แน่นอนว่าเจียงไป๋เสว่เข้าใจความหมายของถังเฉา
ถังเฉาเป็นคนบอกกับเธอเองว่าเฟิ่งหวงมาจาก ‘หว่างเหลี่ยง’
ในสมองของนักฆ่าทุกคนของหว่างเหลี่ยงล้วนมีชิประเบิดขนาดจิ๋วฝังเอาไว้หนึ่งชิ้น
เมื่อตายไปหรือเปิดเผยความลับขององค์กรก็จะออกคำสั่งให้ระเบิด ชิประเบิดก็จะระเบิดขึ้น
ในสมองของเฟิ่งหวงก็น่าจะมีฝังอยู่ชิ้นหนึ่ง
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถังเฉาทำอะไรไม่ได้เลย เกรงว่าแม้แต่ผู้บ้าการแพทย์ก็จนด้วยปัญญา
ทำลายกฎเดิมแล้วถึงจะสร้างกฎใหม่ขึ้นมาได้ นี่คือภารกิจที่ถังเฉามอบให้กับเฟิ่งหวง
สายลับสองหน้า เข้าไปถึงส่วนใน ไม่ใช่เพียงเพื่อเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อตัวของเฟิ่งหวงเอง
ถึงแม้ว่าจะเข้าใจเจตนาของถังเฉา แต่เจียงไป๋เสว่ก็ยังรู้สึกว่าวิธีนี้มันบ้ามาก
เธอมองถังเฉาอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “คุณทำแบบนี้จะทำให้เธอตายนะ”
“ยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหม?”
ถังเฉาถามกลับอย่างเย็นชาว่า “ศัตรูอยู่ในที่มืด ผมอยู่ในที่สว่าง พวกเราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นก็จะต้องถูกอีกฝ่ายตัดหน้าทุกครั้งเหมือนกับคุณ”
เจียงไป๋เสว่ตกอยู่ในความเงียบทันที
เธอรู้ว่าที่ถังเฉาพูดคือที่เธอสืบร่องรอยของหลี่เห้าโดยพลการในคราวที่แล้ว
ถ้าหากว่าถังเฉาเร่งมาไม่ทันเวลา เธอก็จะสูญเสียเลือดเยอะจนตายไป
“แต่ว่าคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจับตามองเฟิ่งหวงแล้ว?” เจียงไป๋เสว่เอ่ยถามอย่างไม่ยอม
“จับตามองมาตั้งนานแล้ว”
ถังเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “ก่อนหน้านี้มีหงโฝ นักสังหารคนหนึ่งที่ใช้แมลงมีพิษในการสังหารที่มาจากองค์กรนักฆ่าภายใต้การบังคับบัญชาของ ‘หว่างเหลี่ยง’ มาหาถึงบ้าน บอกความตั้งใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะจับเฟิ่งหวงกลับไป”
“แสดงให้เห็นว่าคนของพวกเขาได้แทรกซึมเข้ามาแล้ว ระหว่างที่หงโฝไม่ระมัดระวังตัวก็ถูกพวกเขาใช้ประโยชน์ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือหวังว่าผมกับเฟิ่งหวงจะกลาการป้องกันจากผม ลำพังเฟิ่งหวงตัวคนเดียว จะต้องถูกพวกมันจับตัยเป็นศัตรูกัน สูญเสียวไปแน่”
“อีกฝ่ายจะต้องเคยติดต่อกับเฟิ่งหวงอย่างแน่นอน ถึงได้ทำให้เฟิ่งหวงปั่นป่วนได้ขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงจะไม่ตกกระไดพลอยโจน ให้เฟิ่งหวงเป็นกระบี่ของผม เสียบเข้าไปฝ่ายในนั่นล่ะ?”
“แต่ว่า...”
เจียงไป๋เสว่ก็ยังคงเป็นกังวลว่าต่อไปเฟิ่งหวงจะตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย
ถังเฉากลับโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว นี่เป็นสนามรบ ผมคือเจ้ามังกร คำสั่งทหารห้ามฝ่าฝืน!”
สุดท้ายเจียงไป๋เสว่ก็ไม่ได้พูดอะไร ถอนหายใจเบา ๆ ภาวนาให้กับเฟิ่งหวงในใจ
สมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิง
ประธานหงเทียนหยาเรียกหลัวเฉิงที่มีรายชื่อเป็นอันดับที่เก้าของผู้แข็งแกร่งทั้งสิบมาที่ห้องทำงาน
“แก...”
ดูเหมือนหงเทียนหยาอยากจะด่าหลัวเฉิง แต่คำพูดมาอยู่ตรงริมฝีปากแล้วก็อดกลั้นไว้อย่างดื้อดึง ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“หลัวจวินหลานชายของแกโดนเจ้าถังเฉานั่นฆ่าตาย ทำไมแกถึงไม่ฆ่าเขาเสียล่ะ? หรือว่าแกจะอ่อนข้อให้?”
พูดมาถึงตอนสุดท้ายใบหน้าของหงเทียนหยาก็เข้มงวดขึ้นมา
ถ้าหากเป็นเช่นนี้เขาก็จะไม่ยกโทษให้หลัวเฉิง
หลัวเฉิงส่ายศีรษะ “ผมไม่ได้อ่อนข้อให้ แต่ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังเฉาจริง ๆ ครับ”
สีหน้าของหงเทียนหยาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที “เป็นไปได้ยังไง แกเป็นถึงลำดับที่เก้าของสมาคมภายใน นึกไม่ถึงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?”
“ไม่ผิดครับ”
หลัวเฉิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ดังนั้นผมคิดว่าการตายของหลานผมมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่า ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งไม่ลงมือกับผู้อ่อนแอแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฆ่าเลย”
สีหน้าของหงเทียนหยาไม่น่ามองเป็นอย่างมาก “แกกำลังสงสัยแผนการของฉันเหรอ?”
หลัวเฉิงรีบยกมือคารวะทันที “ข้าน้อยมิกล้า”
“พอแล้ว ๆ แกไปก่อนเถอะ”
หงเทียนหยาโบกไม้โบกมือด้วยใจที่ร้อนรุ่ม ไล่หลัวเฉิงออกไป
ในตอนนี้ก็มีลูกน้องอีกคนเดินเข้ามา ส่งใบรายชื่อมาให้หนึ่งแผ่น
“ประธานครับ นี่เป็นรายชื่อตระกูลบูโดตัวแทนของทุก ๆ ตระกูลใหญ่ที่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือครับ เชิญท่านอ่านดู”
ประชุมแดนเหนือจัดขึ้นที่เมืองเจียงเฉิง แน่นอนว่ามีสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงเป็นเจ้าภาพแล้ว
รายชื่อผู้แข็งแกร่งใด ๆ ก็ตามที่เป็นตัวแทนตระกูลใหญ่ทุกตระกูลที่เข้าร่วมประชุมจำเป็นจะต้องผ่านการตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าจากสมาคมการต่อสู้เสียก่อน
ฐานะทางสังคม ประสบการณ์ในอดีต ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในบรรดาเรื่องสำคัญใด ๆ
เมื่อมีผู้ที่มีประวัติต้องโทษที่น่ารังเกียจ ก็ล้วนต้องถูกตัดคุณสมบัติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม