ตอนที่พูดประโยคนี้ ในดวงตาของหลินจ้าวหยูนมีความมั่นใจอย่างเข้มข้น
ถังเฉามองจนใจลอย ผ่านไปเป็นเวลานานก็ยังพูดไม่ออกอย่างคาดไม่ถึง
เห็นว่าตนเองรออยู่นานมากก็ยังไม่ได้รับคำชมจากพี่เขย ทันใดนั้น หลินจ้าวหยูนก็เริ่มจะไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“พี่เขย ฉันตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้แล้ว ทั้งยังก้าวไปยังเป้าหมายนี้แล้วด้วย ทำไมคุณถึงไม่ชมฉันสักหน่อยล่ะ?”
หลินจ้าวหยูนพูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ
ตอนนี้เองถังเฉาจึงได้เรียกสติกลับมาได้ ยกแก้วขึ้น คารวะหลินจ้าวหยูนหนึ่งแก้ว “มีเป้าหมายเป็นเรื่องดี หวังว่าเธอจะได้เป็นประธานคนที่สองเหมือนกับหลินชิงเสว่นะ”
ตอนนี้หลินจ้าวหยูนถึงได้หัวเราะหึหึขึ้นมา หยิบแก้วขึ้นมาชนกับถังเฉาทันที ดื่มจนหมดแก้ว
มองดูสาวน้อยที่มีท่าทางใฝ่ฝันถึงอนาคต ถังเฉากลับจมอยู่ในท่ามกลางความเงียบอยู่นาน
เธอยังคิดอย่างเรียบง่ายเกินไป สงครามการค้าโหดร้ายยิ่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้ พอถึงตอนนั้นไม่มีใครจะมาใส่ใจว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกัน ต้องเอาด้านหนึ่งเป็นการดิ้นรนเอาชีวิตรอด อีกด้านถึงจะสามารถได้รับชัยชนะได้
แต่ว่าถังเฉากลับอดไม่ได้ที่จะเอาความเป็นจริงบอกกับเธอ
บางทีก็มีเพียงตอนที่ไม่รู้เท่านั้นจึงจะเป็นตอนที่มีความสุขที่สุด
ดื่มเป็นเพื่อนหลินจ้าวหยูนมาตลอดจนกระทั่งดึกดื่นจนเที่ยงคืนกว่า หลินจ้าวหยูนดื่มจนเมาหัวราน้ำ ถึงได้เลิก
ในระหว่างนั้นไม่มีใครคนใดที่คิดไม่ดีกับหลินจ้าวหยูนปรากฏตัวออกมา ถังเฉาพาเธอมาเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
“พี่เขย คุณจะต้องดีต่อพี่สาวฉันนะ... ฉันไม่ได้พูดความในใจออกมา ก็เพราะไม่อยากจะทำลายความรักความผูกพันระหว่างฉันกับพี่สาวของฉัน”
“ถ้าหากคุณไม่ดีต่อพี่สาวของฉัน ฉันเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่...”
หลินจ้าวหยูนหลังจากที่เมาเหล้ามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแดงก่ำด้วยความมันเมา ปากก็บ่นพึมพำด้วยความเมามาย
ไหนเลยจะรู้ว่าได้เอาศีรษะพิงไปบนบ่าของถังเฉาแล้วหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
มองดูหลินจ้าวหยูนที่หลับลงไปเหมือนแมวตัวหนึ่ง ถังเฉาก็เงียบไป
การมีพี่สาวคนหนึ่งที่เกิดมาเปล่งประกาย นี่เป็นเรื่องที่ทั้งโชคดีและโชคไม่ดีเรื่องหนึ่งจริง ๆ
ความสุขก็คือไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่สาวก็จะขวางอยู่ตรงหน้าเธอ
ที่โชคไม่ดีก็คือเธอจะต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาและวงแหวนแห่งแสงของพี่สาว
เพราะว่าพวกเธอเป็นพี่น้อง ดังนั้นน้องสาวก็มักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวบ่อย ๆ ต่อให้น้องสาวจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่ก็ยังทำให้ผู้คนผิดหวัง
นี่สำหรับเธอแล้วไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่น้อย
ก็เหมือนกับที่ลั่วเย่นหัวกับลั่วเยนอวิ๋นเคยประสบมาก่อน ลั่วเยนอวิ๋นดีเลิศเพียงพอแล้ว แต่แสงที่สว่างโชติช่วงของลั่วเย่นหัวปกคลุมเธอเอาไว้
ส่งหลินจ้าวหยูนกลับตระกูลหลินแล้ว ถังเฉาก็กลับซอยตงเฉินไป
ดึกมากแล้ว หลินชิงเสว่ยังคงยุ่งอยู่กับงานหน้าคอมพิวเตอร์
“ทำไมถึงยังไม่นอนอีกล่ะครับ?”
ถังเฉาปิดประตูเบา ๆ เอ่ยถามกับหลินชิงเสว่
สายตาของหลินชิงเสว่ยังคงโฟกัสอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ พูดโดยไม่หันมามองว่า “ช่วงนี้บริษัทเจอกับอุปสรรค ถูกบริษัทหนึ่งดักโจมตีเข้าแล้ว”
“บริษัทไหนครับ?”
ถังเฉาเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
ลี่จิงกรุ๊ปเติบโตอยู่ในตลาดของเยี่ยนจิงมาอย่างดีมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะยังมีบริษัทที่กล้ามาดักโจมตี
พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ สีหน้าของหลินชิงเสว่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาส่งไปตรงหน้าของถังเฉา “คุณดูเองเถอะ”
พอมองเห็นว่าบนหน้าจอปรากฏตัวหนังสือ ‘ตระกูลหลิน’ สองตัว ถังเฉาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าบริษัทที่ดักโจมตีลี่จิงกรุ๊ปคือใคร
ก็คือบริษัทหลักของตระกูลหลิน
บริษัทที่อยู่ภายใต้ชื่อของตระกูลหลินมีอยู่หลายแห่ง แต่บริษัทหลักมีเพียงแห่งเดียว
“คุณดูสมาชิกหลักของพวกเขาอีกทีสิ”
หลินชิงเสว่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ถังเฉาคลิกเข้าไปดู ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
โครงสร้างสมาชิกของบริษัท นอกจากพวกของหลินรั่วหวีและเว่ยหมิงจวินแล้ว ผู้อำนวยการใหญ่ก็คือหลินจ้าวหยูน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม