ว้าว!
ฉินโช่ววง พูดสิ่งที่เขาต้องการออกมาด้วยเสียงแหบแห้งของคนแก่ ภายในห้องพิเศษเงียบจนแม้เข็มตกยังได้ยิน บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเขย่าขวัญ
ไม่ว่าจะเป็นฉินผู่หยาง ฉินเจียนเวย หรือแม้แต่ฉู่หยางที่ฟื้นจากเมาเหล้าแล้ว ต่างมองหน้าฉินโช่ววงด้วยสีหน้าฉงน
มองไปมองมา สายตาหยุดตกที่ถังเฉา จิตใจของพวกเขาจดจ่อ แต่ละคนตึงเครียดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย----พวกเขาต่างมีสังหรณ์ใจกันว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นความนิ่งงันของบรรยากาศก่อนพายุฝนระห่ำบ้าจะมาถล่ม
เรื่องที่ยิ่งกว่าใหญ่ยิ่งกว่าน่ากลัวกำลังเข้ามาแล้ว
เปลี่ยนแซ่!
ฉินโช่ววงถึงขนาดจะให้ถังเฉาเปลี่ยนแซ่ แล้วมาเข้าอยู่ในตระกูลฉินเลยหรือ?
เงื่อนไขอันนี้ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ดูเข้าในส่วนลึก ๆ ก็จะพบว่า เงื่อนไขนี้----โคตรจะผิดจรรยาคุณธรรมเลย
เท่ากับจะให้ไปขุดเอาหลุมฝังศพโคตรตระกูลเขาทิ้งเลยก็ไม่ปาน
สกุลแซ่เป็นสิ่งสำคัญมากของการเป็นหนึ่งชีวิต
ไม่ใช่เพียงเป็นของใครคนเดียว เพราะยิ่งกว่านั้นยังเป็นของทั้งหนึ่งตระกูล
มันเป็นหน้าตา!
มันเป็นศักดิ์ศรี!
โบราณว่า “เชิดชูวงศ์ตระกูล”
คนเราทุกข์ยากลำบากทั้งชีวิต เกิดไม่มีพาอะไรมา ตายไม่ได้เอาอะไรไป ที่อยู่ ๆ กันไปก็ไม่เพราะเพื่อหน้าตาวงศ์ตระกูลนี่หรือ?
แม่ของถังเฉาอุ้มท้องเกือบสิบเดือนทนทุกข์ทรมานในการเบ่งคลอด เพื่อให้ถังเฉาได้รอดออกมา ก็ไม่ใช่เพราะจะให้มาสืบทอดไอ้ที่เรียกว่า ‘สกุลแซ่’ นั่นหรือ?
ถ้าหากเพียงเพื่อการรอดชีวิตแล้วยินยอมเปลี่ยนแซ่ทิ้ง นั้นมันวิถีของคนขี้ขลาดชัด ๆ
อย่าว่าแต่ถังเฉาเลย ให้ผู้ชายทั่ว ๆ ไป ก็คงไม่มีใครยอมตกลง
จะพูดไปอีกที----ถังเฉายังไม่เห็นหน้าค่าตาพ่อแม่ตัวเองเลย ถ้าเขาจะไปพบพวกเขา เขาก็ต้องใช้แซ่ถังตลอด มิฉะนั้นแล้ว เขาคงจะไม่มีหน้าพอที่จะแบกไปพบพวกเขาได้
“ท่านมีสามวินาทีที่จะเก็บคำพูดนี้กลับคืนไป แล้วเปลี่ยนเงื่อนไขมาใหม่”
ถังเฉาจ้องหน้าฉินโช่ววงด้วยสายตาราบเรียบ พูดเสียงไม่ยินดียินร้าย ฟังไม่ออกว่าจะมีความเคืองโกรธเก็บอยู่แค่ไหน
แต่ทว่า คนที่รู้จักมักคุ้นกับเขาดีล้วนรู้อยู่แก่ใจว่า ในลักษณะที่เป็นอยู่ของถังเฉาในขณะนี้ จึงเป็นที่น่ากลัวที่สุด
ฉินโช่ววงส่ายหัว พูดชัดถ้อยชัดคำ “ก็นี่แหละ ไม่งั้นไม่ต้องคุย”
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกิดจะต้องมีชื่อเสียงเรียงนามของตัวต้นเหตุ ถังเฉาถล่มจนขาฉินผู่หยางหักเสียไปเมื่อห้าปีก่อน แล้วก็เงียบไปไม่มีข่าวคราว มันเป็นไฟแค้นที่สุมอยู่ในตระกูลฉินมาแต่ต้นแล้ว
“เพื่อแก้แค้นให้กับการหักขาหลานคนรองของข้า”
เหตุผลอันนี้ จัดว่าสมบูรณ์ชัดเจน
ต่อให้ว่าจัดการสังหารถังเฉาไปแล้ว กลุ่มอิทธิพลในสังกัดของถังเฉาก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะใช้นำไปแก้แค้นคืนได้เลย
แต่เพียงลำพังตระกูลฉิน คงไม่มีความอาจหาญพอ ที่กล้าจะลงมือกับถังเฉาได้ง่าย ๆ
ที่พึ่งพอจะเป็นหลักได้ ยังคงต้องเป็นหนุ่มกลางคนเสื้อเขียวคนนั้น
เขามาจากตระกูลฉินในราชวงศ์ พลังฝีมือ----แน่นอน ฉินโช่ววงไม่ได้คิดหวังจะให้หนุ่มวัยกลางคนเสื้อเขียวฆ่าถังเฉา
เขาเป็นคนรักสติปัญญาความรู้ ยิ่งกว่านั้นคือรักทรัพยากรแห่งสติปัญญาความรู้
ถังเฉาเป็นทรัพยากรบุคคล พลังฝีมือแข็งกล้า ความคิดอ่านละเอียดอ่อน ที่สำคัญเขามีเบื้องหลังที่หนาหนัก หากถ้าได้มาไว้ใช้ นั้นต้องเปรียบได้อย่างเสือติดปีก
แววตาของถังเฉาค่อย ๆ อึมครึมลง สาดส่องประกายการฆ่าดูน่ากลัว
ในเมื่อการเจรจามาถึงขั้นแตกหัก ก็ไม่มีอะไรต้องคุยอีกต่อไป
“เจ้าหนุ่มน้อย ยังไงก็รับน้ำใจหวังดีจากพวกเราเถอะ ให้ได้อย่างนี้จะได้ไม่ต้องมีการเสียหายกันทั้งสองฝ่าย”
ขณะนั้นเอง หนุ่มวัยกลางคนเสื้อเขียวที่ยืนอยู่หลังฉินโช่ววงเอ่ยปากออกพูดบ้าง
สายตาที่เหมือนแร้งหัวโล้นจ้องมาที่ถังเฉา พูดว่า “คุณคงคิดไม่ถึงนะ ชื่อเสียงของคุณตอนนี้ดังเข้าไปถึงในกลุ่มตระกูลราชวงศ์แล้ว ในฝ่ายตระกูลราชวงศ์เย่ ตระกูลราชวงศ์ถังต่างก็จ้องจะสังหารคุณ----คนยังไปไม่ทันไปเกี่ยวพันกับตระกูลราชวงศ์ ก็ป่วนถึงเรื่องฆ่ากันไปทั้งเมือง ถ้าคุณไม่มีร่มไว้คุ้มหัว คงจะต้องถึงที่ตายเร็วมากขึ้น”
แชว๊ป!
พอคำพูดนี้หลุดออกไป แม้แต่ฉินโช่ววง ก็ยังต้องมองถังเฉาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ชื่อที่เรียกว่าถังเฉา ได้ดังสะท้านไปทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้วหรือนี่?
เรื่องถังเฉาเกือบจะสังหารเย่จงซือนั้น คนทั้งเมืองซื่อจิ่วต่างก็รู้อยู่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเย่จงซือ ไม่เพียงเย่จงเวิ่น ยิ่งไปกว่านั้นอีกคือพระอริยมารดรที่สาม การต้องการจะฆ่าถังเฉาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ทว่า ตระกูลถังในตระกูลราชวงศ์ทำไมต้องการฆ่าถังเฉา?
ฉินโช่ววงหรี่ตาเฒ่าแสนเจ้าเล่ห์ จ้องมองถังเฉาอย่างใช้ความคิด
เหมือนว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ หัวเราะดังฮา ๆ ออกมาในทันใด
“เพราะเป็นอย่างนี้เอง เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“ตัดหญ้าต้องถอนโคน มิฉะนั้น ปล่อยทิ้งไว้แล้ววันหลังจะงอกลามออกไป รากเกาะติดราก โคนเกี่ยวพันโคน มันก็จะเป็นเรื่องยากในการจัดการต่อไปแล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม