“คุณปู่?!”
การปรากฏตัวของฉินโช่ววง ทำเอาฉินผู่หยางตะลึงงงสุดขีด
และก็สะเทือนใจฉินเจียนเวยอย่างลึก ๆ
ในความนึกคิดของพวกเขา คืนนี้ถูกกำหนดเป็นคืนที่ไม่ปกติสุขแน่ ๆ นั่นคือห้วงเวลาการห้ำหั่นกันของมังกรกับพยัคฆ์
แน่นอนว่าสองเสือถล่มกัน ต้องมีเจ็บตายกันไปข้างหนึ่ง-----และแล้วก็มีเสือที่ตายไปตัวหนึ่ง แต่ใครจะคิดเลยว่า ที่เสือตายไปตัวหนึ่งนั้น ไม่ใช่ฝีมือจากเสืออีกตัวหนึ่ง แต่เป็นนายพรานที่พรางตัวอยู่เบื้องหลัง
หัวหน้าตระกูลฉิน ฉินโช่ววง คือนายพรานคนนั้น
เขาได้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด คอยดูจังหวะที่จะลงมือ จนถึงวินาทีวิกฤต จึงจะมุ่งใส่ที่จุดตายของฉินกวนฉี
มีแต่ถังเฉาที่ไม่รู้สึกแปลกใจกับการปรากฏตัวของฉินโช่ววง สีหน้าของเขากลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่มีสานสัมพันธ์กับฉินโช่ววงมา เขาก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าฉินโช่ววงลุ่มหลงในลาภยศ-----ดูผิวเผินว่าสมถะ ไม่หวังชิงดีเด่นกับใคร แต่ในข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกแล้ว ได้วางหมากเป็นหลุมพรางอย่างกว้างไว้ ล่อให้คนกระโดดลงมา
“ผู่หยาง คืนนี้แกไม่ควรจะมาที่นี่เลย”
ฉินโช่ววงมองฉินผู่หยางด้วยสายตาลุ่มลึก เสียงคนชราที่แหบพร่า กลับมีแรงกดดันสุดพรรนา
ฉินโช่ววงแม้อายุย่างเกินแปดสิบแล้ว แต่สรีระรูปกายยังแข็งกล้า กอรปกับหนุ่มกลางคนเสื้อเขียวที่ยืนอยู่ข้างหลัง ดูเหมือนเป็นกำแพงสองแผง ตั้งขวางอยู่เบื่องหน้าคนที่อยู่ทั้งหมดไม่สามารถข้ามออกไปได้
หมัดที่กำแน่นของฉินผูหยางเกร็งแล้วคลาย สองตาจ้องเขม็งที่คุณปู่ ขบกรามแน่น
สาเหตุในการปรากฏตัวที่นี่ของฉินโช่ววง กับการที่ต้องสังหารพี่ชายของตัวเองนั้น เขามีคำตอบในใจอยู่แล้ว
เป็นการช่วยเหลือเขาหรือ?
ใครก็ตามที่มีความคิดแบบนี้ คงไร้เดียงสาเกิน
หากไม่ใช่มาช่วยเขา ถ้านั้นก็คงสรุปได้อีกเพียงเรื่องเดียว----เขาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยขาหนึ่ง
ตระกูลฉินเลียนแบบตระกูลเย่ หัวหน้าควบคุมตระกูลตัวจริงฉากอยู่เบื้องหลัง ปล่อยคนรุ่นหลังออกหน้าไปชิงสู้กัน ไม่มีใครที่ปฏิเสธได้กับความเย้ายวนของอำนาจยศศักดิ์ อย่างตระกูลเย่ก็มีเย่เซ่าเตี๋ย เย่จงซือกัยเย่หรูอี้ยืนเป็นสามก๊กอยู่ ตระกูลฉินก็มีฉินกวนฉีกับฉินผู่หยางสองเสือจ้องชิงดำกัน นี้ช่างเป็นวิธีการที่สุดฉลาดแยบยล
ทั้งได้เป็นการคุ้มภัยตัวเองอย่างชาญฉลาด ยังเป็นการสร้างภาพพจน์ได้ ให้คนชราเฒ่าแล้วควรแล้วแก่การปิดฉาก ปล่อยแสงจรัสจ้าของคนรุ่นใหม่มารับช่วงสืบแทน
หากแต่ทว่า ผู้ชราเฒ่ายังไม่คิดจะปิดฉากตัวเองหละ?
มีข้อแตกต่างกับผู้เฒ่าของตระกูลเย่ ฉินโช่ววงไม่เคยคิดจะปิดฉากตัวเอง
เพราะฉะนั้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนให้เกิดมีเรื่องสนุกขึ้นมา
คู่ต่อสู้ของถังเฉา กับฉินผู่หยางนั้น จากฉินกวนฉีก้าวระดับขึ้นชั้นไปเป็นฉินโช่ววง
คนที่แก่ขึ้นไปกว่า แพรวพราวชาญฉลาดขึ้นไปกว่า เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่เก่งกล้าขึ้นไปยิ่งกว่า
“ท่านปู่ ท่านมาเพื่อจะฆ่าพวกเราทั้งหมดหรือ..........”
ฉินผู่หยางตาเบิกกว้าง มองหน้าฉินโช่ววงด้วยสีหน้าดูคิดอะไรไม่ออก แล้วถาม
ฉินโช่ววงในขณะนี้หลังไม่ได้ค่อมแล้ว ตาก็ไม่ได้ดูขุ่นมัวแล้ว แต่ส่องประกายเจิดจ้า
พูดเสียงราบเรียบว่า “พวกเธอล้วนเป็นฝ่ามือและหลังมือของปู่ สับไปที่ใครมันก็เจ็บไปที่ดวงใจของปู่ แต่ทว่า การจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นของตระกูลฉินให้ได้ พวกเธอกลายเป็นเสือลำบากมาขวางทาง----ข้ามันแก่แล้ว ข้าคงมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้ายังไม่เร่งสร้างคุณูปการอันเป็นบารมีให้ยิ่งใหญ่ ก็คงจะสายเกินไปแล้ว”
สีหน้าของฉินผู่หยางเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวใสสลับไปมา “ท่านปู่ ผมกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง มีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสมงั้นหรือ?”
“พวกเธอจัดว่าดีเลิศทีเดียว โดยเฉพาะกวนฉี แต่ยังไม่ได้ถึงที่ข้ามุ่งหวัง”
ฉินโช่ววงส่ายหน้าไปมา พูดน้ำเสียงราบเรียบ “กวนฉีเย่อหยิ่ง ไม่เคยรู้จักแพ้มาตั้งแต่เล็ก มาเจอกระจอกเล็ก ๆ อย่างถังเฉา ก็ทำให้เขาเกิดกลัวขึ้นมา คนแบบนี้ ไม่ว่าจะมีฝีมือดีเลิศยังไง ก็ยังยากมากที่จะรับตำแหน่งที่ใหญ่หลวงจริง ๆ ได้”
“ส่วนตัวเจ้า......”
สายตาฉินโช่ววงทอดลงไปที่ตัวฉินผู่หยาง นัยน์ตากลับดูขุ่นมัวลง “เธอก็ไม่สามารถก้าวข้ามขีดขั้นของถังเฉาไปได้ สองขายังโดนถังเฉาเล่นงานหักเสียไป และดูตกต่ำลงไปเรื่อยตามกาล ลูกผู้ชายตระกูลฉิน ไม่ต้องการคนอ่อนปวกอย่างแก”
“ถังเฉาในตระกูลราชวงศ์ตระกูลถัง พวกเขาเป็นอุปสรรคขวางกั้นตระกูลฉินไม่ยอมให้ก้าวข้ามได้มาตลอด คืนนี้ที่ข้ามานี่ ก็เพื่อตัดเยื่อใยให้ขาดไปกับอดีต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม