แม้ว่าเด็กผู้หญิงในภาพดูน่าสมเพช แต่แววตาคู่นั้น ไม่ผิดเลย
นั่นคือเย่หรูอี้
เพียงแค่รูปภาพ เย่เซ่าเตี่ยก็รู้สึกเย็นเสียดเข้ากระดูกแล้ว เหมือนว่าหล่อนอยู่ตรงเบื้องหน้า กำลังจ้องเขม็งมาที่ตัวเอง เหมือนเงาหลอนตลอด
แค่มองไปที่รูปภาพ หัวใจเย่เซ่าเตี๋ยเต้นแรงอย่างฉับพลัน หันมองเย่จงเวิ่นอย่างข้องใจถามว่า “ให้รูปภาพนี้กับฉันทำไม?”
เย่จงเวิ่นยิ้มเรียบ ๆ “ฉันมาหาเธอทำไม เธอคิดไม่ออกเหรอ?”
หยุดพักหนึ่งแล้วพูดออกมาสองคำว่า “ร่วมมือ”
“ร่วมมือ”
พอหลุดคำนี้ออกมา เย่เซ่าเตี๋ยสีหน้าเปลี่ยนนิดหนึ่ง
เย่จงเวิ่นสีหน้าคงเดิม “ไม่ผิด ซึ่งพวกเรากันและกัน มีศัตรูร่วมกัน ทำไมถึงไม่ร่วมมือกัน จัดการขจัดหล่อนทิ้งไปก่อน”
พอพูดจบ เย่เซ่าเตี๋ยตกลงไปอยู่ในห้วงลึกของความเงียบ
ว่ากันตามจริง การยื่นข้อเสนอให้ร่วมมือกันของเย่จงเวิ่น จัดการเขี่ยเย่หรูอี้ออกจากวงก่อน หล่อนเองน่าจะตอบตกลงจึงจะถูก
แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดคือ ตั้งแต่หล่อนได้ผ่านเหตุการณ์เรื่องหลู่เหมิงแล้ว ในจิตสำนึกเย่เซ่าเตี๋ยเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป
หล่อนดูเหมือนว่า.......ไม่ค่อยจะเกลียดเย่หรูอี้แล้ว
ความเป็นยู่หรือไม่ระหว่างหล่อนทั้งสองนั้น ก็เพียงการประลองกันแบบคู่ต่อสู้ อาศัยฝีมือเพื่อทำให้อีกฝ่ายหนึ่งแพ้ไป ก็แค่นั้นเอง
เย่เซ่าเตี๋ยก็แค่เพียงต้องการจัดการไล่ให้เย่หรู่อี้หลุดพ้นไปจากตระกูลเย่ อย่าให้มาเป็นตัวกดดันตำแหน่งของหล่อนก็พอแล้ว
แต่ในสายตาของเย่จงเวิ่น หล่อนมองเห็นแววของการฆ่า
เห็นเย่เซ่าเตี๋ยเงียบไป เย่จงเวิ่นมองหน้าหล่อนอย่างฉงนใจ “เธอยังมัวลังเลอะไรอีก หรือเป็นไปแล้วว่าเธอเกิดไปสงสารหล่อนเข้าแล้ว?”
“หล่อนเป็นเพียงส่วนเกินมาจากข้างนอก แต่กลับให้มายืนนั่งเทียบเคียงระดับเท่าเธอ เธอยอมรับให้เป็นแบบนี้ได้หรือ?”
ดูทีท่าของเย่จงเวิ่นเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่น้ำเสียงที่ออกมาค่อนข้างจะดูเร่งรัด เห็นได้ว่าปฏิกิริยาตอบรับของเย่เซ่าเตี๋ยไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาพอใจ
แววตาของเย่เซ่าเตี๋ยในขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็นเย็นเยือกขึ้น ไม่ตอบปัญหาโดยตรงที่ถาม แต่พูดเยือก ๆ ไปว่า “ฉันจะไปเชื่อคำพูดของคุณได้ยังไง? ฉันจะรู้ไหมว่าคุณไม่ได้มาหลอกฉัน? ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้คุณไปมีข้อตกลงร่วมมือกับเย่หรูอี้มา แล้วค่อยมาหาฉันให้ร่วมมือกับคุณหละ?”
ถ้าเป็นอย่างที่ว่า คนที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ ก็ไม่ใช่เย่หรูอี้แล้ว แต่กลับเป็นเย่เซ่าเตี๋ย
ตามรูปการณ์ที่เป็นสามเส้าแบบนี้ ไม่ว่าสองฝ่ายไหนร่วมมือกัน ล้วนแต่จะทำให้อีกฝ่ายที่เหลือ ตกอยู่ในสภาพที่ถูกกระทำ
และ เย่เซ่าเตี๋ยก็ไม่คิดจะเชื่อว่าเย่จงเวิ่นจะใจดีถึงขนาดจะช่วยหล่อนกำจัดเย่หรูอี้
ได้ยินดังนั้น เย่จงเวิ่นกลับหัวเราะออกมาเรียบ ๆ
การย้อนในข้อสงสัยของเย่เซ่าเตี๋ย นี่จึงเป็นผลคำตอบที่เขาต้องการ----ถ้าหากว่าเย่เซ่าเตี๋ยตอบรับแบบไม่ต้องคิด นั่นแสดงว่ามีเลศนัยแน่
เย่จงเวิ่นค่อย ๆ ถอนใจระบายความขุ่นมัวข้างในออกมา พูดเรียบ ๆ “น้องสาว เย่หรูอี่มาตระกูลเย่ของเราก็หลายวันแล้ว เธอคงจะรู้ประวัติเบื้องหลังในส่วนตัวของเค้าแล้วสินะ?”
เย่เซ่าเตี๋ยผงกหัว “ลูกสาวของเย่ซู ลูกสาวของเย่ซู”
“หล่อนเป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณ!”
ฉัวะ!
คำพูดประโยคหลังนี้พูดออกมา แววตาเย่จงเวิ่นหนาวเยือกขึ้นมาทันที ใบหน้าดูเหี้ยมยากหาใดเปรียบ
แต่ทว่า เขายังคงเก็บซ่อนอารมณ์ฆ่าไว้ไม่ให้เห็น “ถูกแล้ว หล่อนเป็นลูกสาวที่เกิดจากสาวใช้ที่พ่อของข้าไปหลง แต่ที่หล่อนมาก็เพื่อจะแก้แค้น หากปล่อยให้หล่อนได้ขึ้นเป็นจ้าวคนใหม่ของตระกูลเย่ พวกเราคงหนีไม่พ้นความตาย รวมทั้งเธอด้วย!”
เย่เซ่าเตี๋ยมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีอะไรเป็นผลกระเทือน
เย่จงเวิ่นพูดต่อ “อีกทั้งฝีมือปัญญาความรู้ที่ไอ้เด็กนอกคอกคนนี้มันแสดงออก มันเกินธรรมดาเลยนะ ตอนนี้ฉันยังพอข่มมันอยู่ได้ แต่ก็คงเพียงแค่ชั่วคราว ถ้าขืนปล่อยให้มันปีกกล้าขาแข็งขึ้น ฉันเอง ก็คิดว่าจะเอามันไม่อยู่แน่!”
“ฉะนั้น พวกเราจึงต้องร่วมมือกัน อาศัยตอนนี้ที่มันยังไม่โตเต็มที่ รีบจัดการโค่นมันลงก่อน!”
เย่จงเวิ่นพูดจบ สองตาจ้องเขม็งใส่เย่เซ่าเตี๋ย
แต่ทว่า นัยน์ตาทั้งสี่ที่จ้องใส่กัน เขาเห็นแววตาของเย่เซ่าเตี๋ย ไม่มีความตื่นตระหนกใด ๆ และความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือด้วยก็หามีไม่
อีกทั้งยัง..........เย้ยหยันหน่อย ๆ
หล่อนมองเย่จงเวิ่นแล้วหัวเราะขึ้นมา
เย่จงเวิ่นเกิดฉุนเฉียวที่ถูกเย้ยขึ้นมาทันที ให้รู้สึกถูกสบประมาทอย่างแรง “แกหัวเราะอะไร?”
“เพราะฉะนี้แล้วคุณก็เลยกลัว?”
เย่เซ่าเตี๋ยหัวเราะอย่างมีเลศนัย มองไปที่เขา “คุณกลัวว่าเย่หรูอี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา สักวันในไม่ช้า คุณและพ่อของคุณจะต้องตายด้วยน้ำมือของเย่หรูอี้?”
ตูม!
พอพูดแบบนี้ออกไป เย่จงเวิ่นหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ความโกรธที่ถูกย่ำยีบังเกิดขึ้นเต็มหน้า
เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “อยู่สบายยังต้องรู้ระแวงภัย ต้องรู้จักเตรียมตัวไว้ให้พร้อม อย่างพวกเธอนี่เอาแต่ฟุ้งเฟ้อทำตัวอย่างลูกคนมั่งคั่ง ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำเอาเลย!”
“ฉันบอกแล้วไง ไม่ใช่จะเป็นแค่กับตัวฉัน เธอก็จะต้องถูกคิดบัญชีเหมือนกัน คนในตระกูลเย่ ไม่มีใครเลี่ยงพ้น!”
“คุณผิดแล้ว”
พลันเย่เซ่าเตี๋ยค้านไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนที่บังคับแม่ของเขา คือพ่อคุณ หล่อนก็แค่จะมุ่งแก้แค้นครอบครัวคุณ พวกฉัน อย่างมากก็ถูกลิดรอนอำนาจ”
“พวกฉัน ที่เสียไปก็เพียงแค่อำนาจ แต่พวกคุณทั้งครอบครัว ที่ต้องเสียคือชีวิต”
เย่เซ่าเตี๋ยเหน็บด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก พูดเสียงเย็นชาว่า “ฉะนั้นคนต้องกลัวคือคุณ คนที่ต้องภาวนาขอพรมาก ๆ คือคุณ!”
ติดตามคำพูดเย่เซ่าเตี๋ยที่เพิ่งจบ เย่จงเวิ่นหน้าแสยะเหี้ยมขึ้นมาในฉับพลัน ถลันเข้าไปลงมือคว้าจับคอของเย่เซ่าเตี๋ย
“แกรนหาที่ตาย!”
เย่เซ่าเตี๋ยเพียงแค่ส่องเสียงออกมา แต่ก็ไม่ดิ้นรน ถึงจะถูกล็อคคอไว้ หล่อนยังคงใช้สายตาเย้ยหยันมองเย่จงเวิ่น
ภายในห้องสงัดเงียบอยู่เพียงชั่วไม่กี่วิ. ที่สุดเย่จงเวิ่นก็ปล่อยมือออกจากคอเย่เซ่าเตี๋ย พูดเสียงเยือกว่า “ไม่ว่าจะยังไง พวกเราร่วมมือกัน เขี่ยหล่อนกระเด็นออกจากตระกูลเย่ นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
เย่เซ่าเตี๋ยหัวเราะ “อันนี้ฉันก็เห็นด้วยนะ แต่นี่เป็นคุณพูดเอง ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ฉันจะต้องรับปากคุณ ควรต้องเอาเท็จจริงวางกันออกมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม