ตอนนี้ทุกอย่างเงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงที่นิ่งขรึมแต่ทรงพลังของลั่วเย่นหัวเท่านั้นที่ดังออกมา
ไม่รู้ว่าทำไม ทุกคนตรงนั้น รวมถึงฉินโช่ววงต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
จิตใจและอารมณ์ของลั่วเย่นหัวดูอ่อนลงไปเยอะ ไม่ขี้โมโหแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโมโหไม่เป็น
คนที่ไม่ค่อยโมโหจู่ๆก็โมโหขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆเรื่องหนึ่งเลย
แม้แต่ฉินโช่ววง ก็ยังตกใจกับพลังงานที่ตัวของลั่วเย่นหัว
“ฉันไม่สนว่าใครถูกใครผิด ฉันมองแค่ว่า พวกคุณทั้งสองตระกูลหลวงร่วมมือกัน กดขี่ข่มเหงคนของตระกูลฉัน ทำเหมือนกับว่าฉันไม่มีตัวตนหรือไง!!!”
ลั่วเย่นหัวน้ำเสียงสูงขึ้นมาทันที
ทุกคนก็ใจสั่นสะดุ้ง
พวกคนที่ขี้ขลาด ก็แทบจะตกใจจนหมดสติไป
ถังเฉาก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน
นี่คือแม่ยายของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
แข็งแกร่งทรงพลังเกินไปแล้วไหม?!
ในตอนนี้ลั่วเย่นหัวก็กลายเป็นราชินีที่เย่อหยิ่งทะนงตัวอย่างแท้จริงแล้ว
หลินชิงเสว่เป็นหนึ่งในคนที่นิ่งสงบที่สุดในบรรดาผู้คน ตอนเด็กเธอเห็นมาเยอะแล้ว
ถึงขนาดที่พูดได้อย่างไม่เกรงใจเลย ว่าลั่วเย่นหัวในตอนนี้ เทียบกับจุดที่สูงสุดในสมัยก่อนต่างกันราวฟ้ากับเหว
ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังดื่มน้ำขวดอย่างนิ่งสงบด้วยซ้ำ
“ไสหัวไปซะ!”
ลั่วเย่นหัวมองฉินโช่ววงกับถังฮันเจี๋ย พร้อมกับพูดคำนี้ออกมาอย่างนิ่งสงบสุดๆ
คนที่ดูดีดูสง่า แม้แต่ตอนที่ด่าคนก็รู้สึกว่าเธอดูสุภาพไม่หยาบคาย
ในเวลานี้ พอลั่วเย่นหัวพูดคำว่า‘ไสหัวออกไป’ออกมา ก็ไม่มีใครที่ไม่กล้าเชื่อฟังแม้แต่คำเดียว
“ผู้นำตระกูลฉิน ตอนนี้ควรทำยังไงดีครับ?”
ภายใต้ความทรงพลังของลั่วเย่นหัว สีหน้าของถังฮันเจี๋ยก็ซีดขาวไม่น้อย ทำได้แค่ร้องขอความช่วยเหลือจากฉินโช่ววง
ฉินกวนฉีกับฉินผู่หยาง ก็ใจเต้นแรงเหมือนกัน จ้องมองลั่วเย่นหัว
ตอนที่ลั่วเย่นหัวออกจากเยี่ยนจิงเมื่อยี่สิบปีก่อน พวกเขายังเด็กอยู่ เคยได้ยินแต่ตำนานของลั่วเย่นหัว ไม่เคยเห็นท่าทางที่โมโหเกรี้ยวกราดของลั่วเย่นหัวกับตามาก่อน
ตอนนี้ ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ตอนที่ลั่วเย่นหัวโมโหขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็ยังคงมองไม่พออยู่ดี
แบบนี้สามารถจินตนาการถึงเยี่ยนตูเมื่อยี่สิบปีก่อนได้เลย ว่าพวกผู้คนรู้สึกหวาดกลัวยำเกรงลั่วเย่นหัวขนาดไหน
ฉินโช่ววงก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลเหมือนกัน แต่ยังไม่กะที่จะประนีประนอมง่ายๆแบบนี้
“เย่นหัว แม้แต่ฉันที่อาวุโสกว่าเธอก็ไม่เห็นหัวฉันเลยอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินโช่ววงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ลั่วเย่นหัวตอบกลับไปนิ่งๆ“เพราะว่าฉันเห็นแก่คุณไงคะ ฉันจึงพูดแบบนี้กับคุณ ยี่สิบปีก่อน ฉันพูดมากมายขนาดนี้ที่ไหนกันล่ะ?”
พอได้ฟังแบบนั้น
ฉินโช่ววงก็สีหน้าเปลี่ยนไป
แน่นอนว่า ถ้าเป็นลั่วเย่นหัวเมื่อยี่สิบปีก่อน ป่านนี้ลงไม้ลงมือไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า ประโยคนี้ก็พูดได้ตรงประเด็นมาก
ตอนนี้ มันไม่ใช่ยี่สิบปีก่อนแล้ว!
ลั่วเย่นหัว เธอก็ไม่ใช่ลั่วเย่นหัวเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว!
เธอในตอนนี้ เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น!
“เย่นหัวเอ๋ย เธอต้องทำความเข้าใจกับความจริงก่อนว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของเธอแล้ว”
ท่าทีของฉินโช่ววงก็ค่อยๆทรงพลังมากขึ้น หรี่ตามองลั่วเย่นหัวพร้อมกับพูดขึ้น“เธอในตอนนี้ เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ไม่มีอำนาจในมือแล้ว มีสิทธิ์อะไร มาพูดแบบนี้กับพวกเรา?”
พอได้ฟังคำพูดของฉินโช่ววง ถังฮันเจี๋ยก็ตอบสนองกลับมาเหมือนกัน
พอพูดถึงลั่วเย่นหัว ผู้คนก็จะเอาแต่นึกถึงราชินีของเยี่ยนตูขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
จึงรู้สึกเคารพยำเกรงเธอ หวาดกลัวเธอ
แต่ถ้าคิดดีๆแล้ว เธอก็เข้าสู่ทางธรรมไปแล้ว กลายเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
ตระกูลลั่วในตอนนี้ เธอไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลอีกแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ ถังฮันเจี๋ยสีหน้าก็โมโหขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
นี่ตัวเองถูกผู้หญิงที่เป็นอดีตไปแล้ว ทำได้แค่พึ่งอำนาจบารมีที่เหลืออยู่มาสั่งสอนอย่างนั้นเหรอ?
ลั่วเยนอวิ๋นสีหน้าตื่นตกใจ เพราะว่าฉินโช่ววงพูดถูกจุด
ในตอนนี้พี่สาวของเธอไม่มีอำนาจใดๆแล้ว ดังนั้นการที่สามารถกลับมาถึงตระกูลลั่วได้อีกครั้ง ก็อาศัยตำแหน่งของเธอในตระกูลลั่ว
ผู้นำตระกูลลั่วในตอนนี้ เกรงกลัวอิทธิพลของลั่วเย่นหัวอย่างมาก กลัวว่าจะไปแย่งตำแหน่งของเธอ แทบจะไม่ให้ตำแหน่งใดๆกับเธอเลยแม่แต่น้อย
ดังนั้น ตอนนี้ลั่วเย่นหัวเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆแล้วในตระกูลลั่ว ลับหลังก็ยังมีคนหัวเราะเยาะเธอบอกว่าเธอเป็นแค่ แจกันที่ตั้งไว้ประดับสวยๆแต่ไม่มีความสามารถอะไรแล้ว
แต่ลั่วเย่นหัวกลับยิ้มนิ่งๆ“ใช่ ฉันเหมือนกับที่พวกคุณพูดไม่ผิด เป็นตำนานที่ตกต่ำลงแล้ว แต่ว่า ฉันยังคงมีวิธีการที่ทำให้พวกคุณยอมก้มหัวให้ฉันอยู่ดี”
“ฮ่าๆๆๆ……”
ถังฮันเจี๋ยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
รู้ว่าลั่วเย่นหัวก็แค่พูดขู่ให้คนอื่นตกใจแต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรก็เท่านั้น เขาไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ว่ามาสิ จะทำยังไงให้พวกเรายอมก้มหัวให้?”
“วันนี้ต่อให้มีพวกคุณตระกูลลั่วคอยหนุนหลังอยู่ก็ตาม ก่อนที่ประชุมแดนเหนือจะเริ่มขึ้น พวกเราจะสั่งสอนลูกเขยของคุณอย่างดีเลย!”
ทางฝั่งของตระกูลฉิน ฉินกวนฉีก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สบายๆ
ฉินผู่หยางยังคงสีหน้าเย็นชา ดูไม่ออกว่ามีอารมณ์ไหนอยู่ ในใจกลับรู้สึกตึงเครียดกดดันแทนถังเฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือลั่วเย่นหัว แต่ลั่วเย่นหัวก็ทำได้แค่ขู่เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
แม้แต่หลินชิงเสว่ก็มองลั่วเย่นหัวด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน อยากรู้ว่าเธอมีวิธีการอะไร
ลั่วเย่นหัวสีหน้ายิ้มแย้ม หันกลับไปมองถังเฉาอย่างช้าๆ
“เพราะว่าฉันมีลูกเขยที่ดีอยู่ยังไงล่ะ”
“พวกคุณนึกว่าการที่ฉันมา แล้วพวกชิงเสว่จะปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ ผิดแล้ว ต่อให้ไม่มีพวกเรา พวกคุณก็ไม่กล้าแตะแม้แต่ปลายเส้นผมของชิงเสว่อยู่ดี”
ฉึก!
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกใจทันที
ถังฮันเจี๋ย ฉินกวนฉีหรือแม้แต่ฉินโช่ววง ก็มองไปยังถังเฉาด้วยสายตาประหลาดใจเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม