หูจิ้งจู๋กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีฟางหย่าและพวกนั้นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ฟางหย่าโกรธทันที “นายพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันพูดผิดหรือไงกัน?”
หูจิ้งจู๋เหลือบตามองห้องประชุม ใบหน้าของเขาแสดงความดูถูกมากขึ้นไปอีก “เหตุผลที่ลี่จิงกรุ๊ปต้องการร่วมมือกับจวี้เฟิงกรุ๊ป ไม่ใช่เพราะว่าต้องการอิทธิพลจากบริษัทเราเพื่อเปิดตลาดที่เจียงเฉิงหรือไงกัน?”
“การที่จวี้เฟิงกรุ๊ปได้ตกลงยินยอมการประชุมของพวกนายมันก็ถือว่าเป็นพระคุณมากแล้วนะ ยังจะมาบอกให้เราตรงต่อเวลาอีกงั้นเหรอ ไหนพวกนายลองพูดหน่อยสิว่า มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เหรอ?”
หูจิ้งจู๋ยิ้มและมองไปที่ผู้บริหารกลุ่มที่มาภายหลัง
“คุณหูพูดได้ไม่เลวเลยครับ สมเหตุสมผล”
“การที่พวกเขารอพวกเรา มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
เจ้าหน้าที่อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน
ใบหน้าของฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ส่วนถังเฉานั้นไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ความสนใจของเขาไปอยู่ที่หูจิ้งซู ซึ่งดูเงียบอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
หูอีซานมองไปรอบๆด้วยสายตาที่มืดมน
เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรกันว่าหูจิ้งจู๋และหูจิ้งซูเป็นตัวนำในการสร้างปัญหา เพียงเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ดำเนินเรื่องความร่วมมือนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
เขาเป็นประธานกรรมการการบริหารของจวี้เฟิงกรุ๊ป หากไม่ปราบปรามเจ้าพวกนั้น ในอนาคตมันจะทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าคุณถัง เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ!
“เงียบกันให้หมดเลย!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง
เสียงคำรามนี้ นั่นสามารถทำให้ห้องประชุมเงียบลงได้จริงๆ
กรรมการบริหารทุกคนมองไปที่หูอีซานด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีที่ตกใจ ผู้บริหารระดับสูงก็พากันหัวเราะเยาะออกมา
“หูอีซาน นายมันก็แค่ประธานกรรมการการบริหารระดับล่างเท่านั้น มีคุณสมบัติอะไรไปโหวกเหวกโวยวายใส่คุณหูเขา?”
ผู้บริหารระดับสูงหัวล้านมองมาที่หูอีซานอย่างเยาะเย้ย ชื่อของเขาคือจ้าวอวี้
เขาเป็นผู้บริหารองค์กรที่หูจิ้งจู๋นำเข้ามา
“ไม่เลวเลย ฉันจำได้ว่าผู้บริหารหูนี่เป็นคนของตระกูลหูใช่ไหมคะ?อยู่บ้านก็เป็นคุณหูผู้อาศัย มาอยู่ที่บริษัทกลับกล้ามาตะโกนใส่คุณหูได้”
ผู้บริหารหญิงอีกคนพูด เธอก็เยาะเย้ย
ตราที่อยู่ด้านหน้าของเธอ มีหูหลิงเขียนไว้อยู่สองคำ เป็นคนของตระกูลหู
ฟางหย่ากดดันหูอีซานด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ประธานหู นี่เป็นวิธีการต้อนรับแขกของคุณงั้นเหรอคะ?ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราลี่จิงกรุ๊ปจะไม่ร่วมงานด้วยเด็ดขาด!”
เห็นได้ชัดเลยว่าฟางหย่าโกรธเป็นอย่างมาก
เมื่อคืนความรู้สึกก็พ่ายแพ้มากพอแล้ว ธุรกิจวันนี้ก็ถูกยั่วเย้าเหน็บแนม อารมณ์ของหล่อนจะระเบิดอยู่แล้ว
สีหน้าของหลินฉ่ายเวยก็ถอดสีอยู่ที่มุมห้อง หลังจากทำงานมาเนิ่นนาน นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทของเธอถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า
หูอีซานสงบลงอย่างรวดเร็ว “ประธานฟางวางใจได้ เรื่องนี้ผมจะให้คำอธิบายกับพวกคุณอย่างแน่นอนครับ!”
วินาทีถัดมา ดวงตาของเขาจมดิ่งลงพร้อมกับมองไปหาทุกคนที่อยู่รอบๆ “ใครที่กล้าพูดเรื่องไร้สาระแม้แต่คำเดียว ไปแจ้งฝ่ายบุคคลแล้วไล่ออกไปซะ!”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ห้องประชุมทั้งห้องกลับเงียบลงอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกว่านี่เป็นบรรยากาศที่อันตรายถึงตายเลยทีเดียว
สามวินาทีต่อมา ผู้บริหารที่นำโดยจ้าวอวี้และหูหลิงก็ต่างรู้สึกโกรธ
“นายเอาความกล้ามาจากไหนเยอะแยะ ถึงได้กล้ามาไล่พวกเราออก”
“ใช่ ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆว่านายจะกล้าไล่พวกเราออกหรือไงกัน?”
“ถ้าไล่ผู้บริหารระดับสูงออกเยอะขนาดนี้ ก็ไม่ต้องเปิดบริษัทแล้วล่ะฉันว่า!”
“ถ้าไม่มีพวกเราแล้วล่ะก็ ธุรกิจส่วนใหญ่ก็คงเจ๊งจบเห่ไม่เป็นท่าแน่!”
“...”
ผู้บริหารส่วนใหญ่นั้นไร้ซึ่งความกลัว ส่วนหูจิ้งจู๋และหูจิ้งซูก็นั่งอยู่ที่ตำแหน่งตรงนั้น ทำตัวราวกับไม่มีเรื่องอะไร
ระยะเวลาการอยู่ในตำแหน่งของหูอีซานนั้นสั้นเกินไป อดีตประธานกรรมการบริหารคนก่อนก็ถูกคนของตระกูลหูควบคุมไว้
ในอดีต หูอีซานได้ทำการกวาดล้างระบบของตระกูลหูไปบ้างแล้ว ดังนั้นเขาถือว่าได้ทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีนี้ไว้ในกลุ่มก้อนนี้
“กรรมการหู ควรทำอะไรก็ทำเถอะ อย่ากลัวผลที่จะตามมาเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม