บทที่ 26ไสหัวไปซะ!
ในขณะที่พูดคำเหล่านี้ออกมา บรรยากาศต่างเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก น่าอึดอัด ทุกคนต่างพากันกลั้นหายใจเลยทีเดียว
งานแต่งงานนี้ถูกปิดบังรูปแบบการดำเนินการ ถึงแม้จะมาถึงงานแต่งแล้วก็ตาม ก็รู้เพียงว่าเจ้าสาวนั้นคือหลินชิงเสว่
ทุกคนเห็นเพียงด้านหลังของเจ้าบ่าวในระยะไกลๆเท่านั้น ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจริงๆแล้วเจ้าบ่าวเป็นใคร
คำพูดของเถ่จู้นั้น กลับเผยแหล่งข่าวที่เป็นประโยชน์บางอย่างออกมา
เจ้าบ่าวมีความเกี่ยวข้องกับเขตกองทัพ พวกเขาต่างเรียกเจ้าบ่าวว่า “เจ้ามังกร”
“เธอรู้รึเปล่าว่าเจ้าแห่งมังกรนั้นคือใคร” เถ่จู้ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เซียกางส่ายหัว ดวงตาของเขานั้นดูงงงวยมากยิ่งนัก
“เขาเปรียบเป็นเทพเจ้าที่ตำแหน่งสูงสุดในสงครามกองทัพ สร้างตำนานมานับไม่ถ้วน”
ทันทีที่พูดถึงเจ้ามังกร สีหน้าบนใบหน้าที่มืดคล้ำของเถ่จู้นั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ความเลื่อมใสศรัทธาอย่างเอาจริงเอาจังก็ได้ปรากฎขึ้นมาในความคิดของเขา
“เขายังคงเป็นผู้พิทักษ์ของประเทศ ตราบใดที่เขายังอยู่ หัวเซี่ยก็ยังเป็นผืนแผ่นดินที่บริสุทธิ์ ประเทศรอบข้างก็จะไม่กล้าเข้าใกล้!”
“ห้าปีที่เข้ารับราชการทหาร ปลดประจำการทหารออกมาอย่างมีเกียรติ ก็เพื่อที่จะได้มอบบ้านหลังหนึ่งให้กับคนที่เขารัก”
“ตอนนี้มีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ ทั้งประเทศต่างพากันเฉลิมฉลองแต่นายกลับพาคนมาทำลายงานแต่งงั้นเหรอ?”
บทสนทนาของเถ่จู้นั้น ทำให้เขาหันไปมองเซียกางด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ นายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“ไม่ ไม่กล้าหรอก....”
เซียกางตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น เขาได้แต่ส่ายหัวไปมา
เขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เขาไม่ควรมางานคืนนี้เลย
“นายคิดว่าการที่ตัวเองมีสิทธิมีภูมิหลังที่ดีกว่าคนอื่น มันจะทำให้ตัวนายเหนือกว่าคนอื่นงั้นเหรอ”
เถ่จู้ดึงบุหรี่ออกมา จากนั้นเขายกขาขึ้น ใช้เข่าข้างหนึ่งกดลงไปบนหน้าท้องของเซียกางอย่างแรงในทันที
“อาเจียน… ...”
ทันใดนั้นร่างกายของเซียกางก็คดงอเหมือนกับกุ้งแห้ง จากนั้นเขาก็อาเจียนน้ำย่อยออกมาในทันที
ใบหน้าของเขาซีดเผือด น้ำตาต่างไหลออกมา
เถ่จู้สามารถที่จะเป็นผู้นำในเขตทหารได้เลย ไม่เพียงแต่อาศัยการรบน้อยใหญ่ต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นคืออาศัยพลังกำลังที่แข็งแรงและท่าทีที่เป็นมิตรของเขานั่นเอง
การที่เซียกางถูกกดด้วยเข่าแบบนั้น เกือบทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บจนไม่สามารถใช้การได้แล้ว
“ยืนขึ้น เป็นทหารก็ต้องมีท่าทางเหมือนทหาร” เถ่จู้กล่าวเบาๆและดึงตัวเซียกางให้ลุกขึ้นจากพื้น
ทุกคนต่างเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมา เพียงแค่การหายใจอยู่ในตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันช่างเสียเปล่าซะจริง
มันช่างยากเกินจินตนาการ เมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้เซียกางยังมีท่าทีก้าวร้าว อยากจะจับกุมถังเฉาในข้อหา พยายามฆ่าโดยเจตนาอยู่เลย ห้านาทีต่อมาก็ถูกคนมาสั่งสอนเสียแล้ว
และถังเฉาผู้ที่เป็นคนริเริ่มสิ่งต่างๆเหล่านี้ เขากลับไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาได้แต่ยิ้มและชื่นชมกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้
“เจ้าหน้าที่เซียกาง!”
ทันใดนั้น เถ่จู้ตะโกนและมองไปที่เซียกางพร้อมกับพูดเสียงอย่างดังว่า“ ใช้อำนาจส่วนตัวไปในทางที่มิชอบ ทำการค้ากับทหาร ก่อให้เกิดหายนะอันใหญ่หลวง คุณถูกไล่ออกแล้ว มีข้อคัดค้านอะไรไหม?”
“ไม่คัดค้าน” ใบหน้าของเซียกางนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น ไม่กล้าที่จะขอร้องวิงวอน
สำหรับตัวเขานั้น เพียงแค่โดนไล่ออกจากการเป็นทหาร มิได้โดนตรวจสอบความจริงในหน้าที่ของเขานั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว
เถ่จู้พยักหน้าพร้อมกับปล่อยตัวเซียกาง หลังจากนั้นก็โบกสะบัดมือ กลุ่มคนหน้าตาน่ากลัวข้างหลังต่างพากันยกปืนลงอย่างไม่เต็มใจนัก
“บอกพี่น้องทหารให้ไปเถอะ ปืนในมือของทหารนั้นมีหน้าที่ไว้ปกป้องประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เอามาชี้ใส่คนของเราเอง” เถ่จู้กล่าว
เซียกางอดทนต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นมา ออกคำสั่งให้คนของเขาออกไปจากเรือสำราญเพิร์ลวันและเขาเองก็ได้แต่เดินออกไปอย่างเศร้าๆ
“นาย มากับฉัน”
เถ่จู้มองไปที่ซ่งเทียนซานด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ทางๆหนึ่ง
พอมองตามไปทิศทางนั้น ใบหน้าของซ่งเทียนซานเริ่มเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยว สาเหตุไม่ได้มาจากความเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความจริงที่เขานั้นไม่มีทางยอมรับได้นั่นเอง
ทางด้านของตระกูลหลินนั้น หลินฉ่ายเวยและแม่ของเธอต่างตกใจด้วยความหวาดกลัว “พวกเขากำลังมุ่งหน้ามาทางเราแล้ว!”
เมื่อหลินเจิ้นสงได้เห็นนั้น ในดวงตาของเขามีความกังวลอยู่ แต่เขาก็ยังยืนขึ้น พร้อมกับถามว่า “มีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
เถ่จู้ยืนนิ่ง มองไปที่หลินเจิ้นสงอย่างพินิจพิเคราะห์ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา “คุณลุงหลิน?”
“คุณลุง?”
หลินเจิ้นสงได้ยินการเรียกเช่นนั้น ก็ทำให้เขาตกตะลึงไม่ใช่น้อย อีกทั้ง
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน :“พวกคุณ...จำคนผิด
รึเปล่า?”
ทันใดนั้น พวกเธอก็ได้คิดถึงบางอย่างขึ้นมา มองหันกลับไปอย่างไม่เชื่อสายตา เห็นถังเฉาที่ยิ้มและกำลังชิมไวน์อยู่---เป็นเพราะเขางั้นเหรอ?!
จะเป็นไปได้ยังไงกัน?
หลินฉ่ายเวยตกตะลึง คนไร้ประโยชน์เช่นนี้จะไปรู้จักกับคนในเขตทหารได้ยังไง?
แต่ในไม่ช้าหลินฉ่ายเวยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เนื่องจากเถ่จู้นั้นแท้จริงแล้วเดินมาทางถังเฉา แต่มิได้เดินมาตรงหน้าของเขาเลย พวกเขาเพียงแต่พยักหน้าให้กันและเดินผ่านตัวเขาไป เขาเดินผ่านหลังของถังเฉาและไปยืนเสมือนวิญญาณอยู่ตรงด้านหน้าของเฟิ่งหวงแทน พร้อมกับแสดงความเคารพกันแบบมาตรฐานทางทหาร
เฟิ่งหวงก็ได้แสดงความเคารพตอบกลับ
หลินฉ่ายเวยเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เพราะเธอคิดถึงเรื่องไร้สาระที่คิดอยู่ในหัวก่อนหน้านี้นี่เอง พร้อมกับมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่เหยียดหยามมากกว่าเดิม
ถังเฉาเป็นเหมือนโคลนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ จะไปรู้จักคนที่มียศสูงศักดิ์ได้ยังไงกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม