“เอิ๊บ?”
เงาดำที่พุ่งเข้ามานั่นเป็นความเร็วที่เรียกว่าเร็วมาก ๆ แล้ว เปรียบได้เท่ากับแสงฟ้าแลบ แต่ในสายตาถังเฉา จัดว่ายังเรียกว่าช้าไป
เขาค่อย ๆ โบกมือ สบาย ๆ ตบไปที่ร่างสีดำนั่น
ปึง!
ฝ่ายหลังที่พูดถึงโดนเข้าไปไม้นี้ กระเด็นกลับออกไป กระแทกเข้าไปอย่างแรงกับกำแพง ชักกระตุกทั้งตัว
ถึงเวลานี้ ถังเฉามองเห็นหน้าตาชัดเจน สีหน้าตกตื่นขึ้นมาพลัน
นั่นกลับกลายว่าเป็นหลินโป๋หลาย
เพียงแต่ว่า หลินโป๋หลายตอนนี้ ถึงจะมีหน้าตาเหมือนเดิม แต่ลักษณะนิสัย กลับเปลี่ยนไปอย่างฟ้าเป็นดิน
สีหน้าโหดดุ แววตามาดร้าย แสยะปากเห็นเขี้ยว จ้องถังเฉาอย่างเอาเรื่อง
เปาะแปะ เปาะแปะ
ในขณะนั้น มีเสียงของเหลวหยดลงพื้นรอดออกมาจากกระท่อมไม้นั่น
ถังเฉาสังเกตเห็นว่าเป็นน้ำลาย ไหลนองที่พื้น
“ฮือ ๆ.......”
หลินโป๋หลายอยู่ในท่าคู้เข่า จ้องเขม็งเหมือนหมาป่ามองถังเฉา เสียงพูดใด ๆ หยุดสนิท
ช่างเหมือนหมาป่าที่โหดเหี้ยมอย่างมาก ๆ
“โฮก!”
เขาส่งเสียงคำรามทุ้ม ๆ แล้วทะยานพุ่งใส่ถังเฉาอีก อ้าปาก ทำท่าจะมุ่งกัดเข้ามา
ผาง!
แล้วก็ถูกถังเฉาเตะสวนกระเด็นออกไป
หลังจากที่เตะสวนออกไปแล้ว ถังเฉาก็ไม่ได้ตามจู่โจม แต่ยืนมองหลินโป๋หลายด้วยสายตาฉงน
คิดไม่ถึงได้เลยว่า ลูกคนมีเงินระดับเศรษฐี กลับเปลี่ยนสภาพเป็นสัตว์เดรัจฉานร่างมนุษย์แบบนี้
นี่เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมาก
ทันทีนี้ ถังเฉาก็นึกถึงที่ก่อนหน้านี้หลินอิ่นกับถงเจินได้เคยพูดถึงหลินโป๋หลายว่า
ความจำเสื่อม
แต่ดูสภาพที่เห็น มันหนักยิ่งกว่าความจำเสื่อมอีกเป็นไหนต่อไหน
การทำให้ตกถึงสภาพนี้ได้ ถังเฉาทายไว้เลยว่า หลุดไม่พ้นในการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘หว่างเหลี่ยง’
ในเมื่อพวกหว่างเหลี่ยงสามารถวางแผ่นซิมกับระเบิดไว้ในหัวสมองของลูกน้องมือฆ่าได้ การที่จะกดขี่อย่างไร้มนุษยธรรม ฝึกให้คนเป็น ๆ หมดสิ้นซึ่งความเป็นมนุษย์ คงเหลือความเป็นเดรัจฉาน ย่อมเป็นเรื่องทำได้
ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องทำ ถังเฉาคาดเดาว่า ต้องเกี่ยวกับหลินโป๋หลายไปรู้ความลับอะไรบางอย่างของ ‘หว่างเหลี่ยง’เข้า จึงได้เป็นเหตุให้ต้องทำหลินโป๋หลายกลายเป็น ‘มนุษย์ป่าเถื่อน’ ที่มีแต่ความเป็นสัตว์
แต่ทว่า ที่ถังเฉาคิดไม่ตกคือ ก็ในเมื่อหลินโป๋หลายไปรู้เอาความลับของ ‘หว่างเหลี่ยง’ ทำไมไม่ฆ่าทิ้งเสียหละ?กลับมาทำให้เป็นเรื่องมากขึ้น สร้างเป็นคนป่าเถื่อนที่ไม่มีเชาว์ปัญญา
ถังเฉาย่นคิ้วเครียด ความจริงคิดว่าจะมาตะล่อมรู้เรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับหว่างเหลี่ยงจากปากหลินโป๋หลาย คิดไม่ถึงว่าจะกลับเป็นอย่างนี้ไป
ตามสภาพของหลินโป๋หลายแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหว่างเหลี่ยง แค่จะให้พูด ก็ไม่แน่ใจว่าจะพูดได้!
แต่ถังเฉาก็ไม่กลับจากไป คนมีฝีมือย่อมมีความกล้า ขยับตัวใกล้เข้าไปหาหลินโป๋หลาย ใช้แววตาที่เฉียบคมจ้องดูอย่างพิเคราะห์
“ฮือ ๆ........”
คราวนี้ หลินโป๋หลายไม่ลงมือต่ออีก นั่งขดตัวส่งเสียงครางต่อเนื่อง
แม้ว่าเขาจะสูญเสียสันดานความเป็นมนุษย์แล้ว คงเหลืออยู่ของความเป็นเดรัจฉาน แต่เขาก็ย่อมรู้ดีว่า คนที่อยู่ข้างหน้านี่ ตัวเขาเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยได้
“แกกลายเป็นมนุษย์เดรัจฉานไปแล้วหรือ?”
ถังเฉาถามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
ในตาของเขาสาดประกายเย็นหนาวที่มีน้ำหนัก หลินโป๋หลายยังคงไม่เอ่ยปากใด ๆ ยังคงเหมือนหมาป่าคำรามเสียงต่ำ ๆ ในลำคอ ทั้งกลัวทั้งสยบหงอ
รอไปอีกพัก ถังเฉาค่อยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใช้สายตาที่รู้สึกสับสนมองหลินโป๋หลาย หันหลังกลับเดินจากไป
ก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นคนที่ถังเฉายอมรับเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่ง เคยไปจับมือร่วมกับเย่หรูอี้ เกือบต้อนเอาหลินชิงเสว่จนมุมจนบริษัทล่มสลาย
ตอนนี้กลับตกลงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เห็นแล้วพาให้รู้สึกสะท้อนใจ
“เป็นไงบ้าง?”
หลินชิงเสว่ที่รออยู่ข้างนอก ถามด้วยสีหน้าหวงใย
หล่อนไม่ถามถังเฉาว่ามาทำไม เพียงแต่จะถามให้รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อถังเฉามาก ก็พอใจแล้ว
ระหว่างสามีภรรยา มีความลับเล็ก ๆในกันและกันจะดีกว่า
ถังเฉาส่ายหน้า “สายป่านขาดละ ต้องหาทางอื่นกันละ”
ในขณะนั้นเอง เงาร่างของผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้าหาถังเฉาอย่างไม่คิดชีวิต ดึงเสื้อเขาไว้แน่น เขย่ากระชากอย่างสุดแรง
“แกไอ้เดนตาย ทำอะไรกับลูกฉัน ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้?”
“หลายวันก่อนเขายังไม่เห็นเป็นแบบนี้ ทำไมตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายไปได้?”
ผู้หญิงคนนี้ก็แน่นอนว่าคือถงเจินที่ฟื้นสติขึ้นมา ตาของหล่อนแดงก่ำ แค้นอยากจะได้มีดสักเล่ม สับถังเฉาให้ตายไปกับมือ
แววตาของถังเฉาเปลี่ยนไปพลัน ปัดมือของหล่อนออก จับไหล่ของหล่อนแน่น จี้ถามไปว่า
“เธอว่าไงนะ?หลายวันก่อนเขายังไม่เป็นแบบนี้หรือ?”
“ไร้สาระ!หลายวันก่อนเขายังปกติดี มีแต่อารมณ์หงุดหงิด ความจำเสื่อม จำพวกเราไม่ได้ ตอนนี้ทำไมกลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายไปได้?”
ถงเจินอารมณ์โกรธเต็มหน้าตะคอกใส่ถังเฉา
ถังเฉาไม่พูดอะไรต่ออีก สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วทั้งคฤหาสน์บ้านสวนตระกูลหลิน ทำให้เขามีความรู้สึกว่าเหมือนถูกคลุมครอบเต็มไปด้วยเมฆดำครึ้ม จิตใจให้รู้สึกไม่สบาย
จับความจากที่ถงเจินพูด ตั้งแต่ที่หลินโป๋หลายหายตัวไปแล้วกลับมา ไม่ได้อยู่ในสภาพเป็นสัตว์ร้ายแบบนี้ เป็นเพียงแค่ความจำเสื่อม
นิสัยไม่เข้าพวก ชอบที่จะอยู่คนเดียว กระท่อมหลังเล็ก ๆ นี่ ก็สร้างขึ้นมาเพื่อตัวเขาเอง ไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ กลับกลายไปเป็นเหมือนสัตว์ร้ายแบบนี้ไปได้
การเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวเองของคนเรา ไม่ใช่จะเป็นไปได้อย่างมากมาย ส่วนที่เป็นมากได้ ก็จะต้องมีคนนอกทำให้เป็นไป
คิดมาถึงประเด็นนี้ ถังเฉาให้รู้สึกสั่นสะท้าน ความหนาวเหน็บที่เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ครอบงำเข้ามาเต็มตัว
ใครเป็นคนทำกันแน่?
ถังเฉารีบหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายเข้าไปที่เลขหมายหนึ่ง
“ฮัลโหล หงโฝ หงโฝ มาที่เยี่ยนจิงทันทีหน่อย!”
เขาพูดเหมือนตะโกนใส่โทรศัพท์ ท่าทางร้อนรน
หล่อนรู้ดีว่าถังเฉาจะไปทำอะไรต่อ
เรื่องของหลินอิ่นคงไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้
ยังจะต้องมีมูลค่าที่เว่ยหมิงจวินต้องชดใช้ในงานนี้
ส่งหลินชิงเสว่ไปจนลับตาแล้ว ถังเฉาเดินกลับเข้าไปในตระกูลหลิน สุ่มจับตัวใครคนหนึ่งมา “เตรียมรถมาให้คันหนึ่ง แก พาฉันไปที่ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย”
คน ๆ นั้นไหนเลยจะกล้าขัดขืน หายใจยังไม่กล้าใช้แรง ก็ได้พาถังเฉาไปยังร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย
ในขณะนั้นฟ้าเริ่มมืด รถค่อย ๆ มุ่งหน้าเข้าไปในทางป่า
“ในแต่ละปีตระกูลหลวงในเยี่ยนตูมักจะกว้านซื้อที่ดินว่างเปล่า เพื่อขยายอาณาจักรของตน ที่ดินผืนนี้ ก็เป็นทีดินในกรรมสิท์ของตระกูลหลิน”
คนที่พามานั้นพูดตะกุกตะกักว่า “ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ยสร้างอยู่ข้างในระหว่างภูเขากับแนวธารน้ำนั้นครับ”
ถังเฉาไม่พูดอะไร เพียงมองทิวทัศน์ลิบ ๆ นั้นอย่างเงียบ ๆ
บริเวณนี้ดูจะเปลี่ยว แต่วิวบรรยากาศสวยมาก
เกี่ยวกับความรักระหว่างหลินรั่วหวีกับเว่ยหมิงจวิน ถังเฉาก็เคยได้ยินเรื่องเล่ามาบ้าง
อาจจะว่า หลินรั่วหวีในช่วงหนึ่งตอนนั้น คงจะต้องรักเว่ยหมิงจวิน ไม่อย่างนั้น ขนาดได้แต่งงานกับสาวงามอันดับหนึ่งในยุคนั้นแล้ว เขาไม่น่าจะยังมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้อีก
และในช่วงเวลานั้น เว่ยหมิงจวินก็ได้มาอยู่กินกับหลินรั่วหวีอย่างรวดเร็ว จนตั้งท้องหลินจ้าวหยูน
ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย ก็คือห้องหอของพวกเขา
แต่หลินรั่วหวีในเวลาปกติน้อยครั้งมากที่จะมาที่นี่ จะมีก็ทุกสิบปีของวันแต่งงานอันถือว่าเป็นวันสำคัญ จึงได้มาค้างกันที่นี่คืนหนึ่ง
ก็เหมือนเป็นการรื้อฟื้นอารมณ์เก่าที่ถดถอยไป
วันนี้เป็นกรณีพิเศษ
หลินรั่วหวีออกเดินทางไปไกล กิจการตระกูลหลินมอบให้เว่ยหมิงจวินดูแล
วันนี้เป็นวันที่หลินรั่วหวีกลับมา อย่างโบราณว่า จากห่างกันบ้างเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่ ด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวยในอารมณ์ของเว่ยหมิงจวิน จึงตั้งใจมาฉลองหาความชื่นมื่นกันที่นี่
เพียงแต่ว่า แผนสวยใสของเว่ยหมิงจวิน วันนี้ถูกชี้กำหนดว่าต้องล้มเหลว
ณ.บริเวณเชิงเขา ถังเฉายืนมองขึ้นไปก็เห็นตรงช่วงกลางเขา มีบ้านพักสไตล์จีนขนาดเล็ก ๆ ข้างบนมีป้ายเป็นลายมือวิจิตรแบบหงส์ร่อนมังกรทะยานสะบัดเขียนไว้ว่า “ร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย”
“แกกลับไปได้ละ”
ถังเฉาไล่คนที่ถูกจับมาเป็น “โชเฟอร์” กลับไป แล้วเดินก้าวขึ้นไปตามทางเขา
ภายในร้านซานสุ่ยสโมสรซานสุ่ย หญิงสวยหุ่นอวบอั๋นยืนอยู่ตรงระเบียง ทอดสายตามองวิวไกล ๆ
ลมอ่อน ๆ โชยพลิ้วเส้นผมที่ปรกหน้าผาก เผยเห็นใบหน้าสวยงามที่กาลเวลายังยอมหยุดรอ
วันนี้เว่ยหมิงจวินอยู่ในชุดที่ตั้งใจแต่ง ชุดกระโปรงยาวเปิดไหล่สีแดง รองเท้าส้นสูงสีไวน์แดง แต่งแต้มริมฝีปากด้วยสีแดงสด เสน่ห์ดูไม่ด้อยกว่าก่อนหน้านี้
ผู้หญิงที่ทำให้หลินรั่วหวีหลงใหลตัดสินใจแต่งงานด้วยได้ ความสวยในปีนั้นคงจะไม่ต่างกัน
ตึง ตึง ตึง
ขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“รั่วหวี คุณกลับมาแล้ว.............”
เว่ยหมิงจวินเปิดประตูออกด้วยความดีใจเต็มเปี่ยม แต่กลับเห็นเป็นสายตาที่เย็นเยือกอย่างอาฆาตคู่หนึ่ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม