บทที่ 46 การมาเยือนของ angel
เฟิ่งหวงจอดรถห่างจากโรงเรียนอนุบาล500เมตร แล้วเดินเข้าโรงเรียนอนุบาลพร้อมถังเฉาเพื่อไปรับถังเสี่ยวลี้เลิกเรียน
ฝนยังคงตกโปรยปรายอยู่ ครูทุกท่านก็ช่วยกางร่มให้เด็กๆทุกคน ดั่งเหมือนเป็นการคุ้มกันของรักอย่างนั้น ส่งไปถึงมือของผู้ปกครอง ทักทายเสร็จก็กลับ แล้วก็หันหลังกลับไป
แม้กระทั่งครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล ก็นำพาเป็นตัวอย่าง คุ้นกันส่งเด็กๆ
“พ่อคะ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยออกมาจากโรงเรียนอนุบาล
ถังเฉามองไปตามเสียงที่ลอยมา เห็นเพียงแต่ถังเสี่ยวลี้ที่อยู่กับครูใหญ่คนใหม่ของโรงเรียนอนุบาลดั่งเหมือนบูชาบรรพบุรุษอย่างนั้น ตลอดทางจนส่งถึงหน้าของถังเฉา
ถังเฉาได้อุ้มถังเสี่ยวลี้ขึ้นโดยอัตโนมัติ หมุนเป็นวงกลม ยิ้มกล่าว:“ให้พ่อดูหน่อยสิ เปียกฝนไหมเอ่ย?”
นี่เป็นคำทักทายปกติเท่านั้น ครูใหญ่ที่ยืนข้างๆนั้นสีหน้ากลับเปลี่ยนไปมาก รีบอธิบายว่า:“คุณถังคะ ลูกสาวของคุณไม่ได้เปียกฝนค่ะ”
ถังเฉาอึ้งไปครู่หนึ่ง มองไปที่ครูใหญ่คนใหม่ ถึงได้หัวเราะออกมาว่า:“ขอบคุณครูใหญ่ครับ”
“เป็นหน้าที่ครูอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ครูอยู่แล้ว ”
ครูใหญ่คนใหม่ได้เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปที จากนั้นก็ยื่นนามบัตรใบหนึ่งด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า:“ฉันชื่อจางเวย ต้องขอบคุณ คุณถังค่ะ ฉันถึงได้รับเลื่อนตำแหน่งนี้ขึ้นมา คุณถังวางใจได้เลย ฉันจะดูแลลูกสาวของคุณให้ดีที่สุด จะไม่ยอมให้เธอได้รับความลำบากแม้แต่น้อยเลยค่ะ”
“เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ?”ถังเฉาถามด้วยความสงสัย
หลังจากนั้น เหมือนเขานึกอะไรออก หันกลับไปมองเฟิ่งหวงแวบหนึ่ง
หลังจากที่หวางเสี่ยวเป่าลาออกจากโรงเรียนไป โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ก็ตกเป็นเป้าหมายของผู้คนในสำนักงานการศึกษาเทศบาล
การจัดระเบียบนี้ไม่สำคัญ แต่ยังจัดระเบียบพวก‘ติดสินบน’ออกมานี่สิ
สำนักงานการศึกษาได้ค้นเจอครูหลายคนที่ติดสินบน ถูกไล่ออกโดยตรง ได้ยินว่าครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลไกเซอร์ก็เปลี่ยนคนใหม่แล้ว
ทำให้มีสถานการณ์นี้เกิดขึ้น ย่อมมาจากฝีมือของเฟิ่งหวง
แค่โทรศัพท์เดียวของเธอ ลูกน้องก็เริ่มการข่มขู่สำนักงานการศึกษา ว่าเรื่องนี้ทำให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจสูงบางคนโกรธ หากจัดการได้ไม่พอใจ ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบเอง
คนในสำนักงานการศึกษาทั้งกลัวทั้งโกรธ มุ่งดำเนินการไปที่โรงเรียนอนุบาลไกเซอร์โดยตรง ยังลากพวกโรงเรียนมัธยมต้นของชนชั้นสูงมาเกี่ยวข้องด้วย ครูและเจ้าหน้าที่ส่วนมากที่เคยรับเงินสินบนก็ถูกเลิกจ้างไปหมด
“คุณนี่โหดจริงๆเลย”ถังเฉาหันกลับไปมองที่เฟิ่งหวง พูดอะไรไม่ออก
เฟิ่งหวงแค่ฮึ่มไปคำเดียว กล่าว:“หาเรื่องกันเอง ใครให้คนพวกนั้นไม่รู้ที่ต่ำที่สูง มาเล่นบนหัวของรองหัวหน้าล่ะ”
ถังเฉารับนามบัตรของจางเวยไว้ แล้วพูดต่ออีกไม่กี่คำ สุดท้ายก็ทำให้จางเวยจากไป
พอหันกลับ กลับเห็นถังเสี่ยวลี้ที่อยู่ในอ้อมกอดมองตรงไปที่เฟิ่งหวง ถามด้วยเสียงเด็กๆว่า:“พ่อคะ ทำไมดวงตาของพี่สาวคนนี้ถึงเป็นสีแดงล่ะคะ?”
ทันใดนั้น ท่าทางของเฟิ่งหวงกลายเป็นไม่ธรรมชาติซะเลย รีบร้อนก้มหัวลง
สีหน้าของถังเฉาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เด็กๆมักไร้เดียงสาพูดตรงไปตรงมา คำพูดของถังเสี่ยวลี้นี้ พอดีไปแทงโดนจุดเจ็บของเฟิ่งหวง
จากนั้น ยังรอไม่ถึงถังเฉาจะพูด ถังเสี่ยวลี้ก็หัวเราะออกมา:“สวยจังเลยค่ะ”
“……”
เฟิ่งหวงได้ตัวสั่นอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย มองไปที่ถังเสี่ยวลี้แวบหนึ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นเพราะเธอมีดวงตาที่เป็นสีเลือดดูถูกตัวเองว่าด้อยกว่าคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนชมดวงตาของเธอว่าสวย
“เสี่ยวลี้ เรียกพี่เฟิ่งหวงเร็ว” ได้ทีถังเฉารีบพูด
“พี่เฟิ่งหวง”
ถังเสี่ยวลี้ที่อยู่ในอ้อมกอดถังเฉาขยับตัวเล็กน้อย อ้าแขนเล็กๆออก พูดเสียงเด็กว่า:“อุ้ม”
“……”
เฟิ่งหวงตัวสั่นอีกครั้ง จ้องถังเสี่ยวลี้อย่างงงๆ เวลานั้น ตัวแข็งจนไม่รู้จะทำตัวยังไง
“อุ้มหน่อยเถอะ ฉันบอกแล้ว ว่าเธอต้องชอบคุณแน่ๆ”
ถังเฉาเดินเข้าใกล้กี่ก้าว ยิ้มพูดกับเฟิ่งหวง:“ไม่กลัวว่าคุณจะขำ ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอนั้น ตื่นเต้นกว่าคุณอีก”
มือทั้งคู่ของเฟิ่งหวงขยับเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องไปที่ถังเสี่ยวลี้
อยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยการฆ่า สิ่งแวดล้อมที่ไม่ฆ่าคนก็อยู่รอดต่อไปไม่ได้นั้น เธอไม่มีความรู้สึกตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าอะไรคือร้องไห้ อะไรคือหัวเราะ หลังจากที่ได้พบกับถังแล้ว เขาเป็นคนแรกที่ยอมรับในตัวเอง เป็นคนที่ได้รับการยอมรับในตัวเอง
แต่ตอนนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับถังเสี่ยวลี้นั้น หัวใจของเธอนั้นเต้นไม่หยุดเลย
ตึกตึก……
ตึกตึกตึก……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม