ผู้หญิงสองคนที่เป็นตัวแทนของตระกูลลั่วเดินตรงมาทางนี้อย่างช้าๆ ก็คือแม่ยายและน้าของถังเฉานั่นเอง
ลั่วเย่นหัวกับลั่วเยนอวิ๋น
ฉากที่เห็นตรงหน้านี้เข้าไปในสายตาของผู้คนรอบข้าง ไม่มีคนไหนที่ไม่อึ้งตะลึง
“นี่มันตระกูลลั่วแห่งตระกูลหลวงไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็เท่ากับว่าตระกูลหลวงแห่งเยี่ยนตูทั้งสามตระกูลมาอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว!”
“สามตระกูลหลวงยักษ์ใหญ่มารวมตัวกัน มีเรื่องขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันอย่างนั้นเหรอ?”
“……”
บรรดาคนที่ดูอยู่ข้างๆต่างก็ช็อคและตกใจ พากันซุบซิบพูดคุยกัน
ในความเป็นจริง หลังจากที่ตระกูลฉิน ตระกูลถังทยอยกันปรากฏตัวออกมานั้น พวกเขาก็ตกใจมากพออยู่แล้ว
แต่การมาถึงของตระกูลลั่ว ยิ่งทำให้ความขัดแย้งของที่นี่พุ่งพรวดถึงจุดสูงสุดขึ้นไปอีก
ไม่ว่ายังไง ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ต่อให้ปรากฏตัวขึ้นมาแค่ตระกูลเดียว ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สามตระกูลหลวงยักษ์ใหญ่มารวมตัวกันแบบนี้
สายตาที่ตกใจและประหลาดใจมองไปยังถังเฉาด้วยความเหลือเชื่อ
ในใจคิดว่าชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงสามารถทำให้สามตระกูลหลวงยักษ์ใหญ่ปรากฎตัวออกมาได้ขนาดนี้?
ตึก!ตึก!ตึก!
ไม่ไกลก็มีเสียงฝีเท้าที่ชัดแจ๋วของลั่วเย่นหัวและลั่วเยนอวิ๋นดังขึ้นมา
พวกเธอเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือว่ารังสีรอบตัว ก็ดูสูงส่งเหมือนกันหมด
คนข้างหลังสวมเสื้อคลุมแฟชั่น เสื้อกันลมยาว ปกคลุมส่วนล่างของเธอ เผยให้เห็นถึงข้อเท้าขาวนวลทั้งสองข้าง ภายใต้ผิวหนังยังเห็นเส้นเลือดอยู่ลางๆ
บนเปลือกตาทาอายแชโดร์อ่อนๆ ดูแล้วมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้
น้าเล็กเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นมาโดยตลอด รูปร่างหน้าตาที่ดูย้อนวัย ยิ่งทำให้คนรู้สึกสงสัยมากขึ้น คนที่บอกว่าเธออายุแค่สามสิบปีก็มีไม่ใช่น้อย
แต่ลั่วเย่นหัวไม่เหมือนกับลั่วเยนอวิ๋น ลั่วเย่นหัวเป็นเหมือนหยกอำพันที่เก็บไว้นานจนความงามเสื่อมสภาพไป
แม้ว่าเธอจะลาสิกขาแล้ว แต่เธอก็ยังคงคุ้นชินกับการกินเจสวดมนต์ไหว้พระอยู่ เธอดูสงบนิ่งใจเย็น
ราวกับว่าแค่มายืนอยู่ข้างๆเธอ ก็จะสามารถละความโปรดปรานและความอัปยศไปจนหมด
ข้างหลังของพวกเธอ ก็มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมายตามมาเช่นกัน เป็นตัวแทนของตระกูลลั่วในการลงแข่งขันการประชุมแดนเหนือ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ในที่สุด พวกเธอก็มาถึงข้างๆหลินชิงเสว่ ลั่วเย่นหัวพูดถามขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ไม่เป็นไร”
หลินชิงเสว่ตอบกลับไปหนึ่งคำอย่างนิ่งเฉย
ลั่วเย่นหัวไม่สนใจเลยสักนิด ยิ้มเล็กน้อย
“คุณนาย!”
ข้างหลัง หลินเจิ้นสงมองลั่วเย่นหัวด้วยความเหลือเชื่อ ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นตัว
ลั่วเย่นหัวหันไปมอง รอยยิ้มที่ใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น
“ฉันไม่ใช่เจ้าแม่ตระกูลหลินแล้ว ดังนั้นไม่ต้องเรียกฉันว่า‘คุณนาย’แล้วก็ได้”
แม้ว่าจะมีเรื่อง‘แย่งผู้หญิง’กันเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่หลินเจิ้นสงก็ยังรู้สึกยำเกรงต่อลั่วเย่นหัวโดยสัญชาตญาณอยู่
“เด็กน้อย ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไงว่า เจอปัญหาเมื่อไร ให้เรียกน้าเล็ก น้าเล็กจะช่วยจัดการแทนนายเอง”
ลั่วเยนอวิ๋นมาอยู่ข้างๆถังเฉา สีหน้าโมโหเล็กน้อย รู้สึกไม่พอใจกับการที่ถังเฉาไม่ยอมแจ้งให้เธอทราบ
ด้วยเหตุนี้ ถังเฉาทำได้แค่ยิ้มอย่างอมทุกข์“รู้แล้วครับ น้าเล็ก ต่อไปผมจะบอกคุณแน่นอนครับ”
ดูจากนิสัยที่หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะวุ่นวายโกลาหลเพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายของตัวเองของน้าเล็กแล้ว จะต้องมีเลือดตกยางออกก่อน ถึงจะหยุดแน่ๆ
ในขณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้น ที่นี่ก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย หันหน้าเข้าหากัน
ถังเฉาหลินชิงเสว่ กลุ่มของตระกูลลั่ว กลุ่มของตระกูลฉิน
ถังฮันเจี๋ยสีหน้าดูไม่ดีสุดๆ
แค่ลั่วเยนอวิ๋นคนเดียว ก็ทำให้เขากดดันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เป็นราชินีแห่งเยี่ยนตูที่ทรงพลังทรงอิทธิพลมากๆเมื่อยี่สิบปีก่อน
“น้าลั่ว เด็กคนนั้นไม่ใช้แค่ทำร้ายยอดฝีมือของตระกูลถังของผมเท่านั้น แต่ยังโยนเหรียญตราประจำตัวของผมทิ้งไปอีกด้วย หรือว่าพวกคุณจะปกป้องคนทำผิดอย่างนั้นเหรอ?”
ถังฮันเจี๋ยพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“ปกป้องคนทำผิด?”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดอย่างเย้ยหยัน“หลานเขยของฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันปกป้องคนทำผิดอะไรไม่ทราบ?”
“ทำร้ายยอดฝีมือของตระกูลถังของนาย นั่นก็เพราะว่าพวกเขาฝีมือด้อยกว่า จะโทษใครได้? ส่วนทิ้งเหรียญประจำตัวของนาย ฉันยังไม่เห็นถังเฉาโยนเหรียญตราของนายทิ้งไปเลย มันไม่นับ!”
ลั่วเยนอวิ๋นสองมือเท้าสะเอว พูดด่าถังฮันเจี๋ยอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยอารมณ์ที่ดุร้ายรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม