มู่ตงเฟิงพูดน้ำเสียงราบเรียบมาก แต่สีหน้าหดหู่มาก นอนเฉยอยู่กับพื้น เหม่อมองฟ้าที่มีสีขาวดั่งเกล็ดท้องปลา
แต่ทว่า กลับทำเอาคนที่ออกมาดูเหตุการณ์ทั้งหลายตกใจขวัญเสียกันทั่ว
ฉินโช่ววงกับฉินจิ่วจิงก็หวาดผวากันตาเหลือก จมเซ่ออยู่กับความสะท้านใจ สีหน้าซีดเผือด บังคับหยุดการสั่นของร่างกายไม่อยู่
ฉินผู่หยางก็มีสีหน้าแสดงให้เห็นถึงความคาดไม่ถึง เสียงดังตูม ทรุดตัวลงกับพื้น บ่นพึมพำด้วยสายตาแสดงออกถึงความสับสน “เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ยังไง.......คุณมู่ แพ้ไปได้หรือ?”
ถึงแม้ว่า สถานภาพที่เขาอยู่นั้นหวังให้ ‘เจ้ามังกร’ ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของฉู่หยังนั้นชนะ แต่ในจิตสำนึกบอกเขาไว้ มันเป็นไปไม่ได้
คุณมู่เป็นถึงผู้พิทักษ์แดนตะวันตก นอกเสียจากเจ้ามังกรแดนเหนือแล้ว นอกนั้น ยังไม่เคยมีแพ้แม้เพียงแต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ กลับมาแพ้ให้ ‘เจ้ามังกร’ ตัวม้ามืดจากงานประชุมแดนเหนืองั้นหรือ
มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ!
มีเพียงถังเฉากับฉินเจียนเวยที่มีทีท่าเงียบเฉย เหมือนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไป
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือฉินเจียนเวยที่ใช้สายตาแปลก ๆ มองถังเฉาไปแวบหนึ่ง นี่มันก็นคนเดียวกันเท่านั้นเอง กลับเป็นสองคนในสายตาอีกหลาย ๆ คน
“คุณมู่!ท่านไม่เป็นอะไรนะ?”
ที่สุด ฉินโช่ววงดึงสติกลับมาได้ พร้อมกันกับฉินจิ่วจิงจะเข้าไปพยุงมู่ตงเฟิง
มู่ตงเฟิงกลับโบกมือปัด “ไม่ต้อง ปล่อยข้านอนพักอีกสักพัก ข้าก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะเก่งกาจถึงขนาดนี้”
มู่ตงเฟิงพูดดัวยความรู้สึกที่หดหู่
ฉินโช่ววงจึงหยุดไม่เข้าไปพยุง เพียงว่า ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ตก เป็นไปได้อย่างไรว่าคุณมู่ไม่สามารถสู้เจ้ามังกรได้?
กำลังคิดว่าจะถาม มู่ตงเฟิงได้ใช้น้ำเสียงราบเรียบพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้ารับประกันให้ท่านได้เลยว่า ข้าไม่มีการแกล้งปล่อยทิ้ง มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้ามังกรคนนั้นเก่งกาจมาก ดูที่เขาสามารถสู้กับไอ้ตัววิตถารหัวหน้าตระกูลหลินนั้นได้อย่างสูสี ท่านคิดว่าพลังฝีมือเขามีขนาดไหน?”
“……”
ฉินโช่ววงขยับปาก แต่พูดอะไรไม่ออก
สุดท้าย เขาก็ต้องยอมรับผลการพ่ายแพ้ของมู่ตงเฟิง
นอนผ่านไปได้อีกพักหนึ่ง มู่ตงเฟิงลุกยืนขึ้น
“นายท่านฉิน แม้ข้าคนแซ่มู่ไม่ได้เอาชนะเจ้ามังกรนั่น แต่ทว่าการได้ลงแรงไปในครั้งนี้ ถึงไม่ได้เห็นเป็นคุณในรูปธรรมแต่บุญที่ทำด้วยการลงแรงที่สุดลำบากนี้ก็ต้องถือว่ามี”
“สิ่งที่เป็นน้ำใจที่ข้าค้างอยู่เป็นเรื่องสุดท้าย ถือเป็นการจบสิ้นกัน ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคนแซ่มู่กับตระกูลฉิน ไม่มีติดค้างอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น”
มู่ตงเฟิงมองหน้าฉินโช่ววง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“……”
ใบหน้าฉินโช่ววงกระตุกทีหนึ่ง แต่ยังคงฝืนดันเอายิ้มออกมาหน่อย “รบกวนคุณมู่มากแล้ว”
เขายังจะพูดอะไรมากอีกได้?
คนเขาอุตส่าห์ออกหน้าแทนตระกูลฉิน เข้ารับศึกกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ถึงกับต้องแพ้พ่ายลงมา เขายังจะไปหาความกับมู่ตงเฟิงได้หรือ?
ให้ใส่ความกล้าอีกสิบเท่าก็ไม่กล้า
มู่ตงเฟิงผงกหัวหน่อย ๆ เรียกทหารเด็กที่ติดตาม แล้วออกจากที่นี้ไป
ก่อนพ้นออกไป เขาหันกลับมา มองถังเฉาอย่างมีนัยแฝงอยู่ลึก ๆ
ถังเฉาไม่มีทีท่าเปลี่ยนแปลง เพียงแต่มีรอยยิ้มที่ดูลี้ลับบริเวณมุมปาก
“เขาช่วยฉันไปเรื่องหนึ่ง ฉันก็ช่วยเขาไปได้เรื่องหนึ่ง” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
ฉินเจียนเวยชะงักงงไปนิดหนึ่ง เค้นถามไปว่า “ท่านช่วยอะไรเขาไปหรือ?”
ถังเฉาพูดเสียงหัวเราะ “ถึงแม้ว่าข้าไม่รู้ว่ามู่ตงเฟิงมีอะไรพัวพันกับตระกูลฉิน แต่ก็อย่างที่เขาได้บอกไว้ตอนต้น เขามีติดค้างน้ำใจอยู่กับตระกูลฉินเรื่องหนึ่ง ข้าก็เลยถือโอกาสพลอยตาม ยกเป็นผลประโยชน์ให้เขาไป”
หวนคิดถึงก่อนหน้านี้ที่มู่ตงเฟิงนอนอยู่กับพื้น บอกว่าเขาแพ้ ฉินเจียนเวยก็เข้าใจเลย
ในขณะเดียวกันนั้น มู่ตงเฟิงก้าวขึ้นรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม