เจ้ามังกรพรีเมี่ยม นิยาย บท 800

สรุปบท บทที่ 800 วิพากษ์วิจารณ์ถังเฉาต่อหน้าสาธารณะ: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

สรุปเนื้อหา บทที่ 800 วิพากษ์วิจารณ์ถังเฉาต่อหน้าสาธารณะ – เจ้ามังกรพรีเมี่ยม โดย เป๋ต้งสู่เพี่ยน

บท บทที่ 800 วิพากษ์วิจารณ์ถังเฉาต่อหน้าสาธารณะ ของ เจ้ามังกรพรีเมี่ยม ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เป๋ต้งสู่เพี่ยน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ความสนใจของต่งเฟยอยู่บนร่างของหลินฉ่ายเวยมาโดยตลอด สีหน้าของถังเฉาพิจารณาเขาอย่างประหลาด

สวมเสื้อโค้ตสีเบจทั้งตัว ไม่ได้ผูกผ้าพันคอ เพียงแต่ห้อยไว้ข้างลำคอสองข้าง เข้าชุดกันเช่นนี้ ยังมีกลิ่นอายอย่างอื่น... มองได้ออกว่านี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีรสนิยมการแต่งตัวดีมาก ๆ

ภาพพจน์ของถังเฉาที่มีต่อเหล่าเพื่อนร่วมชั้นเก่าที่จริงไม่ได้ล้ำลึกมาก เพราะในสมัยเรียนนั้น เขาเรียนเพียงปีเดียวแล้วก็หยุดเรียนไปกลางคัน ตั้งใจช่วยจัดการงานบ้านของตระกูลหลิน

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเรียน แต่เป็นเพราะโจวเหม่ยหยูนไม่ยินยอม ยิ่งรวมไปถึงอำนาจการเงินในตอนนั้นมีเธอเป็นคนคุมด้วยแล้ว ถังเฉาต้องหยุดเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นภาพประทับใจไม่ได้มีมากนัก

ภาพพจน์ของถังเฉาที่มีต่อพวกของต่งเฟยและหวางเหวินหย่าพวกนั้น หยุดอยู่ตรงที่เป็นลูกเลี้ยงของตระกูลหลิน และก็ความสัมพันธ์ของหลินฉ่ายเวยกับถังเฉาในตอนนั้นดีมาก ข่าวลือเกิดขึ้นไปทั่วว่าพวกเขากำลังคบกันเป็นธรรมดา

แต่ว่าถังเฉายิ่งใส่ใจครึ่งประโยคหลังของต่งเฟยมากกว่า

หลินฉ่ายเวยก็เหม่อลอยไปพักหนึ่ง “วันสถาปนาโรงเรียน?”

“เธอไม่รู้หรือ?”

ใบหน้าของต่งเฟยปรากฏความประหลาดใจ จากนั้นก็อธิบายอย่างอดทน “พวกเธอไม่รู้ หลังจากรุ่นของพวกเรามีคนมีความสามารถปรากฏออกมา อัตราการได้งานทำของนักเรียนที่จบจากโรงเรียนมัธยมที่สองก็รุ่นหนึ่งไม่สู้อีกรุ่น ตอนพวกเรานั้นเน้นหนักที่ระดับมัธยม ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว... ไม่เพียงแต่ครูใหญ่เป็นกังวล วงการการศึกษาก็เป็นกังวล จะต้องให้ครูใหญ่หวังเลื่อนระดับอัตราบุคลากรที่มีความสามารถที่ได้งานทำ ดังนั้นจึงมีกิจกรรมงานสถาปนาโรงเรียนครั้งนี้เกิดขึ้น”

“เชิญพวกเรานักเรียนดีเด่นที่เรียนจบไปแล้วรุ่นนี้มาสับเปลี่ยนกันขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ ส่วนใหญ่ก็พูดประสบการณ์การทำงานและทักษะความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านการปฏิบัติตนในสังคม โรงเรียนจะดำเนินการโฆษณาอย่างหนัก”

ตอนที่พูดคำพูดนี้ บนใบหน้าของต่อเฟยเต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทางตื่นเต้น ในน้ำเสียงมีความมั่นใจ

เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจในผลการทำงานของเขาเป็นอย่างยิ่ง

ฟังต่งเฟยแนะนำเช่นนี้ ถังเฉากับหลินฉ่ายเวยก็ถึงบางอ้อในฉับพลัน

ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง

จากนั้นหลินฉ่ายเวยก็ส่ายศีรษะ “พวกเราเปล่า พวกเราแค่มาเดินเล่นในโรงเรียนเก่าแก้เซ็งเฉย ๆ”

“อย่างนั้นหรือ...”

สายตาของต่งเฟยเข้มงวดจับสองคำว่า ‘แก้เซ็ง’ ได้อย่างเฉียบแหลมว่องไว สายตามีความเข้มครึ้มวาบผ่านอย่างคลุมเครือ

ถังเฉามองเจตนาร้ายที่อยู่ในดวงตาของเขาออกก็ส่ายศีรษะน้อย ๆ

ดูเหมือนว่า ต่งเฟยคนนี้ยึดมั่นกับหลินฉ่ายเวยจริง ๆ น่าเสียดาย ตามที่เขาเข้าใจหลินฉ่ายเวย เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอีกครั้ง

“แต่ในเมื่อเจอกันแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ ถือโอกาสไปเยี่ยมคุณครูเก่า ๆ”

ต่งเฟยเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม

สายตากลับตกอยู่บนร่างถังเฉาอย่างมีและไม่มีเจตนา มีความมืดครึ้ม

“ไม่ต้องหรอก...”

หลินฉ่ายเวยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ถังเฉากลับเอ่ยปากขึ้นฉับพลัน

“ได้สิ เดินไปด้วยกัน”

ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ถังเฉา นาย...”

เธอรู้ว่าถังเฉาไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมชั้นเก่าพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งจากตำแหน่งของถังเฉาตอนนี้ไม่มีค่าควรแก่การคลุกคลีกับคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

เดิมทีนึกว่าเขาจะปฏิเสธ นึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบตกลงไปแล้ว

ต่งเฟยเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง คนที่ตอบตกลงเป็นถังเฉาอย่างคาดไม่ถึง หลังจากที่ตะลึงน้อย ๆ ก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”

พวกนักเรียนเก่าเช่นหลิวเซียนและหวางเหวินหย่าเห็นสถานการณ์แล้ว ในดวงตาก็ปรากฏแววหยอกล้อกระทบกระเทียบ

กระบวนท่านี้ของต่งเฟยจะบอกว่าไม่สูงก็ไม่ได้ เดินไปกับพวกเขาก็หมายความว่าจะต้องขึ้นไปพูดสุนทรพจน์บนเวที

ใต้แท่นประธาน แนะนำตัวต่อหน้ากับครูและลูกศิษย์มากมายทั้งโรงเรียน แบ่งปันประสบการณ์ ถ้าไม่มีวุฒิการศึกษาที่สูงมากและประสบการณ์ในสังคมนั่นไม่ไหวนะ

พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่โดดเด่นในสังคม โดยเฉพาะต่งเฟย หลินฉ่ายเวย พวกเธอไม่เป็นกังวล แต่ถังเฉาน่ะ...

พวกเธอเฝ้ารอดูท่าทางของถังเฉายืนที่อยู่บนเวทีแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรแล้วอึดอัด

หลินฉ่ายเวยฉลาดเป็นกรด แน่นอนว่าจะต้องคิดถึงผลกระทบนี้ออกแน่ แต่ว่าในดวงตาของเธอไม่เป็นกังวล ตรงกันข้ามกลับมองพวกเธออย่างเห็นหกเห็นใจ ทำให้พวกของหวางเหวินหย่ายากจะเข้าใจ

ทางด้านนี้ ต่งเฟยได้เริ่มปูเรื่องแล้ว

“ฉ่ายเวย พวกเราไม่ได้เจอกันสิบปีแล้วใช่ไหม? เรื่องสมัยยังเป็นนักเรียนยังอยู่ตรงหน้า ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้นี่เอง”

ต่งเฟยพูดออกมาจากใจ ชี้ไปที่ต้นเมเปิ้ลทั้งสองข้าง ยิ้มพลางพูดว่า “ยังจำได้ไหม เป็นที่นี่ที่ผมปฏิเสธการสารภาพรักของผู้หญิงสิบกว่าคนเพื่อเธอ แล้วมาสารภาพรักกับเธออย่างไม่ลังเล กลับถูกเธอปฏิเสธไป ผมยังหมดอาลัยตายอยากไปหลายวันแหนะ”

คำพูดนี้ของต่งเฟยพูดได้อย่างล้ำเลิศ พูดจนตัวเองดูลุ่มหลงมาก

หลินฉ่ายเวยก็ยิ้มตามอย่างอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

“ความรักสมัยนักเรียน ไม่จริงสักเท่าไหร่”

“เธอผิดแล้ว”

เดิมเป็นประโยคพูดล้อเล่น ต่งเฟยกลับแก้ไขอย่างเคร่งขรึม “ความรักสมัยนักเรียนจึงจะจริงใจที่สุด ไม่ได้ผสมไปด้วยเงินทอง เพียงใช้ใจ ตอนหลังฉันถึงได้ค้นพบว่าหลังจากเข้าสังคม ความรักที่คบกันนั้นหาความรู้สึกเมื่อแรกเริ่มไม่ได้แล้ว”

“...”

หลินฉ่ายเวยหนีหัวซุกหัวซุน พอรู้ตัวก็ไปขดอยู่ด้านหลังของถังเฉาแล้ว

การกระทำเล็ก ๆ นี้ถูกถังเฉามองได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้น ในดวงตาของต่งเฟยก็ปรากฏความโกรธอย่างรุนแรง

แต่ว่าต่งเฟยกลับไม่ได้โกรธ แต่กลับมองถังเฉา หัวเราะหึหึพลางเอ่ยว่า “ถังเฉา หลายปีที่เรียนจบไปนี้นายกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”

ฟังมาถึงตรงนี้แล้วหลิวเซียนกับหวางเหวินหย่าก็รู้ว่าต่งเฟยจะเริ่มทำให้ถังเฉารู้สึกอึดอัดแล้ว ตอนนี้จึงได้ใส่ไฟเพิ่มเข้าไป

“ใช่สิ ถังเฉา ไม่มีข่าวของนายมาโดยตลอด ปีแรกนายก็หยุดเรียนไปแล้ว จนถึงวันที่เรียนจบวันนั้นนายถึงจะปรากฏตัวออกมา พวกเราแทบจะลืมนายไปแล้ว”

“ก๊าก...”

หวางเหวินหย่าก็ยิ่งอดไม่ไหวหัวเราะออกมา หัวเราะเสร็จก็รีบร้อนขอโทษ “ขอโทษนะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะนะ... ฉันไม่ได้หัวเราะนายนะ เป็นสามีของฉันที่เล่าเรื่องตลกให้ฉันฟัง ฮ่า ๆ ๆ ไม่ไหวเลย...”

หลินฉ่ายเวยได้ยินดังนั้นก็สีหน้าก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น

หวางเหวินหย่าไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาก่อน จะไปเอาเรื่องตกมาจากไหน?

ถังเฉากลับมีสีหน้าราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหลิวเซียนกับหวางเหวินหย่า ยิ้มอย่างเย็นชา “ผมทำอะไร เดี๋ยวพวกคุณก็รู้”

พอหลิวเซียนได้ฟังก็หัวเราะคิก ๆ อย่างน่ารักพลางเอ่ยว่า “ยังแสร้งทำเป็นลึกลับ ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันล้างตารอดูเลย”

หวางเหวินหย่าที่อยู่ข้าง ๆ ฟังมาถึงตรงนี้แล้วก็ใช้แขนชนกับแขนของหลิวเซียน “เซียนเซียน ฟังดูแล้ว เธอรู้เหรอว่าเขาไปทำอะไรมา?”

หลิวเซียนหัวเราะอิอิพลางเอ่ยว่า “หลังจากที่เรียนจบฉันไปอยู่ที่เมืองหมิงจูไม่กี่วัน ดังนั้นจึงเข้าใจเรื่องที่เกิดนั้นอยู่บ้าง”

ถังเฉาเป็นเพราะเหตุผลด้านภูมิหลังของครอบครัว ส่วนหลินฉ่ายเวยเป็นผู้หญิงลั้นลา ตอนนี้สิบปีผ่านไปเพียงแวบเดียว ความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคนเยอะที่สุด

จากนั้นก็เชิญพวกเขาเข้าประจำที่นั่ง แต่ว่าเรื่องที่น่าอึดอัดก็เกิดขึ้น

ทางโรงเรียนไม่รู้ว่าถังเฉากับหลินฉ่ายเวยก็มาด้วย ที่นั่งในที่นั้นเพียงพอแค่ให้พวกของต่งเฟยนั่ง

คนนับพันที่อยู่ด้านล่างของเวทีจับตาดูฉากนี้ ถ้าจะบอกว่าหลินฉ่ายเวยไม่เครียดก็โกหกแล้ว ถังเฉากลับยิ้มจาง ๆ “พวกเรายืนก็ได้ครับ”

มองดูฉากนี้ ต่งเฟยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ตบไมโครโฟนเบา ๆ “ครูใหญ่ เริ่มได้หรือยังครับ?”

หยางหยางเอ่ยทันที “ได้เลย”

พวกของหลิวเซียนและหวางเหวินหย่าแนะนำตัวตามลำดับ

การทำงานเป็นพนักงานระดับสูงที่ศูนย์กลางตราสารหนี้ และยังมีพนักงานวิเคราะห์ความเสี่ยงเฉพาะทางทางศูนย์การค้า...สรุปแล้วฟังจากชื่อแล้วระดับสูงมาก

หวางเหวินหย่าถือไมโครโฟนยิ้มอย่างเขินอาย “ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำงานค่ะ”

“...”

นักเรียนที่อยู่ด้านล่างของเวทีพากันตกตะลึง

เพียงแค่ฟังหวางเหวินหย่าเอ่ยอีกว่า “แต่ฉันแต่งงานกับสามีที่ดีคนหนึ่ง”

“...”

ด้วยเหตุนี้ สายตาของทุกคนล้วนแต่มีความอิจฉา

มาถึงตาของต่งเฟยแล้ว เขาจัดเสื้อผ้าอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ผมชื่อต่งเฟย เมื่อก่อนศึกษาเพิ่งเติมที่ต่างประเทศมาโดยตลอด เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานมานี้ เปิดบริษัทเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ขนาดย่อม”

“นอกจากนี้ผมยังส่งจดหมายสมัครเป็นสมาชิกไปยังสมาคมการค้าหงยิงแล้ว การเข้าร่วมสมาคมการค้าหงยิงเป็นความฝันของผมในตอนนี้ครับ”

เพิ่งจะสิ้นเสียงหลิวเซียนกับหวางเหวินหย่าก็นำปรบมือ มองต่งเฟยด้วยใบหน้าเลื่อมใส

เทียบกับพวกเธอแล้ว อนาคตของต่งเฟยจึงจะไม่มีขีดจำกัดอย่างแท้จริง

เพียงฟังต่งเฟยพูดอย่างสงบอีกว่า “การแนะนำตัวของผมกับไม่กี่ท่านก่อนหน้านี้ไม่เหมือนกัน ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า เป็นคน จะต้องมีความฝัน เช่นนั้นจึงจะมีแรงขับเคลื่อน ก้าวไปยังเป้าหมาย!”

เปาะแปะ ๆ!

เสียงปรบมือด้านล่างของเวทีดังสนั่นหวั่นไหวในพริบตา

พู่!

หลินฉ่ายเวยที่กำลังดื่มน้ำอยู่พอได้ยินประโยคนี้ก็แทบจะพ่นน้ำที่อยู่ในปากออกมา เบิกตาโต มองต่งเฟยด้วยใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึง

เขารู้หรือไม่ว่าผู้อำนวยการของสมาคมการค้าหงยิงก็ล้วนแต่เรียกถังเฉาอย่างเคารพนบนอบเป็นเสียงเดียวว่า ‘คุณถัง’?

หลินฉ่ายเวยหมดคำพูดในทันที ผลงานที่พวกเขามาทะนง ที่จริงแล้วในสายตาของคนอื่น ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว

ถังเฉาขยิบตาให้กับเธอ บอกใบ้ให้เธอไม่พูดอะไรออกมา

หลินฉ่ายเวยพยักหน้า ตั้งแต่ก่อนหน้า นาทีที่ต่งเฟยก็ตัดสินใจว่าจะให้ถังเฉาหน้าแตกขึ้นมา ก็กำหนดไว้แล้วว่าพวกเขาเป็นได้แค่ตัวตลก

ต่งเฟยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วันนี้ก่อนจะมาที่โรงเรียน ผมยังได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนสองท่าน รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ผ่านไปสิบปีแล้ว เป็นสุนัขตัวหนึ่ง สิบปีต่อมาก็สามารถเข้าใจคำพูดของคน คิดว่าเขาน่าจะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงแล้วล่ะมั้ง? ต่อไปให้เขาแบ่งปันประสบการณ์เลยนะครับ”

พูดจบ ต่งเฟยก็เอาไมโครโฟนส่งไปให้ถังเฉา มองเขาด้วยใบหน้าหยอกเย้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม