ความสนใจของต่งเฟยอยู่บนร่างของหลินฉ่ายเวยมาโดยตลอด สีหน้าของถังเฉาพิจารณาเขาอย่างประหลาด
สวมเสื้อโค้ตสีเบจทั้งตัว ไม่ได้ผูกผ้าพันคอ เพียงแต่ห้อยไว้ข้างลำคอสองข้าง เข้าชุดกันเช่นนี้ ยังมีกลิ่นอายอย่างอื่น... มองได้ออกว่านี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีรสนิยมการแต่งตัวดีมาก ๆ
ภาพพจน์ของถังเฉาที่มีต่อเหล่าเพื่อนร่วมชั้นเก่าที่จริงไม่ได้ล้ำลึกมาก เพราะในสมัยเรียนนั้น เขาเรียนเพียงปีเดียวแล้วก็หยุดเรียนไปกลางคัน ตั้งใจช่วยจัดการงานบ้านของตระกูลหลิน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเรียน แต่เป็นเพราะโจวเหม่ยหยูนไม่ยินยอม ยิ่งรวมไปถึงอำนาจการเงินในตอนนั้นมีเธอเป็นคนคุมด้วยแล้ว ถังเฉาต้องหยุดเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นภาพประทับใจไม่ได้มีมากนัก
ภาพพจน์ของถังเฉาที่มีต่อพวกของต่งเฟยและหวางเหวินหย่าพวกนั้น หยุดอยู่ตรงที่เป็นลูกเลี้ยงของตระกูลหลิน และก็ความสัมพันธ์ของหลินฉ่ายเวยกับถังเฉาในตอนนั้นดีมาก ข่าวลือเกิดขึ้นไปทั่วว่าพวกเขากำลังคบกันเป็นธรรมดา
แต่ว่าถังเฉายิ่งใส่ใจครึ่งประโยคหลังของต่งเฟยมากกว่า
หลินฉ่ายเวยก็เหม่อลอยไปพักหนึ่ง “วันสถาปนาโรงเรียน?”
“เธอไม่รู้หรือ?”
ใบหน้าของต่งเฟยปรากฏความประหลาดใจ จากนั้นก็อธิบายอย่างอดทน “พวกเธอไม่รู้ หลังจากรุ่นของพวกเรามีคนมีความสามารถปรากฏออกมา อัตราการได้งานทำของนักเรียนที่จบจากโรงเรียนมัธยมที่สองก็รุ่นหนึ่งไม่สู้อีกรุ่น ตอนพวกเรานั้นเน้นหนักที่ระดับมัธยม ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว... ไม่เพียงแต่ครูใหญ่เป็นกังวล วงการการศึกษาก็เป็นกังวล จะต้องให้ครูใหญ่หวังเลื่อนระดับอัตราบุคลากรที่มีความสามารถที่ได้งานทำ ดังนั้นจึงมีกิจกรรมงานสถาปนาโรงเรียนครั้งนี้เกิดขึ้น”
“เชิญพวกเรานักเรียนดีเด่นที่เรียนจบไปแล้วรุ่นนี้มาสับเปลี่ยนกันขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ ส่วนใหญ่ก็พูดประสบการณ์การทำงานและทักษะความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านการปฏิบัติตนในสังคม โรงเรียนจะดำเนินการโฆษณาอย่างหนัก”
ตอนที่พูดคำพูดนี้ บนใบหน้าของต่อเฟยเต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทางตื่นเต้น ในน้ำเสียงมีความมั่นใจ
เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจในผลการทำงานของเขาเป็นอย่างยิ่ง
ฟังต่งเฟยแนะนำเช่นนี้ ถังเฉากับหลินฉ่ายเวยก็ถึงบางอ้อในฉับพลัน
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง
จากนั้นหลินฉ่ายเวยก็ส่ายศีรษะ “พวกเราเปล่า พวกเราแค่มาเดินเล่นในโรงเรียนเก่าแก้เซ็งเฉย ๆ”
“อย่างนั้นหรือ...”
สายตาของต่งเฟยเข้มงวดจับสองคำว่า ‘แก้เซ็ง’ ได้อย่างเฉียบแหลมว่องไว สายตามีความเข้มครึ้มวาบผ่านอย่างคลุมเครือ
ถังเฉามองเจตนาร้ายที่อยู่ในดวงตาของเขาออกก็ส่ายศีรษะน้อย ๆ
ดูเหมือนว่า ต่งเฟยคนนี้ยึดมั่นกับหลินฉ่ายเวยจริง ๆ น่าเสียดาย ตามที่เขาเข้าใจหลินฉ่ายเวย เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอีกครั้ง
“แต่ในเมื่อเจอกันแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ ถือโอกาสไปเยี่ยมคุณครูเก่า ๆ”
ต่งเฟยเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม
สายตากลับตกอยู่บนร่างถังเฉาอย่างมีและไม่มีเจตนา มีความมืดครึ้ม
“ไม่ต้องหรอก...”
หลินฉ่ายเวยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ถังเฉากลับเอ่ยปากขึ้นฉับพลัน
“ได้สิ เดินไปด้วยกัน”
ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ถังเฉา นาย...”
เธอรู้ว่าถังเฉาไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมชั้นเก่าพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งจากตำแหน่งของถังเฉาตอนนี้ไม่มีค่าควรแก่การคลุกคลีกับคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
เดิมทีนึกว่าเขาจะปฏิเสธ นึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบตกลงไปแล้ว
ต่งเฟยเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง คนที่ตอบตกลงเป็นถังเฉาอย่างคาดไม่ถึง หลังจากที่ตะลึงน้อย ๆ ก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”
พวกนักเรียนเก่าเช่นหลิวเซียนและหวางเหวินหย่าเห็นสถานการณ์แล้ว ในดวงตาก็ปรากฏแววหยอกล้อกระทบกระเทียบ
กระบวนท่านี้ของต่งเฟยจะบอกว่าไม่สูงก็ไม่ได้ เดินไปกับพวกเขาก็หมายความว่าจะต้องขึ้นไปพูดสุนทรพจน์บนเวที
ใต้แท่นประธาน แนะนำตัวต่อหน้ากับครูและลูกศิษย์มากมายทั้งโรงเรียน แบ่งปันประสบการณ์ ถ้าไม่มีวุฒิการศึกษาที่สูงมากและประสบการณ์ในสังคมนั่นไม่ไหวนะ
พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่โดดเด่นในสังคม โดยเฉพาะต่งเฟย หลินฉ่ายเวย พวกเธอไม่เป็นกังวล แต่ถังเฉาน่ะ...
พวกเธอเฝ้ารอดูท่าทางของถังเฉายืนที่อยู่บนเวทีแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรแล้วอึดอัด
หลินฉ่ายเวยฉลาดเป็นกรด แน่นอนว่าจะต้องคิดถึงผลกระทบนี้ออกแน่ แต่ว่าในดวงตาของเธอไม่เป็นกังวล ตรงกันข้ามกลับมองพวกเธออย่างเห็นหกเห็นใจ ทำให้พวกของหวางเหวินหย่ายากจะเข้าใจ
ทางด้านนี้ ต่งเฟยได้เริ่มปูเรื่องแล้ว
“ฉ่ายเวย พวกเราไม่ได้เจอกันสิบปีแล้วใช่ไหม? เรื่องสมัยยังเป็นนักเรียนยังอยู่ตรงหน้า ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้นี่เอง”
ต่งเฟยพูดออกมาจากใจ ชี้ไปที่ต้นเมเปิ้ลทั้งสองข้าง ยิ้มพลางพูดว่า “ยังจำได้ไหม เป็นที่นี่ที่ผมปฏิเสธการสารภาพรักของผู้หญิงสิบกว่าคนเพื่อเธอ แล้วมาสารภาพรักกับเธออย่างไม่ลังเล กลับถูกเธอปฏิเสธไป ผมยังหมดอาลัยตายอยากไปหลายวันแหนะ”
คำพูดนี้ของต่งเฟยพูดได้อย่างล้ำเลิศ พูดจนตัวเองดูลุ่มหลงมาก
หลินฉ่ายเวยก็ยิ้มตามอย่างอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
“ความรักสมัยนักเรียน ไม่จริงสักเท่าไหร่”
“เธอผิดแล้ว”
เดิมเป็นประโยคพูดล้อเล่น ต่งเฟยกลับแก้ไขอย่างเคร่งขรึม “ความรักสมัยนักเรียนจึงจะจริงใจที่สุด ไม่ได้ผสมไปด้วยเงินทอง เพียงใช้ใจ ตอนหลังฉันถึงได้ค้นพบว่าหลังจากเข้าสังคม ความรักที่คบกันนั้นหาความรู้สึกเมื่อแรกเริ่มไม่ได้แล้ว”
“...”
หลินฉ่ายเวยหนีหัวซุกหัวซุน พอรู้ตัวก็ไปขดอยู่ด้านหลังของถังเฉาแล้ว
การกระทำเล็ก ๆ นี้ถูกถังเฉามองได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้น ในดวงตาของต่งเฟยก็ปรากฏความโกรธอย่างรุนแรง
แต่ว่าต่งเฟยกลับไม่ได้โกรธ แต่กลับมองถังเฉา หัวเราะหึหึพลางเอ่ยว่า “ถังเฉา หลายปีที่เรียนจบไปนี้นายกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
ฟังมาถึงตรงนี้แล้วหลิวเซียนกับหวางเหวินหย่าก็รู้ว่าต่งเฟยจะเริ่มทำให้ถังเฉารู้สึกอึดอัดแล้ว ตอนนี้จึงได้ใส่ไฟเพิ่มเข้าไป
“ใช่สิ ถังเฉา ไม่มีข่าวของนายมาโดยตลอด ปีแรกนายก็หยุดเรียนไปแล้ว จนถึงวันที่เรียนจบวันนั้นนายถึงจะปรากฏตัวออกมา พวกเราแทบจะลืมนายไปแล้ว”
“ก๊าก...”
หวางเหวินหย่าก็ยิ่งอดไม่ไหวหัวเราะออกมา หัวเราะเสร็จก็รีบร้อนขอโทษ “ขอโทษนะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะนะ... ฉันไม่ได้หัวเราะนายนะ เป็นสามีของฉันที่เล่าเรื่องตลกให้ฉันฟัง ฮ่า ๆ ๆ ไม่ไหวเลย...”
หลินฉ่ายเวยได้ยินดังนั้นก็สีหน้าก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น
หวางเหวินหย่าไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาก่อน จะไปเอาเรื่องตกมาจากไหน?
ถังเฉากลับมีสีหน้าราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหลิวเซียนกับหวางเหวินหย่า ยิ้มอย่างเย็นชา “ผมทำอะไร เดี๋ยวพวกคุณก็รู้”
พอหลิวเซียนได้ฟังก็หัวเราะคิก ๆ อย่างน่ารักพลางเอ่ยว่า “ยังแสร้งทำเป็นลึกลับ ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันล้างตารอดูเลย”
หวางเหวินหย่าที่อยู่ข้าง ๆ ฟังมาถึงตรงนี้แล้วก็ใช้แขนชนกับแขนของหลิวเซียน “เซียนเซียน ฟังดูแล้ว เธอรู้เหรอว่าเขาไปทำอะไรมา?”
หลิวเซียนหัวเราะอิอิพลางเอ่ยว่า “หลังจากที่เรียนจบฉันไปอยู่ที่เมืองหมิงจูไม่กี่วัน ดังนั้นจึงเข้าใจเรื่องที่เกิดนั้นอยู่บ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม