เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 284

ไป๋ยิ่งอันปิดประตูด้วยหลังมือ หันตัวไป จ้องมองหนานกงเฉินที่ครึ่งเมาครึ่งสร่างบนเตียง ใบหน้าค่อยๆ เผยรอยยิ้ม

ผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ เมื่อก่อนมองอย่างเดียวกินไม่ได้ มันทำให้เธอคันยุบยิบในใจ รอตั้งหลายวัน สุดท้ายก็รอถึงเวลานี้

ครั้งนี้ ถ้าเขาสามารถปฏิเสธเธอได้ เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายปกติแล้ว!

เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำฟองหอมจากด้านในออกมา

เธอนำน้ำร้อนหนึ่งถังออกมาจากในห้องน้ำ จากนั้นก็โน้มตัวลงไปเริ่มใช้สองมือปลดกระดุมหนานกงเฉิน กระดุมเสื้อผ้าหลุดออกจากมือเธอทีละเม็ด กล้ามเนื้อสวยงามของเขาปรากฏขึ้นทีละนิด

ถึงเธอจะเคยเห็นผู้ชายงดงามมากนับไม่ถ้วน แต่ไม่ค่อยเห็นใครที่มีเสน่ห์ไปมากกว่าชายตรงหน้า แค่มองเขาที่เปลือยเปล่าอย่างเดียว เธอก็รอไม่ไหวที่จะต้องการ

ผ้าขนหนูอุ่นๆ ถูอยู่บนหน้าอกเซ็กซี่ของเขา ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปทั่วใบหน้าหล่อของเขา

สุดท้ายหนานกงเฉินก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เงยหน้าขึ้นมองอย่างงุนงง ไป๋ยิ่งอันเห็นเขาตื่นแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยเสียงไม่มีพิษมีภัยอย่างยิ่ง “คุณชายใหญ่ คุณอย่าขยับตามอำเภอใจสิ ฉันช่วยคุณเช็ดตัวอยู่นะ”

“ที่รัก......นี่คุณกำลังเช็ดตัวเหรอ......?” หนานกงเฉินยิ้มเล็กน้อยพร่ามัวให้เธอ จากนั้นก็คว้าข้อมือเธอที่ถือผ้าขนหนูอยู่ ดึงเธอเข้าหาตัวเอง

ไป๋ยิ่งอันกระซิบอย่างเขินอาย “คุณชายใหญ่......คุณอย่าขยับตามอำเภอใจสิ......”

“เด็กดี......น่าจะเธอนะที่อย่าขยับตามอำเภอใจถึงจะถูก” หนานกงเฉินหมุนตัวกดเธอไว้ใต้ร่าง ก้มหน้าลงจูบปากเธอ

ไป๋ยิ่งอันคลายมือ ผ้าขนหนูในมือเธอหลุดออกไป แขนเรียวโอบลำตัวเขา แล้วยิ้มอย่างมีชัย

หลังจากจูบอันเร่าร้อน เสื้อผ้าที่สวมใส่กันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ไป๋ยิ่งอันคิดว่าตัวเองจะได้เป็นผู้หญิงของหนานกงเฉินอย่างแท้จริงแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงร้องกังวลใจดังขึ้นที่ประตูทางเข้า “แย่แล้ว! แย่แล้ว! เด็กน้อยเกิดเรื่องแล้ว--!”

เสียงกังวลใจร้องขึ้นว่า ‘เด็กน้อยเกิดเรื่องแล้ว’ ปลุกสองคนที่อยู่ในเปลวไฟแห่งความปรารถนาทันที สมองไป๋ยิ่งอันว่างเปล่า สีหน้าเปลี่ยนไปในพริบตา ความรู้สึกแรกคือฆ่าผู่เหลียนเหยาคนชั้นต่ำนั่น!

เธอยังไม่คิดแผนการไม่ออก หนานกงเฉินก็พลิกตัวลงจากเตียง หยิบเสื้อคลุมจากราวแขวนเสื้อมาใส่พร้อมเดินไปที่ประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว

“คุณชายใหญ่......” ด้วยความสิ้นหวัง ไป๋ยิ่งอันตะโกนตามหลังเขา จากนั้น หนานกงเฉินก็รีบออกไปแล้ว

เธอนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง กัดปากด้วยความเกลียดชัง นั่งเหม่ออยู่บนเตียงสักครู่ เธอลงจากเตียงอย่างต้องยอมรับความจริง หยิบชุดนอนจากราวแขวนเสื้อมาใส่แล้ววิ่งไปที่ห้องลูก

เมื่อเธอไปถึง ผู่เหลียนเหยากำลังเด็กน้อยและซักถามหนานกงเฉินอย่างวิตกกังวล “พี่ เมื่อกี้ฉันเข้ามาเห็นเด็กหน้าแดงก่ำ หายใจลำบาก ดูอาการแย่มาก เรารีบไปส่งโรงพยาบาลเถอะ!”

หนานกงเฉินตกใจกับอาการป่วยของลูก ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เขาพยักหน้าแทบไม่คิด “โอเค ไปส่งโรงพยาบาลกัน”

ไป๋ยิ่งอันโกรธแทบบ้า รีบเดินไปแย่งเด็กจากอ้อมแขนผู่เหลียนเหยามา ร้องไห้ไปด้วยและตะโกนเสียงดังไปด้วย “ใครให้คุณแตะต้องลูกฉัน? ใครใช้ให้คุณแตะต้องตัวเขา? ออกไปซะ! ลูกฉันไม่เป็นอะไร เขาจะไม่เป็นอะไร......”

น้ำตาครึ่งหนึ่งมาจากการแสดง อีกครึ่งหนึ่งโกรธจนร้องออกมา เธอรู้ว่าผู่เหลียนเหยาต้องจงใจแน่ๆ! นังผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้!

ผู่เหลียนเหยาก็ทำหน้ากระวนกระวาย “พี่ เพราะฉันเป็นหมอ คุณย่าเลยสั่งให้ฉันใส่ใจกับอาการป่วยของเด็กมากๆ ฉัน......!”

“ลูกฉันจะไม่เป็นอะไร จะไม่เป็นอะไร!” เธอหันหน้าไปจ้องพี่เลี้ยงแล้วคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่เธอดูเด็กยังไง? ทำไมเขาป่วยแล้วไม่รู้? ฉันให้พวกเธอทำอะไรที่นี่?”

พี่เลี้ยงถูกเธอคำรามใส่ก็ก้มหน้าลง เมื่อครู่นี้เธอหลับไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ โดนปลุกด้วยเสียงร้องของผู่เหลียนเหยา จากนั้นก็เห็นผู่เหลียนเหยากำลังอุ้มเด็กอยู่

“ยิ่งอัน! รีบเอาลูกมาให้ฉัน” หนานกงเฉินเห็นไป๋ยิ่งอันร้อนใจจนเป็นบ้า ก็รีบยื่นมือออกไปหาเธอ

“ฉันบอกว่าลูกไม่เป็นอะไร! ฉันไม่อยากพาเขาเข้าโรงพยาบาล! คุณหมอหวงล่ะ? ไปเรียกคุณหมอหวงมาให้ฉัน!” ไป๋ยิ่งอันคำราม

พี่เลี้ยงรีบวิ่งไปโทรศัพท์ภายใน

ไม่นาน คุณผู้หญิงก็รีบมาถึง เห็นเสียงดังเอะอะในห้อง ก็รีบถามอย่างกังวล “เกิดอะไรขึ้น? เด็กเป็นอะไร?”

ผู่เหลียนเหยาเดินไปพยุงแขนของคุณผู้หญิง พูดขึ้นอย่างกังวล “คุณย่า จู่ๆ เด็กก็หายใจไม่ออก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ไม่อยากส่งเด็กเข้าโรงพยาบาล”

“ถุงออกซิเจนล่ะ? ใช้ไปหรือยัง?” คุณผู้หญิงถามอย่างกังวล

“ใช้ไปแล้ว”

คุณหมอหวงไม่นานก็รีบมาถึง หนานกงเฉินอุ้มเด็กจากอ้อมแขนไป๋ยิ่งอันวางลงบนเตียง น่าจะเพราะประโยชน์จากถุงออกซิเจน สีหน้าเด็กเลยไม่ได้แดงขนาดนั้น และหายใจก็ไม่ได้ถี่ขนาดนั้น

ไป๋ยิ่งอันทรุดตัวนั่งข้างเปล น้ำตานองเต็มหน้ามองเด็กบนเปล ในใจกัดฟันอย่างเกลียดชัง เจ้าเด็กน่ารังเกียจ ความสำเร็จก็อยู่ที่เขา ความล้มเหลวก็อยู่ที่เขา

“คุณหมอหวง เด็กเป็นยังไงบ้าง?” หนานกงเฉินถามอย่างเป็นห่วง

หลังจากคุณหมอหวงตรวจอย่างละเอียดแล้วก็ตอบว่า “เมื่อกี้นี้อาจจะมีบางอย่างปิดกั้นหลอดลม ไม่ตอนนี้ค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว"

ได้ยินคำพูดของคุณหมอหวง ทุกคนก็โล่งใจในที่สุด

คุณหมอหวงมองเด็ก แล้วเหลือบมองเด็กที่นั่งอยู่บนพื้น กล่าวอย่างระมัดระวัง “แต่คุณผู้หญิง คุณชายใหญ่ พวกคุณก็ต้องทำใจไว้ด้วย สถานการณ์แบบนี้ต่อไปจะเกิดขึ้นบ่อยๆ เด็กยังเล็กมากเกินไป ไม่สามารถปรับท่าทางเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น......”

คุณหมอหวงพูดต่อไปไม่ได้

คุณผู้หญิงยิ้มขมขื่นอย่างเศร้าๆ “ดังนั้นก็อาจจะจากพวกเราไปได้ทุกเมื่อ ใช่ไหม?”

“อืม ความอยากอาหารของเด็กก็น้อยลงทุกวัน วันนี้กินนมแค่สามสิบมิลลิลิตรเอง ระหว่างนั้นก็สำลักไปสองครั้ง......”

“พอแล้ว! ไม่ต้องพูดอีกแล้ว” ไป๋ยิ่งอันคำรามใส่เขาไปหนึ่งประโยค เธอรู้ว่าเด็กยิ่งแย่ลงทุกวัน เป็นไปได้สูงว่าจะจากไปก่อนเธอจะตั้งครรภ์ แต่อุบัติเหตุในวันนี้คืนนี้ต้องเป็นฝีมือใครสักคนแน่ๆ

แต่เธอไม่สามารถยืนขึ้นมาวิจารณ์ผู่เหลียนเหยาได้ เพราะเธอไม่มีหลักฐาน ถ้าฉีกหน้าผู่เหลียนเหยาล่ะก็ เรื่องมันวุ่นวายขึ้นมา ผู่เหลียนเหยาต้องระเบิดความสงสัยในก้นบึ้งหัวใจเธอออกมาแน่ จากนั้นคุณผู้หญิงและหนานกงเฉินก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจว่าผู่เหลียนเหยาคิดจะทำอะไรกันแน่ เธอห้ามรู้สึกไม่มั่นคง

เธอยังคงนั่งข้างเปล สองมือปกป้องขอบเตียงเอาไว้ ท่าทางโศกเศร้าเสียใจจนไม่สามารถปลอบได้

หนานกงเฉินโน้มตัวเพื่อดึงเธอขึ้นมา ดึงเข้าสู่อ้อมแขนแล้วเอ่ยปลอบ “เด็กดี อย่าร้องไห้เลย ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว"

“แต่คำพูดคุณหมอหวงน่ากลัวมาก ถ้าลูก......” เธอพิงในอ้อมแขนหนานกงเฉิน สะอึกสะอื้นพูดไม่ออก

คุณผู้หญิงสูดจมูกเบาๆ ระงับความเสียใจภายในใจเอาไว้ จ้องมองแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้เธอร้องไห้มันจะมีประโยชน์อะไร? เด็กกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอคนเดียวเหรอ?”

“ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว” ไป๋ยิ่งอันน้ำตายิ่งคลอเบ้ามากขึ้น

“รู้ว่าผิดแล้วมีประโยชน์อะไร? ตอนแรก......”

“เอาล่ะ คุณย่า พี่เขาก็รู้สึกแย่มากแล้ว คุณย่าอย่าว่าเขาอีกเลย” ผู่เหลียนเหยาจับแขนคุณผู้หญิง พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ฉันจะพยุงคุณย่ากลับไปพักที่ห้อง เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของเด็ก"

“จริงด้วย คุณย่ากลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะครับ” หนานกงเฉินพูด

คุณผู้หญิงมองเด็ก หลังจากสั่งพี่เลี้ยงให้ดูแลเขาเป็นอย่างดี ก็หันตัวออกจากห้องนอนเด็กไป

คุณหมอหวงพูดกับทุกคนว่า “พวกคุณก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ดูเด็กก็พอแล้ว”

หนานกงเฉินก้มหน้ามองไป๋ยิ่งอัน แล้วพูดขึ้น “เรากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะนะ"

“ไม่ ฉันนอนไม่หลับ ฉันอยากอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนลูก” ไป๋ยิ่งอันพูดจบอย่างสะอึกสะอื้น เดินกลับไปข้างเปลทารก ทำท่าทางไม่อยากไป

ในเวลานี้ ถ้าเธอยังกลับห้องไปนอนได้อย่างสบายใจ มันจะเกินสมควรเกินไป ดังนั้นแม้ว่าจะรั้งไว้เธอก็ต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ผู่เหลียนเหยามาที่ห้องเด็กทารกอีกครั้ง เธอยืนมองสำรวจเด็กข้างเปลแล้วถามขึ้น “พี่ ทั้งคืนเด็กยังสบายดีไหม?”

“สบายดีมาก” ไป๋ยิ่งอันพูดพร้อมยกดวงตาแดงก่ำขึ้นมองเธอ

ผู่เหลียนเหยานั่งข้างกายเธอ มองสำรวจเธอด้วยใบหน้าซีดเซียว “พี่ ขอโทษนะ เมื่อคืนฉันเป็นกระต่ายตื่นตูมมากไปหน่อย พี่ตกใจมากเลยใช่ไหม?”

ไป๋ยิ่งอันจ้องมองเธออีกครั้ง พูดพร้อมยิ้มขมขื่น “จะขอโทษทำไม ถ้าคุณไม่ได้พบว่าลูกเกิดเรื่อง เดาว่าลูกคงตายไปนานแล้ว ฉันควรขอบคุณคุณมากกว่าสิถึงจะถูก"

พูดจบ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ครูพี่เลี้ยงคนนี้ไม่รับผิดชอบเลยสักนิด ไม่รู้แม้กระทั่งเด็กอาการกำเริบ ฉันต้องขอให้เฉินไล่เธอออก”

“เวลานั้นมันดึกเกินไป ตอนฉันเข้าไปเธอก็หลับอยู่ข้างเปล” ผู่เหลียนเหยาลูบมือเธอแล้วพูดปลอบโยน “แต่พี่ก็อย่าทรมานตัวเองมากเกินไป กลับห้องไปนอนเถอะ ฉันช่วยพี่ดูแลเด็กที่นี่เอง”

“แต่......ฉันอยากปกป้องเขาด้วยตัวเอง ยังไงเวลาเขาก็มีไม่มากแล้ว” ไป๋ยิ่งอันพูดพร้อมน้ำตาไหล

“แต่พี่ก็ต้องใส่ใจสุขภาพด้วยนะ เด็กต้องการพี่มากขึ้นในภายภาคหน้า ถ้าพี่ล้มป่วย ใครจะอยู่เป็นเพื่อนเขาในฐานะคุณแม่แทนพี่ได้?”

ไป๋ยิ่งอันคิด แล้วยิ้มขมขื่นให้กับเธอ “งั้นคุณช่วยฉันดูไปก่อน วันนี้เฉินทำงานล่วงเวลา คนอื่นฉันไม่วางใจ โดยเฉพาะพี่เลี้ยงที่ประมาทคนนั้น"

“อืม ฉันรู้แล้ว” ผู่เหลียนเหยาพูดอย่างกังวล “พี่ไปกินข้าวเช้าก่อน แล้วก็ไปนอนให้เต็มที่”

“โอเค ขอบคุณ”

ไป๋ยิ่งอันเดินออกมาจากห้องนอนเด็ก ก็หันหน้าไปมองบานประตูที่ปิดอยู่ ในใจคิดว่าให้เธออยู่ข้างในก็ดี ดูสิว่าเธอจะทำอะไรได้

เมื่อคืนเธอหลับๆ ตื่นๆ หนึ่งคืน เธอง่วงมากจนแม้แต่เปลือกตาก็เจ็บ ตอนนี้ได้กลับห้องไปนอนอย่างมีความสุขในที่สุด

เช้าตรู่ ไป๋มู่ชิงแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะเตรียมออกจากบ้าน จู่ๆ ทางเข้าประตูก็มีเสียงเคาะประตู

นอกจากซูซี่และเหยาเหม่ยก็ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ซูซี่เหรอ? จะมาแจ้งข่าวดีให้ตัวเองเหรอ? คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เธอก็รีบเดินไปที่ประตูด้วยความดีใจ

ขณะที่เธอเห็นคุณหญิงหลินที่ประตูทางเข้า ก็แข็งทื่ออยู่ที่เดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด