ต้าเซี่ยมีสี่ชายแดนหลัก
แดนตะวันออก แดนตะวันตก แดนใต้ แดนเหนือ
แต่ละแดน ต่างก็มีหนึ่งผู้พิทักษ์
สี่ผู้พิทักษ์ใหญ่ พลังฝีมือเรียกได้ว่าสุดยอด ใครก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าใครไปเท่าไหร่
รองจากเจ้ามังกร พวกเขาคือยิ่งใหญ่
ใครจะไปคิดถึงได้ว่า ผู้พิทักษ์แดนตะวันตก จะมาปรากฏตัวได้ที่นี่ได้
ในพริบตานั้นเอง พลานุภาพที่แทบทำให้คนขาดใจได้ม้วนตลบโหมกระหน่ำเข้ามาดั่งคลื่นสึนามิ ไม่ว่าฉินเจียนเวย หรือฉินผู่หยาง ต่างเขม็งเกร็งไปทั่วร่าง ไม่กล้าขยับกายแม้แต่น้อย
“มู่.. ท่านมู่!”
ท่อนขาทั้งสองข้างของฉินผู่หยางสั่นกระทบกัน ภายในดวงตาฉายความสั่นสะท้าน ใช้สายตาแหงนมองมู่ตงเฟิง
เก้าตระกูลหลวงใหญ่ในเมืองซื่อจิ่ว ตระกูลฉินต้องจัดอยู่ในอันดับต้น มีอยู่หนึ่งสาเหตุใหญ่ ก็ด้วยว่าตระกูลฉินมีพันธะผูกพันแต่เก่าก่อนมากับผู้พิทักษ์แดนใต้มู่ตงเฟิง
ในการประชุมแดนเหนือครั้งก่อนนี้ ผู้ตัดสินใหญ่ก็คือมู่ตงเฟิง แทบจะทุกคนล้วนเชื่อว่าตระกูลฉินจะต้องได้เป็นผู้ชนะในรอบตัดเชือก
ทำไมจึงมีความเชื่อมั่นแบบนี้?
ก็ด้วยเหตุที่ว่าตระกูลฉินมีความผูกพันกับมู่ตงเฟิงอย่างค่อนข้างลึกซึ้งนั้นเอง!
ฉินผู่หยางรู้ดีถึงความน่ากลัวของมู่ตงเฟิง เขามาปรากฏตัวที่นี่ ผนวกกับยอดฝีมือตระกูลฉินแห่งตระกูลราชวงศ์ ฉินจิ่วจิง พูดได้เลยว่า เป็นเครื่องชั่งในการชี้ขาดการประกาศชัยชนะโดยตรง
ช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ!
ฉินผู่หยางไม่มีวันจะลืมเหตุการณ์ที่ครั้งหนึ่งในคราวที่มู่ตงเฟิงขอเข้าพบท่านบ้าบู๊อู่ตงหยาง หนึ่งในเจ็ดผู้บ้า(ชีชือ) แต่กลับถูกปฏิเสธให้อยู่หน้าประตู มู่ตงเฟิงได้ประมือกับผู้บ้าบู๊อยู่หลายกระบวนท่า
ถึงแม้ว่า การในครั้งนั้นทั้งสองคนแทบจะเป็นการดูเชิงกัน ไม่ได้ใช้ฝีมือกันเต็มกำลัง แต่มันน่ากลัวมากเอาทีเดียว!
คู่ต่อสู้เป็นลูกศิษย์สายเลือดนักรบเทพ ผู้บ้าบู๊อู่ตงหยาง มู่ตงเฟิงสามารถไม่ตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ นั้นย่อมเป็นที่ให้เห็นได้ถึงพลังฝีมือจริงของผู้พิทักษ์แดนตะวันตก
ในขณะนี้ได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพียงแค่เห็นเขาหยุดยืนตรงไหน ยังไม่ได้ทำอะไร ก็เพียงพอจะทำให้เกิดความกดดันที่เกินพอกับคนแล้ว
ฉินจิ่วจิงก็ยังตาค้างยืนเซ่อ เหงื่อผุดบนหน้าผากจนหนาว ให้รู้สึกในจิตสำนึกว่า นอกเหนือไปจากในราชวงศ์ ยังมียอดฝีมือถึงระดับนี้เชียวหรือ?
ใช่แล้ว
มู่ตงเฟิงยังไม่ทันได้ลงมือ เพียงอานุภาพอันทรงพลังที่ยังไม่ได้ออกอารมณ์เกรี้ยวกราด ก็ยังทำเอาฉินจิ่วจิงขวัญผวา
เขารู้สึกลึก ๆ ในใจว่า หากแม้นต้องต่อสู้กันจริง เขาคงค่อนไปทางไม่ใช่คู่ต่อสู้เอาเลย
มู่ตงเฟิงพอเหยียบก้าวเข้ามา สายตาจับจ้องไปที่ถังเฉาที่นั่งสงบเฉยอยู่กับโซฟา แสงสลัวมัวมืด เขามองเห็นหน้าตาถังเฉาได้ไม่ชัด แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลานุภาพที่แฝงเต็มดั่งทะเลกว้างไพศาล
“ท่านผู้พิทักษ์ คนคนนั้น.......”
ที่ข้างตัวของมู่ตงเฟิงเป็นทหารเด็กตามมาด้วยสองคน ที่ว่าทหารเด็ก อายุก็ปาไปอยู่ที่ประมาณสามสิบบวกลบแล้ว พวกเขาจ้องมองถังเฉาอย่างเคร่งขรึม
มู่ตงเฟิงโบกมือ ระงับคำจากความหงุดหงิดที่จะพูดต่อของพวกเขา มองเพ่งไปที่ถังเฉาอย่างมีความหมาย แล้วย้ายสายตานั้นออก มองไปยังฉินโช่ววง
“ผู้เฒ่าฉิน คนที่ท่านอยากจะฆ่าโดยไม่นึกเสียดายในการสิ้นเปลืองค่าน้ำใจนี้ คือคนนี้ หรือ?”
มู่ตงเฟิงชี้ไปที่ถังเฉา มองหน้าฉินโช่ววงแล้วถาม
“มิผิด เขากับตระกูลฉินของข้า มีหนี้แค้นกันมานาน เมื่อห้าปีก่อน หลานคนที่สองของข้าที่อยู่ในกองทัพต้องขาขาดมา ทำให้ชีวิตในกองทัพของเขาต้องดับมอด ก็เป็นเพราะไอ้คนคนนี้มันมอบให้”
แสงยะเยือกกะพริบส่องจากนัยน์ตาของฉินโช่ววง เสียงแหบคนวัยชราที่แฝงอารมณ์ฆ่า “ยังหลานคนโตของข้าก็มีความขัดเคืองกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งมากอยู่บ้าง ซึ่งแต่ถ้ากับท่านมู่แล้วคงก็ยังแค่ไร้สารสาระ”
พูดมาถึงตอนท้าย ยังคงไม่ลืมหยอดคำยกยอมู่ตงเฟิงเข้าให้หน่อย
แน่นอนที่สุด ใครหรือจะกล้ามาคุยโวอวดว่าเก่งต่อหน้ามู่ตงเฟิง? แค่เพียงได้ยินชื่อเรียกผู้พิทักษ์แดนตะวันตก ก็อกสั่นขวัญแตกกระเจิงแล้ว
“คำพูดวรรคสุดท้าย คงจะตัดทิ้งออกดีกว่านะ”
มู่ตงเฟิงพูดเสียงทุ้มลึก สายตาจ้องเขม็งที่ถังเฉา
ฉินโช่ววงย่นคิ้วหน่อย ๆ ไม่เข้าใจในความหมายของเขา แต่ก็ไม่ได้ไปคิดมาก
นัยน์ตาฉินจิ่วจิงส่องประกายเยือกเฉียบ พูดว่า “ท่านมู่ ในเมื่อท่านก็เป็นผู้ที่ผู้เฒ่าฉินเชิญมาช่วย ถ้าเช่นนั้นก็ลงมือด้วยกัน สังหารไอ้ขี้ข้าคนนี้ทิ้งเสียเลย!”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน”
มู่ตงเฟิงพูดพลาง เดินเข้าไปหาถังเฉาอย่างช้า ๆ
บนทางที่เดินผ่านไป ฉินเจียนเวยกับฉินผู่หยางต่างรีบถอยเปิดทางให้
สุดท้าย เขามาถึงข้างหน้าถังเฉา มองหน้าตาถังเฉาได้อย่างชัดเจน
แต่ทว่า ถังเฉายังคงไม่มีทีท่าจะลุกขึ้น คงยังนั่งอยู่ด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง
ฉินผู่หยางอึดอัดจนใจเกือบจุกมาถึงที่คอแล้ว คุณมู่ยืนอยู่ แต่ถังเฉากลับนั่งเฉย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม