ่าหลี่จู้มาก แต่เพราะรู้ว่าผมต้องการที่ดินผืนนั้น ถ้าเขาฆ่าหลี่จู้ไปแล้ว ผมก็อาจจะไม่ได้ที่ดินผืนนั้นมาครอบครอง ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะไปยังตระกูลไป๋ในเมืองหลวงไม่ได้”
“แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทำให้สวีลั่งทนไม่ได้ เขา……”
จางหัวปินพยักหน้า “ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับบาดเจ็บ มันก็มีเหตุผลมากพอที่จะหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน รอจนคุณไปเมืองหลวงได้แล้วค่อยลงมืออีกครั้ง”
“แต่มีจุดหนึ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองบาดเจ็บก็ได้ เขาสามารถรอจนคุณไปเมืองหลวงแล้วค่อยลงมือ มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?”
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับส่ายหน้า หรี่ตาลง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่มีความคิดอยู่ในหัว “ผมว่าเขาต้องรู้ความลับบางอย่างที่สำคัญมากๆ เข้าแน่ๆ และมันก็ทำให้เขาเกลียดหลี่จู้เข้ากระดูก จนอดไม่ได้ที่จะไปฆ่าหลี่จู้”
“เขาน่าจะกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว เขาจึง……”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปแป๊บหนึ่ง มองมาที่จางหัวปิน แล้วพูดว่า “ผมเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมเชื่อใจเขา? แล้วคุณยังไปตามสืบเรื่องของเขาทำไม?”
จางหัวปินยิ้มแล้วเอามือแตะจมูก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พอเห็นอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “นี่พี่จาง ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผม แต่ว่านะ ผมเองก็ไม่อยากให้ระหว่างพี่น้องเราทายกันไปทายกันมาแบบนี้ จนไม่เหลือความเชื่อใจกัน”
จางหัวปินพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”
สักพัก จางหัวปินก็ถามขึ้นว่า “ที่หวังโหวบอกว่าเขาโยนก้นบุหรี่ไปที่หน้าบ้านของสวีลั่งนั้นมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ?”
ฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าพวกนั้นจะกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ และผมก็พอเดาออกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของหลี่จู้นั้นคือใคร”
จางหัวปินเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาทันที “เต้าจ่างเหรอครับ?”
……
โรงพยาบาลโว่หลงในเมืองเทียนเป่ย
หลังจากที่สวีลั่งตื่นขึ้นมา เขาก็นั่งพิงอยู่ที่เตียง เอาแต่จ้องมองไปยังท้องฟ้ากับหมู่เมฆที่อยู่นอกหน้าต่าง โดยไม่พูดไม่จาสักคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่