บรึม!
พอฉินผู่หยางพูดคำนี้ออกมา ถังเฉาสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง มองเขาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“เหนือตระกูลหลวงยังมีตระกูลราชวงศ์ ?”
ถังเฉาหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หัวใจกระตุกอย่างรุนแรงทีหนึ่ง
ข่าวสารอันนี้ แม้ตัวเขาเองก็ไม่สามารถไปหารับรู้ได้
ฉินผู่หยางวางสีหน้าราบเรียบ : “ไม่ต้องตื่นเต้นแปลกใจ อิทธิพลที่อยู่เหนือตระกูลหลวงนั้น ได้เหยียบข้ามอยู่เหนือองค์กรใด ๆ แล้ว นอกเสียจากว่าอยู่ในสายเครือข่ายที่ถึงกัน มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะสืบสอบได้”
สีหน้าถังเฉาอึมครึมลงอย่างสุด ๆ
แต่ไหนแต่ไรเขามีความรู้สึกว่า ในฐานะนักรบเทพอย่างเขาสามารถสยบได้ซึ่งทุกสิ่ง
แต่เรื่องที่ดันพรวดโผล่มาเป็นว่า เหนือตระกูลหลวง ยังมีตระกูลราชวงศ์ ทำเอารับมือไม่ทัน
เขารู้สึกเกิดมีความกดดันในใจอย่างใหญ่หลวง
“เหนือตระกูลหลวง มันอะไรกัน ?”
ถังเฉาถามเสียงเครียด
ฉินผู่หยางอึ้งไปพักใหญ่ หลังจากนั้นพูดช้า ๆ ออกมาประโยคหนึ่งว่า
“ผมก็เพียงแต่เคยได้ยินคุณปู่พูดถึงอยู่ครั้งหนึ่ง ขานนามว่า........”
“ราชวงศ์”
“ราชวงศ์ต้าเซี่ย”
“ราชวงศ์ ?”
ถังเฉาขมวดคิ้ว: “อะไรคือราชวงศ์ ?”
ฉินผู่หยางยิ้มเยาะเหมือนให้กับตัวเอง: “ผมก็ได้เคยถามคุณปู่ในเรื่องนี้ คุณปู่บอกว่า เขาก็เคยถามท่านปู่ทวดในเรื่องนี้-----ก็ไม่รู้ว่าท่านปู่ทวดได้มีถามท่านปู่ของท่านกับปัญหานี้หรือเปล่า”
ได้ยินดังนั้น ถังเฉาให้รู้สึกเป็นความกดดันสุด ๆ
“แปดตระกูลใหญ่ที่นอกเหนือจากตระกูลหลิน ล้วนต่างมีบรรพชนที่อยู่ในราชวงศ์ที่เกี่ยวดองกัน ตระกูลหลวงเป็นเพียงส่วนปีกแยกย่อยเล็ก ๆ เท่านั้น ผมขอขนานนามเป็นว่า-----‘ผู้พิทักษ์ภูเขา’”
ฉินผู่หยางกดเสียงทุ้มพูดว่า: “เป็นผู้แทนของราชวงศ์ให้มาดูแลจัดการกิจการทั่วไป แต่ละปีจะต้องส่งส่วยตามจำนวนที่กำหนด เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกป้องคุ้มครองจากราชวงศ์ !”
ถังเฉานิ่งอึ้งไปพักใหญ่ พลันถามว่า: “ถ้างั้นที่คุณเรียกว่า ‘สาวพระ’ ก็ต้องเป็นคนฝ่ายทางราชวงศ์สินะ ?”
ฉินผู่หยางผงกหัว: “มิผิด คนบ้าดนตรีฉินเจียนเวย ก็คือ ‘สาวพระ’ ของราชวงศ์ต้าเซี่ย”
“เดิมที เธอมาจากราชวงศ์ต้าเซี่ย มายังตระกูลหลวงตระกูลฉินของเรา ก็เพื่อเป็นการสอดส่อง คนในตระกูลฉินทั้งหมดไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะคุยกับราชวงศ์ซึ่ง ๆ หน้า นอกเสียแต่ต้องผ่านทาง ‘สาวพระ’ พูดได้ว่า ฉินเจียนเวยก็คือสะพานเชื่อมทางเดียวเท่านั้นสำหรับการติดต่อระหว่างตระกูลหลวงตระกูลฉิน กับ ราชวงศ์”
ฉินผู่หยางพูดมาเท่านี้ ถังเฉาก็ได้เข้าใจละ
“แต่แล้วหลังจากนั้น ทำไมฉินเจียนเวยจึงออกจากตระกูลฉิน วางตัวอยู่ในนามของคนบ้าเพลงหละ ?”
ถังเฉาเอ่ยถาม
ฉินผู่หยางหัวเราะ:“นั้นคงต้องถามฉินกวนฉีละ ว่าทำอย่างไรถึงได้ไปชิงเอาหัวใจของคนบ้าเพลงมาได้”
ดวงตาถังเฉาฉายแสงเยือกแวบหนึ่ง: “คนบ้าเพลงกับฉินกวนฉี มีสายสัมพันธ์ใจกันหรือ ?”
ฉินผู่หยางหัวเราะพลางส่ายหัว: “สัมพันธ์ใจคงพูดไม่ได้ ว่ากันเต็มที่ ก็คงเป็นการชื่นชมซึ่งกันและกันแหละ”
“คนบ้าเพลงตอนที่เพิ่งมาถึงตระกูลฉินของเราใหม่ ๆ ตอนนั้นผมยังอายุน้อยมาก ความรู้สึกที่หล่อนให้หลาย ๆ คนในตระกูลหลวงนี้รับรู้คือความเงียบสงบ เงียบสงบมากจริง ๆ ดุจดังหนึ่งดอกเหมย ชื่นชมในตัวเองอย่างสันโดษ”
“ช่วงยามว่าง สิ่งที่หล่อนชอบที่สุดคือเล่นดนตรี ดนตรีที่หล่อนบรรเลงออกมาล้ำเลิศเป็นหนึ่งหาใดเทียบได้ในโลกนี้ เสียงกังวานก้องแว่วนับสามวันยังไม่จางหาย แม้กระทั่งคุณปู่ก็ยอชมไม่ขาดปาก กวาดมองดูคนวัยรุ่นละอ่อนทั้งตระกูลฉินไม่มีใครไม่ชอบคนบ้าดนตรี ผมก็ด้วยคนหนึ่ง”
ฉินผู่หยางเล่าย้อนความหลัง: “แต่ไม่มีใครทำให้คนบ้าดนตรีสนใจได้เลย ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง”
“ฉินกวนฉี ?”
ถังเฉาเอ่ยถาม
“ใช่ ก็คือฉินกวนฉี”
ฉินผู่หยางพูดต่อ: “เขาเป็นคนไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ไหนแต่ไรไม่สุงสิงกับใคร คนอื่น ๆ ก็ไม่ชอบที่จะไปเล่นกับเขา แต่หากจะพูดในความหมายอีกมุมมอง ฉินกวนฉี กับคนบ้าดนตรี เป็นคนประเภทเดียวกัน”
“ฉินกวนฉีมีเชิงหมากรุกเป็นหนึ่งไม่มีสอง ฉินเจียนเวยมีทักษะทางดนตรีขั้นบรรลุ ทั้งสองคนสมเป็นคู่ฟ้าประทาน”
ถังเฉานิ่งขรึมไปคู่หนึ่ง เอ่ยพูดขึ้นว่า: “แล้วหลังจากนั้นหละ ?”
เห็นจากจุดละเอียดให้รู้ได้ถึงความเด่นเลิศ
เป็นเรื่องจริง ฉินกวนฉีผู้นี้ ฟังชื่อก็ให้เห็นได้ว่าฝีมือในเชิงหมากรุกต้องล้ำเลิศ
โบราณมามีหวีป๋อหยากับจงจื่อฉีเพลง “เขาสูงน้ำไหล” สืบทอดนิรันดร์กาล ปัจจุบันมีฉินเจียนเวยกับฉินกวนฉี หมากรุกคู่เคียงเสียงดนตรี
เขาทั้งคู่ควรเปรียบได้เป็นเด็กทองสาวหยกจริงแท้
“แม้เมี่อฉินกวนฉีกับคนบ้าดนตรีเดินด้วยกัน ถ้ามีว่าง ทั้งคู่ก็จะวางหมากรุกบรรเลงพิณด้วยกัน ไม่คนบ้าเพลงเป็นเพื่อนเล่นหมากรุกกับฉินกวนฉี ก็ฉินกวนฉีนั่งฟังคนบ้าเพลงเล่นดนตรี”
“แทบจะว่าไปได้ว่าใคร ๆ ก็มองว่าทั้งคู่ต้องเดินเข้าประตูสู่โถงวิวาห์ด้วยกัน แต่เกิดเหตุอุบัติขึ้นเรื่องหนึ่ง”
ฉินผู่หยางเอ่ยพูด
“เรื่องอะไรหรือ ?”
ถังเฉาเอ่ยถาม
สายตาฉินผู่หยางมองไปที่ตัวถังเฉา แค่นเสียงประหลาดหัวเราะ: “ในช่วงเวลาตอนนั้นพอดีตระกูลฉินกับตระกูลหลินมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และฉินกวนฉีก็มองธิดาคนโตตระกูลหลินอย่างมีความหมาย”
ถังเฉาขมวดคิ้นย่น แต่ไม่ได้ตัดบท
เขาเข้าใจคนบ้าดนตรี คนบ้าดนตรีไม่ใช่คนความคิดตื้น ๆ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในวิสัยโลกทั่วไป ไม่สามารถผูกมัดหล่อนได้
“แน่นอน ในพฤตินัยเขาทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน สิ่งที่ทำร้ายจิตใจของคนบ้าดนตรีอย่างแท้จริงก็คือ เป้าหมายของฉินกวนฉี”
ฉินผู่หยางพูดว่า: “เขามุ่งมั่นกับเป้าหมายอย่างมากในการตีสนิทกับคนบ้าดนตรี ตั้งแต่เริ่มต้น ก็เพื่อใช้คนบ้าดนตรีแสวงหาผลประโยชน์”
“เขาอาศัยใช้คนบ้าดนตรี พอได้พบปะคนในของตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ย และได้รับการยอมรับของเขา ฉินกวนฉีก็จะตลบตะแลงให้ร้ายว่าคนบ้าดนตรีว่าหลงรักเขา”
“ผู้ที่เป็น ‘สาวพระ’ จะมีอารมณ์รักใคร่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ฉินเจียนเวยถูกถอดถอนฐานะศักดิ์ ‘สาวพระ’ หล่อนต้องแบกหัวใจแหลกสลายออกพ้นจากบ้านตระกูลฉิน และฉินกวนฉีก็ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมตระกูลฉินกับราชวงศ์โดยปริยาย”
ฟังจบเรื่องราวของคนบ้าดนตรีจากการบอกเล่าของฉินผู่หยางแล้ว ถังเฉาก็รู้สึกเวทนาใจ
คือเท่ากับว่าฉินกวนฉีได้ทรยศต่อคนบ้าดนตรี แล้วสวมรอยสืบต่อสถานะของคนบ้าดนตรี
ในขณะนี้ฉินกวนฉีก็คือผู้ประสานข่าวของราชวงศ์ต้าเซี่ย
เหตุการณ์ต่อมาก็คือ ฉินเจียนเวยต้องเร่ร่อนไปในโลกกว้าง แลได้มาพบกับถังเฉา
ตั้งแต่นั้นต่อมา ฉินเจียนเวยใส่สวมผ้าปิดหน้า
โลกนี้ขาดหายไปหนึ่ง ‘สาวพระ’ ที่ชื่อฉินเจียนเวย เพิ่มมากมาอีกหนึ่งคนบ้าที่เรียกว่าคนบ้าดนตรี
ขณะเดียวกันนั้นถังเฉาก็ตกอยู่ในภวังค์ขรึมอีกครั้ง
แปดตระกูลใหญ่ที่นอกเหนือจากตระกูลหลิน ล้วนต่างมีบรรพชนที่เกี่ยวดองอยู่ในราชวงศ์ต้าเซี่ย แล้วอย่างตระกูลเย่ ตระกูลถัง จะมี ‘สาวพระ’ แบบเดียวกันนี้หรือไม่ ?
ฉินผู่หยางพูดอย่างจริงจังว่า: “เรื่องที่เกี่ยวกับความลับของคนบ้าดนตรี ในตระกูลฉินของเราล้วนเป็นเรื่องต้องห้าม ผมก็ได้เล่าแจงให้คุณฟังแล้ว คงเป็นการบ่งชัดถึงความจริงใจได้แล้วนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม