เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดซุนยัดเซ็นคนนั้นเดินเข้ามาอย่างสง่างามราวกับมังกร สีหน้าเย็นชา ไม่ว่าหันไปมองใคร สายตาก็ดูสูงส่ง
ไม่ใช่แค่นี้ ผู้คนยังสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แข็งแกร่งจากตัวของชายวัยกลางคนคนนี้อีกด้วย
จากนี้จะเห็นได้ว่า เขาก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเหมือนกัน
ข้างหลังของเขา ยังมีชายรูปร่างแข็งแรงกำยำมากกว่าสิบคนยืนอยู่ด้วย
บอดี้การ์ดทุกคน อย่างน้อยก็เคยร่ำเรียนฝึกฝนแรงภายในมาแล้ว เป็นนักบู๊อย่างแท้จริง
สามารถเอานักบู๊มาเป็นบอดี้การ์ดได้ เห็นได้ว่าสถานภาพของชายวัยกลางคนคนนี้สูงส่งและน่านับถือขนาดไหน
“ราชวงศ์ต้าเซี่ย……”
ถังเฉาจ้องมองชายวัยกลางคนคนนั้นเขม็ง หรี่ตาลงเล็กน้อย เพ่งเล็งให้ความสนใจ
ฉินโช่ววง ฉินกวนฉี ฉินผู่หยางทั้งสามคน ก็ก้มหัวลงโดยสัญชาตญาณทันที พูดตะโกนออกมาด้วยความเคารพนอบน้อม
“สวัสดี คุณแปด”
“ฉินแปด……คนที่มาคือฉินแปดอย่างนั้นเหรอ!”
ฉินเจียนเวยที่ยืนอยู่ข้างถังเฉา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที
ถังเฉาตกใจ จากนั้นก็หันมองไปยังฉินเจียนเวย“เธอรู้จักเขา?”
ฉินเจียนเวยพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้งจริงจัง“เขาเป็นยอดฝีมือไม่อันดับหนึ่งก็สองในราชวงศ์ต้าเซี่ย แต่ตำแหน่งในราชวงศ์ของเขาไม่ได้ถือว่าสูง ถือว่าเป็นคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น!”
พอได้ฟังแบบนั้น ถังเฉาสีหน้าก็เคร่งขรึมจริงจังไม่น้อย
แค่คนรับใช้คนเดียว ก็มีพลังที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้แล้วเหรอ ถ้าเป็นราชวงศ์ดั้งเดิม พลังจะขนาดไหนกัน?
เขายังจำที่ฉินผู่หยางพูดได้ ว่าทุกคนในราชวงศ์ต้าเซี่ยเน้นการต่อสู้ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่จุดสูงสุดในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ก็ยิ่งเกินจะจินตนาการได้
แต่ปกติแล้วผู้แข็งแกร่งแบบนี้จะไม่เปิดเผยตัวออกมา นอกจากว่าจะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงมากๆ
จู่ๆ ถังเฉาก็อึ้งตะลึงไป เขานึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ในตอนนั้น ฉินสวูตงจะให้คนบ้าดนตรีอยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้า ข้างกายของเขามีชายชราที่พลังแข็งแกร่งคนหนึ่งอยู่ด้วย ชื่อว่าฉินสิบเจ็ด
ฉินแปด ฉินสิบเจ็ด ตามหลังสกุลฉินมีแต่ตัวเลขทั้งนั้น
บังเอิญอย่างนั้นเหรอ?
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ ฉินแปดก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
เขาส่งสัญญาณมือ บอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังก็พากันมาต่อแถวเรียงหน้ากระดาน บล็อกที่นี่เอาไว้
สนามบินแออัดไปด้วยผู้คน แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ด้วย ที่นี่ก็ถูกกั้นเอาไว้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้แต่คนเดียว
หลังจากที่ฉินแปดมองผู้คนที่ล้อมอยู่ที่นี่ด้วยสายตาที่ราวกับนกอินทรีย์แล้ว ก็สบถออกมาอย่างเย้ยหยัน“ตระกูลหลวงของเยี่ยนตูของพวกแก นี่มันขยะไร้ค่าจริงๆ ฉันอุส่าออกหน้ามาคุยกับมู่ตงเฟิงซะดิบดีแล้ว ว่าให้เอาผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนตะวันตกของพวกเขามาให้พวกแกยืมตัวไป แต่ก็ไม่สามารถได้รับชัยชนะจากประชุมแดนเหนือได้อยู่ดี ดูแล้ว ฉันไม่น่าคาดหวังอะไรจากตัวพวกแกตั้งแต่แรกเลยจริงๆ”
“ครับ คุณแปด พวกเราสำนึกผิดแล้วครับ……”
พอเจอเข้ากับความเย้ยหยันและคำถามของฉินแปด ไม่ว่าจะเป็นฉินโช่ววง หรือว่าฉินกวนฉี ก็ไม่กล้าพูดเถียงกลับไปสักคำ
ถังเฉาที่อยู่ข้างๆก็มองดูอยู่เงียบๆ
ฉินโช่ววงเป็นผู้นำของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู อายุเกินเจ็ดสิบปี เผชิญหน้ากับคนรับใช้ของราชวงศ์ต้าเซี่ยแค่คนเดียว กลับทำตัวมีมารยาทขนาดนี้
ความต่างของทั้งสองคน ราวกับสวรรค์และโลก!
“เหอะ ฉินกวนฉี แกคิดดูดีๆดีกว่า ว่าจะให้คำอธิบายกับทางฝั่งของราชวงศ์ยังไง!”
ฉินแปดฟังอยู่ข้างๆอย่างนิ่งๆ ได้ยินข้อมูลมาไม่น้อย
ที่มู่ตงเฟิงเป็นตัวแทนของตระกูลฉินในการเข้าร่วมประชุมแดนเหนือไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตาของฉินโช่ววง แต่เพราะว่ามีการเจรจาต่อรองของราชวงศ์ต้าเซี่ย จึงตอบรับไป
“รับทราบ กวนฉีจะรับผิดชอบ!”
ฉินกวนฉีก็ทำได้เพียงแค่ประนีประนอม
สถานการณ์ตอนนี้ช็อกและน่าตกใจเกินไป ดึงดูดให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างหันมามองด้วยความประหลาดใจ
นี่ดูเหมือนกำลังถ่ายหนังอยู่เลย
ฉินแปดพูดขึ้นมาอีกครั้ง“นี่เป็นเรื่องเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ฉันยังต้องพาเธอกลับไปด้วย”
ในที่สุดสายตาของฉินแปดก็หันมาที่ฉินเจียนเวย ถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ“เธอควรจะกลับไปที่ราชวงศ์ตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ทำไมตอนนี้ถึงไม่กลับมา?”
ฉินเจียนเวยสั่นสะดุ้งไปทั้งตัว จากนั้นก็พูดขึ้นเบาๆ“ฉันมีเรื่องที่อยากทำ เลยไม่อยากกลับไปที่ราชวงศ์”
“บังอาจ!”
ฉินแปดตะคอกออกมาเสียงดัง เสียงดังสนั่น เสียงสะท้อนของเขาสะเทือนไปทั่วทั้งสนามบิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม