เมื่อกวาดสายตามองไปที่หร่วนซือซือที่หมดสติอยู่บนเตียง หวังเหล่ยเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างสะใจ
คราวนี้ต่อให้หร่วนซือซือมีปีกก็ยากที่จะหนีไปได้ แต่จะโทษใครดีล่ะ ใครใช้ให้เธอทำให้พี่สาวไม่พอใจและขุ่นเคืองกันล่ะ?
หวังเหล่ยเดินผ่านทางเดินและขึ้นลิฟต์ลงไปที่ล็อบบี้ เธอเห็นชายมีพุงคนเดินอยู่ไกลๆ เขารีบร้อนเดินเข้ามาทางด้านนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน โดยต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันและกัน
ชายคนนั้นเดินเฉียดไหล่หวังเหล่ยไป เธอแอบดีใจ เธอได้ส่งนางเอกถึงที่หมาย และพระเอกก็มาแล้ว ต่อไปเธอก็จะไปหาพี่สาวเพื่อรับรางวัล
เธอยกมือซ้ายขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วมองไปที่แหวนเงินในมือ จากนั้นก็เดินออกไปอยากเบิกบานใจ เธอไม่ได้สังเกตสองคนที่กำลังเดินมา
“ประธานอวี้ โทรหาคุณหญิงไม่ติดเลย”
ตู้เยี่ยเดินตามอวี้อี่มั่วมา และรายงานสถานการณ์ล่าสุดตามความเป็นจริง
สายตาของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึม แต่สีหน้าของเขาไม่ได้แปรปรวน “โทรต่อไป”
เขาเป็นคนจัดการให้หร่วนซือซือได้เลื่อนตำแหน่ง และเขาก็ได้ฟังตู้เยี่ยพูดถึงคำนินทากาเลในบริษัทแล้ว หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้เธอถึงไม่รับโทรศัพท์?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วอวี้อี่มั่วก็รู้สึกกังวลใจ และกำลังจะกำชับตู้เยี่ย แต่หันมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นมือซ้ายของเธอที่ยกขึ้น
นั่นเป็นแหวนที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาคุ้นเคยกับมันดี และไม่มีทางที่เข้าจะจำผิด
อวี้อี่มั่วหยุดเดินทันที เขาหันกลับไปอย่างลังเลและตะโกน “หยุด”
เมื่อหวังเหล่ยได้ยินก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ยิ่งประหลาดใจ “อวี้…ประธานอวี้?”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานในบริษัท แต่เธอก็รู้ข้อมูลของผู้อำนวยการบริษัท อย่างถี่ถ้วนมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มชอบ เธอล้วนท่องจำได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าเธอยังไม่เคยเห็นอวี้อี่มั่วด้วยตาของตัวเอง แต่เธอเก็บสะสมนิตยสารภาพถ่ายของเขา
ไม่คาดคิดว่าวันนี้เธอจะได้เจอเขาที่นี่!
หวังเหล่ยไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ เธอกลับมาด้วยความเขินอาย “ประธานอวี้…คุณ……”
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชาของชายคนนั้น
“คุณเอาแหวนบนมือของคุณมาจากไหน?”
หวังเหล่ยเหลือบมองแหวนบนมือของเธออย่างตื่นตระหนก เธอหดมือซ้ายทันทีและพูดว่า “นี่ของฉัน…ฉันซื้อมา”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นมองสายตาที่เย็นชาของอวี้อี่มั่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาของชายคนนั้นดูเหมือนจะมองผ่านเธออย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นหรอ?” จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ก้าวมาข้างหน้าครึ่งก้าว และเหมือนว่าแขนขาของเธอจะขยับไม่ได้ ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
หวังเหล่ยถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอก้มหน้าและพูดอย่างไม่มั่นใจ “ใช่……”
อวี้อี่มั่วเห็นสายตาที่ไม่สงบสุขของหวังเหล่ย เขาเคยบอกหร่วนซือซือว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ห้ามถอดแหวนออกอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้แหวนอยู่บนมือของคนอื่น ซึ่งสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้ว่า……เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ!
ทันใดนั้นสีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เยือกเย็น เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรวนซือซืออยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหวังเหล่ยก็ซีดเซียวทันที เธอก็เงยหน้าขึ้นส่ายหัวและพูดว่า “ฉัน……ฉันไม่รู้…”
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้น ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจและหันกลับมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาบอดี้การ์ดหนุ่มมาสองคน ขนาบข้างซ้ายขวาของหวังเหล่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดั่งรักบันดาล