หลังจากการปรากฏตัวของตระกูลยักษ์ใหญ่ของหมิงจู ตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองเจียงเฉิงก็ปรากฏตัวตามมาเหมือนกัน
แต่พวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับหงเทียนหยา ตรงกันข้าม กลับมาอยู่ข้างกายของถังเฉา เข้ามาทักทายกันอย่างสนิทสนม
แล้วก็ถือโอกาสทักทายพวกหลินฉ่ายเวย ฟางหย่า หลินจ้าวหยูนด้วย
หลินฉ่ายเวยกับฟางหย่าก็อึ้งตะลึงไปไม่น้อย
โดยเฉพาะฟางหย่า
ทั้งสองคนยังคงจำได้ดี เมื่อครั้งที่มายังเมืองเจียงเฉิง ถังเฉาเคยบอกว่ารู้สึกไม่คุ้นชินกับเมืองเจียงเฉิงเท่าไร
ตอนนั้นฟางหย่าดีใจมาก เพราะว่าเธอก็เป็นพลเมืองของเมืองเจียงเฉิง แถมยังได้แนะนำโครงสร้างอำนาจอิทธิพลของเมืองเจียงเฉิงให้กับถังเฉาด้วยความกระตือรือร้นอีกด้วย
ผลที่ได้ คนใหญ่คนโตระดับสูงของเมืองเจียงเฉิงที่ยืนรวมตัวกันเหล่านั้น กลับมีความเกรงใจต่อถังเฉาเป็นพิเศษเนี่ยนะ?
ตอนนี้ฟางหย่าถึงเข้าใจขึ้นมา ไม่ทันได้ตั้งตัว ถังเฉาก็กลับมาทำตัวค้อมต่ำไม่เป็นจุดสนใจอีกครั้ง
หงเทียนหยาสีหน้าดูไม่ได้ถึงขีดสุด
อิทธิพลของหมิงจูเข้ามาช่วยสนับสนุนถังเฉาเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่คิดว่าอำนาจอิทธิพลของเมืองเจียงเฉิงก็หันมาสนับสนุนถังเฉาเช่นกัน
อำนาจอิทธิพลมากมายขนาดนี้ หงเทียนหยาก็ไม่กล้าเข้าไปปะทะตรงๆ!
“ประธานหง ยังจะลงมือกับผมอีกไหม?”
ถังเฉากางสองขา มองหงเทียนหยาด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
ในตอนนี้ หงเทียนหยาสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหนักอึ้งตึงเครียด
คราวนี้เขาเข้าใจความหมายของหลัวเฉิงขึ้นมาแล้ว
คนที่มีผู้นำตระกูลมาติดตามมากมายขนาดนี้ ไม่มีทางไปลงมือกับพวกคนระดับล่างของสมาคมการต่อสู้แน่นอน
เขาก็มีศักดิ์ศรีความทะนงตัวของเขาเหมือนกัน
แต่ว่า คนของสมาคมการต่อสู้ตายไปทั้งคนแบบนั้น มันจะต้องมีฆาตกรที่ฆ่าอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่าฆาตกรเป็นใครนั้น ก็ไม่สนใจแล้ว
“ได้ ถังเฉา พวกเราค่อยมาคิดบัญชีนี้ก็แล้วกัน!”
หงเทียนหยาพาคนจากไปด้วยสีหน้าดำมืด
มองเงาหลังของหงเทียนหยา เย่เทียนหลงก็พูดกระซิบเบาๆ
“คุณถัง คุณต้องระวังนะครับ มีความเป็นไปได้มากว่าสมาคมการต่อสู้แห่งเมืองเจียงเฉิงอาจจะลงมือกับคุณในการประชุมก็ได้”
คำพูดนี้พูดอย่างคลุมเครือมาก ผู้คนมากมายตรงนั้นต่างก็ไม่ได้ยิน
ถังเฉากลับยิ้มนิ่งๆ ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ลงมือในการประชุมแล้วจะยังไง? ไม่สมดั่งหวังหรอก”
พอได้ยินประโยคนี้ เย่เทียนหลงกลับวางใจลงไปเยอะ
ถังเฉาแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ตัวเองเอาไม่อยู่แน่นอน
ในเวลานี้ ข้างกายของถังเฉามีคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตามากมายมารวมตัวกัน ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คน
นอกจากพวกตระกูลอำนาจที่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือแล้ว พวกคนดูเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เป็นประชาชนคนธรรมดาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นพวกเซี่ยสิงจู๋ หรือว่าต่งวี่ซู่ ก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่ได้แต่มอง แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆทั้งนั้น
จะรู้สึกตกใจก็เป็นเรื่องปกติ
“ชิงเสว่ ไม่ได้เจอกันนาน เธอโตขนาดนี้แล้วเหรอ?”
ที่ไม่ไกล มีเสียงคนแก่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง
คนชราคนหนึ่ง ค้ำไม้เท้าเดินเข้ามา
ข้างหลัง มีคนอายุประมาณสามสิบเดินตามมาด้วยสองคน
แต่หนึ่งในนั้นถือไม้ค้ำสองข้าง เพราะขาขาดไปแล้ว
ว้าว!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว
“ผู้นำตระกูลฉินแห่งตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ในที่สุดก็มาแล้วเหมือนกัน!”
คนที่อยู่บนอัฒจันทร์รอบๆก็ตกใจสุดๆ
เมื่อคนที่มีเรื่องขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันได้ มีแค่ผู้นำของตระกูลยักษ์ใหญ่ของแต่ละเขตเท่านั้น
สำหรับคนธรรมดาทั่วไป บางทีอาจจะเป็นคนที่ได้แค่มองแต่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในประชุมแดนเหนือที่คนใหญ่คนโตมารวมตัวกัน ผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่ ก็อยู่แค่ระดับกลางเท่านั้น
ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูต่างหากที่เป็นบุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารที่แท้จริง
แถมนายท่านฉินโช่ววง ก็เป็นบุคคลระดับผู้นำตระกูลของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูอีก!
นายท่านฉินไม่มีทางทักทายกับใครอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน ถ้าเกิดไม่ใช่การแก้แค้น ก็เป็นการตอบแทนบุญคุณ
แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว การแก้แค้นมีความเป็นไปได้มากกว่า
“นายท่านฉินสวัสดีตอนเที่ยงค่ะ”
ในที่สุดหลินชิงเสว่ก็ลุกขึ้น ทักทายฉินโช่ววงตามทำเนียมของตระกูลยักษ์ใหญ่ที่มีเฉพาะในตระกูลหลวงอย่างช้าๆ
แต่ในสายตานี้ กลับมองออกถึงความระแวดระวังที่มีไม่น้อย
ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว
สามีของเธอ ถังเฉา ได้ตัดขาของฉินผู่หยางหนึ่งข้าง ทำลายอนาคตของเขา
ตระกูลฉินโกรธเคียดแค้นมาก ความโกรธแค้นนี้ไม่มีทางจางหายไปตามกาลเวลาแน่นอน แต่กลับตรงกันข้าม มีแต่จะยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น
แต่ในตอนนั้นถังเฉากำลังเข้าร่วมกองทัพ ได้รับการปกป้องจากประเทศชาติ ตระกูลฉินจึงหมดหนทาง
ตอนนี้ถังเฉาออกจากราชการทหารแล้ว ตระกูลฉินจะต้องลงมือกับถังเฉาแน่นอน
พอเจอกับตระกูลฉินที่ยิ่งใหญ่ หลินชิงเสว่ก็ไม่สามารถปกป้องถังเฉาได้แล้ว
ฉินกวนฉีก็มองหลินชิงเสว่ด้วยสีหน้าขี้เล่น
พวกเขาจะต้องจำเรื่องนี้ได้แน่นอน
ตอนที่หลินชิงเสว่กลับเยี่ยนจิงเมื่อครั้งที่แล้ว ก็เคยถูกคนของตระกูลหลินลักพาตัวไป วางแผนที่จะให้เธอไปแต่งงานกับตระกูลฉิน เพื่อกลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฉิน
แต่กลับถูกถังเฉาที่โมโหเกรี้ยวกราดมาขัดขวางเอาไว้
แต่ว่าจะพูดยังไง หลินชิงเสว่ก็เกือบจะได้เป็นเมียของตระกูลฉินอยู่แล้ว
ถังเฉาก็ลุกขึ้นยืนอย่างยิ้มๆ ขณะไม่ทันตั้งตัวก็ใช้ร่างกายตัวเองมาบังหลินชิงเสว่เอาไว้ ยื่นมือออกไปหานายท่านฉิน
“นายท่านฉิน ผมเป็นสามีของชิงเสว่ เชื่อว่าคุณเคยได้ยินชื่อของผมตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วแล้วนะครับ”
ฉึก!
พอคำพูดนี้ออกมา ไม่ใช่แค่คนของตระกูลฉินที่สีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่พวกหลินชิงเสว่เอง ก็สีหน้าตกใจเช่นกัน
สิ่งไหนไม่ควรหยิบยกมาพูด ก็ดันเอามาพูดซะอย่างนั้น!
ตระกูลฉินยังไม่ทันพูดถึงเรื่องขาที่ขาดของฉินผู่หยางเลย แต่เขากลับพูดเตือนขึ้นเองซะอย่างนี้
ทันใดนั้น หลินชิงเสว่ก็ใจเต้นแรง รู้สึกตึงเครียดกดดันสุดๆ
ฉินโช่ววงหรี่ตาลงเล็กน้อย“ไอ้เด็กน้อย ฉันเข้าใจว่านี่มันคือการเยาะเย้ยได้ใช่ไหม?”
หน้าของฉินผู่หยาง ก็แสดงความโกรธขึ้นมา
แต่กลับยังไม่ได้ถึงขั้นมีแรงอาฆาตขนาดนั้น
เขากับถังเฉาเป็นพันธมิตรกันแล้ว แน่นอนว่าปล่อยวางความแค้นไปแล้ว แต่พวกฉินกวนฉี ก็ไม่รู้เหมือนกัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม