และคำถามนี้ของเธอ ทำให้ไป๋มู่ชิงชะงักไปเล็กน้อย
หนานกงเฉินชอบเธอสักนิดหนึ่งไหม? คำถามนี้เธอยังไม่รู้มาก่อนเลย บางครั้งก็รู้สึกเขาชอบเธอ แต่บางครั้งก็เหมือนว่า เขาไม่ชอบเธอเลย
“ฉันก็ไม่รู้”เธอตอบไปตามตรง
”เธอจะไม่รู้ได้ไง ปกตินายนั่นก็ดีกับเธอ เธอไม่รู้เลยเรอะ?”
“ก็ดีบ้างร้ายบ้าง”
“แปลว่าไร เธอกำลังตอบฉันแบบส่งๆนะ”
ไป๋มู่ชิงหันหน้ามาจ้องเธอกะทันหัน แล้วพูดว่า “นายนั่นจะชอบไม่ชอบฉัน รออีกสี่เดือนก็ได้รู้กัน ”
“หมายความว่าไง”ไป๋ยิ่งอันไม่เข้าใจที่เธอพูด
“ถ้าหากว่าเขาชอบฉันจริง ก็จะไม่ปล่อยให้ฉันอยู่บ้านแม่สี่เดือนหรอก เขาเคยบอกฉันว่า พอลูกเกิดมาแล้ว เขายังอยากจะได้ฉัน ก็จะมารับฉันและลูกกลับไปด้วยตัวเอง ดังนั้น เธอก็ภาวนาสี่เดือนนี้เขายังจำฉันได้ไป”
อีกสี่เดือนเขายังจะเอาเธอไหม?และยังจะมารับเธอกลับไปอีกไหม? เธอไม่กล้าคาดเดาเอาเอง
หนานกงเฉินเคยบอกไว้ว่า เวลาสี่เดือนนี้อาจจะเจอคนมากมาย เกิดเรื่องมากมาย สี่เดือนผ่านไปโลกจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
เขาพูดถูก!
“แล้วถ้านายนั่นไม่เอาเธอละ ฉันก็เข้าตระกูลหนางกงไม่ได้นะสิ “ไป๋ยิ่งอันพูดเบาเบา
“ดูจากความสามารถเธอแล้ว ที่ไหนละที่เธอเข้าไปไม่ได้ ”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างเยาะเย้ย
“มันก็จริง”ไป๋ยิ่งอันพยักหน้าอย่างมั่นใน เธอค่อนข้างมั่นใจในเสน่ห์ของเธอมาโดยตลอด
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกในความมั่นใจในเสน่ห์ตัวเองของเธอ หลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ถึงตอนนั้น เธออุ้มลูกสายเลือดตระกูลหนางกงไปหา เขาคงไม่มีทางไม่ยอมรับ”
ไป๋ยิ่งอัง เหลือบมองไปที่ท้องของเธอ สีหน้าที่ดูน่ารังเกลียด “มันไม่แน่ ใครจะไปเอาลูกที่ชีวิตสั้นแบบนี้”
“ทุกคนเขาก็บอกว่าหนานกงเฉินก็มีชีวิตไม่นาน คุณผู้หญิงก็เลี้ยงอย่างเอ็นดูไม่ใช่หรือ? ”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไม่พอใจ
ไป๋ยิ่งอันว่าอย่าลืมนี้คือลูกที่มีสายเลือดกับตระกูลหนางกง อยากให้เธอใส่ใจเด็กคนนี้มากขึ้น ดีกับลูกคนนี้หน่อย คิดไม่ถึงผู้หญิงคนนี้กลับทำสีหน้าดูถูก
คุณหญิงไป๋คนนี้ดูท่าทางมั่นใจในตัวเองสุดๆ คิดว่าเสน่ห์ของเธอสามารถดึงดูดกงหนางเฉินได้
“ไม่ว่าลูกคนนี้จะดีจะเลว ยังไงมันก็ไม่พาสิ่งไม่ดีมาให้เธอหรอก ขอให้เธอจงยอมรับในความเป็นจริงเหอะอย่าเป็นเพราะลูกคนนี้เธอเป็นคนคลอดเองเลยขัดแย้งลูกเลยนะ ”
ไม่เพียงแต่เธอที่พูดแบบนี้ แม้ก่อนหน้านี้ซูวยาหยงก็พูดแบบนี้มาตลอด ไป๋มู่ชิงสะบัดมือด้วยความหงุดหงิด “เออหน่า พวกเธอก็แค่อยากให้ฉันดูแลเด็กคนนี้ดีดีไม่ใช่หรอ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลเขาดีดีเอง”
ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจอย่าเบาเบา และก็ไม่พูดอะไรอีก
หวังว่าเขาจะทำในสิ่งพูดได้ ผู้หญิงที่อกใหญ่แต่ไร้สมองคนนี้ ต่อให้ตายก็ไม่เชื่อว่าลูกคนนี้จะทำให้เธอกลับไปอยู่ตระกูลหนานกงได้
จากที่เธอรู้จักหนานกงเฉิน หากว่ามีลูกคนนี้แล้ว โอกาสที่ไป๋ยิ่งอันจะได้เข้าไปอยู่ที่ตระกูลหนานกงก็เยอะขึ้น
ถึงแม้ว่าวันเวลาที่อยู่ที่ตระกูลไป๋จะลำบากมาก แต่วันแล้ววันเล่า อะไรที่จะเกิดก็ห้ามให้มันเกิดไม่ได้
ไป๋มู่ชิงมองท้องที่เธอกำลังอุ้มอยู่ เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็ถึงเวลาใกล้คลอดแล้ว แปลว่าอีกอาทิตย์เดียวลูกก็จะคลอด และจากอ้อมกอดเธอไป
พอคิดถึงลูกต้องจากตัวเองไป เธอก็รู้สึกไม่อยากให้ไปขึ้นมาทันที ใจคิดขอให้วันนี้อย่ามาเร็วกว่านี้เลย
เธอหวังว่าจะได้อยู่ในที่ที่ตัวเองรังเกลียด อีกหลายเดือน อดทนอยู่กับผู้หญิงสองคนที่จิตใจเลวทรามไปอีกหลายเดือน เพื่อไม่ต้องจากลูกไปเร็วขนาดนี้ เธอพึ่งมาคิดได้เรื่องนี้ แต่เวลากลับยิ่งเข้าใกล้ ความรู้สึกแบบนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากขึ้น
ในสี่เดือนนี้ เธอออกไปน้อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะได้ออกไปก็มีคนค่อยตามไปด้วย
แต่เธอกับหนานกงเฉิน ตั้งแต่จากกันครั้งก่อนก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย
อาศัยอยู่เมืองเดียวกัน สองคนกลับไม่เคยได้เจอกันอีก โทรศัพท์ก็ไม่มี เหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนว่างั้น
ถึงแม้ใจจะรู้สึกอ้างว้างไปหน่อย แต่นี้คือแผนที่เธอว่างไว้ ทุกอย่างเดินไปตามแผนของเธอ เธอควรรู้สึกดีใจสิ
พอลูกคลอดออกมา เขาก็สามารถไปรับแม่และเสี่ยวหยี่กลับมาแล้ว คิดถึงจุดนี้แล้ว ความรู้สึกเสียใจค่อยหายไปหน่อย
เธอหาเสื้อคุมท้องจากตู้เสื้อผ้า เพื่อเอามาใส่ และก็เอาหมวกกันแดดกับแว่นกันแดดตามออกมา และก้าวเดินไปทางประตู
กี่เดือนมานี้ เมื่อเธอออกบ้านที่ไรก็ต้องทำตัวเหมือนดาราทุกครั้ง เพื่อกันไม่ให้เจอคนในตระกูลหนานกงและวันนี้ก็เป็นเช่นเดิม
เล่ากันว่าก่อนจะคลอดให้ออกกำลังกายเล็กน้อยจะได้คลอดง่ายขึ้น เขารู้ว่าไป๋ยิ่งอันกับซูยาหยงออกบ้านไปแล้ว เลยคิดไว้ว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย
พอลงมาชั้นหนึ่ง พี่หงก็กลับมาจากจ่ายตลาดพอดี พอเห็นเธอเดินลงมาก็เข้ามาถามทันที “มู่ชิง จะออกไปข้างหนอกหรอ?”
“อืม ออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
“วันนี้แดดไม่แรงมากออกไปเดินบ้างก็ดี แต่ว่าต้องระวังให้มากๆนะ อย่าให้คนอื่นเจอเข้าละ ”
“ฉันจะค่อยระวังคะ”
“งั้นฉันเรียกเสี่ยวชิงไปกับเธอ”พี่หงพูดจบก็หันหลังเดินเข้าสวนหลังบ้านทันที
ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกก็จะมีสาวน้อยที่ชื่อเสี่ยวชิงค่อยตามไปด้วย พูดตรงตรงก็คือคนที่ซวูยาหยงให้ตามมาดูฉันไว้ แต่ว่ายังดีที่เสี่ยวชิงเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสา ไม่มีใจคิดเล็กคิดน้อย
เสี่ยวชิงเดินออกจากบ้านหลังสวนอย่างรวดเร็ว เดินมาทางไป๋มู่ชิงแล้วยิ้มบอกว่า”คุณหญิงรอง ขอบคุณมากนะคะ แดดส่องแบบนี้คุณเฉิงกลับให้ฉันถอนหญ้าที่สวนหลังบ้าน ไม่กลัวคนอื่นจะดำเลยสักนิด ขอบคุณมากๆนะคะ ที่ทำให้ไม่ต้องถอนหญ้า”
“ใช่ เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้ถอนหญ้า และยังจะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกอีกด้วย ”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างยิ้มๆ
พอได้ยินคำว่า เที่ยวเล่น เสี่ยวชิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที “จริงเหรอคะ? ไปเที่ยวเล่นได้หรอคะ”
“อืม”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า
“เยี่ยมไปเลย อาทิตย์หนึ่งแล้วที่ไม่ได้ออกจากบ้านไป๋”
“ยายตัวแสบ อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นจนลืมคุณหญิงรองละ ต้องดูแลคุณหญิงสองให้ดีดี”พี่หงพูดออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อย
“เข้าใจคะ เข้าใจพันครั้งเข้าใจหมื่นครั้งคะ ”เสี่ยวชิงตอบกลับ
หลังจากสองคนขึ้นรถ เสียวชิงถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณหญิงสอง เราจะไปเที่ยวไหนกันคะ?”
“ฉันนัดกับเพื่อนไว้ไปดื่มกาแฟ เธอสามารถไปเที่ยวเล่นละแวกนั้นได้”ไป๋มู่ชิงตอบ
“คุณหญิงสอง เพียงแต่จะไปดื่มกาแฟเท่านั้นเหรอคะ จะไม่ไปไหนอีกเลยหรอคะ?”เสี่ยวชิงถามอย่างระมัดระวัง
เขากลับไม่เคยลืมว่าครั้งนี้ที่ตัวเองออกมีภารกิจจะต้องทำ หากไป๋มู่ชิงเกิดอุบัติเหตุอะไรละก็คุณผู้หญิงจะต้องลอกหนังเธอออกหมดแน่
ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเธอกำลังเป็นห่วง ยิ้มแล้วตอบส่งๆไปว่า “อืม แค่ไปดื่มกาแฟ ไม่ไปไหนอีกแล้ว”
“งั้นก็ได้คะ พอคุณหญิงรองดื่มกาแฟเสร็จอย่าลืมโทรหาดิฉันให้มารับกลับบ้านนะคะ”
“อืม ได้”
รถจอดอยู่ที่ทางเข้าร้านกาแฟร้านหนึ่งในใจกลางเมือง เสี่ยวชิงไม่ไว้ว่างใจให้ไป๋มู่ชิงไปคนเดียว เธอต้องส่งเข้าไปถึงร้านกาแฟถึงจะหมดห่วง สองคนเดินเข้าไปที่ร้านกาแฟ
แสงไฟในร้านกาแฟดูมืดเล็กน้อย เมื่อกำลังจะเดินผ่านระเบียงกลับเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่ง เขาคนนั้นคือ หนานกงเฉิน!
ทางฝั่งระเบียง. หนานกงเฉินกำลังพูดคุยกับผู้หญิงสุดสวยคนหนึ่ง ดูท่าทางสนุกสนาน ไม่รู้ว่าเขาสองคนคุยอะไรกัน แต่รู้สึกได้ถึงเขากำลังมีความสุข
“คุณหญิงรอง ทำไมไม่เดินต่อแล้วคะ ”เสี่ยวชิงรู้ว่าเธอไม่ได้เดินตามหลังมา พอมองไปทิศทางที่ไป๋มู่ชิงกำลังมองอยู่ เธอกลับตกตะลึงพูดพรำๆออกมาว่า “คุณชายเฉิน.....”
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉินเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่รู้นี้กลับน้อยแล้วน้อยอีก เธอไม่เคยเห็นตัวจริงของหนานกงเฉินมาก่อน เธอรู้จักหนานกงเฉินได้ก็ตามพวกหนังสือพิมพ์เหมือนหญิงสาวอื่นๆ
ตอนนี้สามารถเห็นตัวจริงได้ และไม่แคร์ว่านี้คือสามีใคร มองไปที่หนานหงเฉินอย่างไม่คละสายตา
หนานกงเฉินเดินเข้าใกล้ทุกที พอรู้ตัวไป๋มู่ชิงก็รีบหันหลังแล้วหลบไปที่ระเบียงทันที ใช้มือเอาหมวกบังหน้าตัวเองไว้ หนานกงเฉินเดินผ่านเธอไป เธอได้ยินชัดเต็มหูเขาพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น “คืนนี้ว่างไหม? ฉันไปหาเธอ....”
หญิงสาวสุดสวยตกใจเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “ว่างสิ ว่างตลอด”
“คุณชายเฉิน.....”เสี่ยวชิงหันไปทางที่หนานกงเฉินเดินไป และพรำเพ้อเบาเบา
ไป๋มู่ชิงหันไปชักสีหน้าให้เธอหุบปาก หากว่าเสี่ยวชิงเรียกจนหนานกงเฉินหันมาจะทำไง
เขาเหลือบมองตามไป เธอเห็นหนานกงเฉินหยุดเดินแล้วหันกลับมา....
เธอรีบเอาหัวกลับไปที่เดิม เเละถอยหลังเล็กน้อย
หนานกงเฉินได้ยินมีคนเรียกชื่อตัวเอง หันกลับมา กลับเป็นหญิงสาวที่ไม่คุ้นหน้าคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้เขาไม่เพียงเคยเจอครั้งเดียว ส่วนมากก็ยิ้มให้แล้วก็เดินทางตัวเองไป
“คุณชายเฉินฉันคือแฟนคลับคุณคะ ”พอเสี่ยวชิงเห็นเขาหันหลังมาก็รีบโบกมืออย่าตื่นเต้นทันที กลับเป็นว่าเขาไม่มองเธอเลยสักนิด เธอบึงปากแล้วพูดพรำๆว่า “อุส่าทักทาย. ตอบกลับสักนิดก็ยังดี”
ส่งหนานกงเฉินออกจากร้านกาแฟด้วยสายตาแล้ว เสี่ยวชิงถึงได้คิดถึงภารกิจครั้งนี้ที่ออกมา รีบวิ่งไปหาฉันอย่าเร่งรีบ “คุณหญิงรอง คนเมื่อกี้คือคุณชายเฉิงทำไมคุณหญิงรองไม่ไปทักทายเขาละ?”
ไป๋มู่ชิงยื่นพิงกำแพงอย่างเหม่อๆ ในใจสับสนเล็กน้อย
สี่เดือนที่ไม่ได้เจอหนานกงเฉิน นอกจากเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้น อย่างอื่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก
มีชีวิตชีวาหรอ น่าจะเป็นเพราะอารมณ์ดี? ในช่วงเวลาที่ไม่มีเธออยู่ข้างกายก็น่าจะไม่ต้องอารมณ์เสียมากมาย อารมณ์ก็ดีไปตามนั้น และหญิงสาวคนคนนั้น ไม่รู้เธอเป็นใครของเขา หรืออาจเป็นคนใหม่ของเขา
ตอนนี้คุณชายหนานกงมีเสน่ห์ดึงดูดตาสาวๆมากมาย ข้างกายมีคนเพิ่มมาคนหนึ่งคงไม่แปลกหรอก. ทำไมเวลาที่เธอมองพวกเขาสองคนคุยกันอย่างสนิทสนมกับรู้สึกเคืองตาแปลกๆ
“คุณหญิงรอง สบายดีใช่ไหมคะ?” เสี่ยวชิงเห็นเธอยื่นเหม่อลอยตั้งนานในระเบียงก็เลยทักถาม
ไป๋มู่ชิงสูดจมูกแล้วตอบว่า”ฉันไม่เป็นไร”หลังจากพูดแล้วเธอก็เดินออกจากที่เดิม. ตรงไปห้องที่เธอจองไว้ ในเวลานี้มีไม่ควรคิดแบบนี้กับหนานกงเฉิน มันไม่สมควร
มาถึงที่นัดกับเหยาเหม่ยแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ปล่อยให้เสี่ยวชิงไปเที่ยวตามใจเลย เสี่ยวชิงเดินออกไปอย่างเฮฮา
ข้างในนั้นมีเพียงแค่ไป๋มู่ชิงกับเหยาเหม่ยสองคน ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาไปยังแก้วบนโต๊ะแล้วถามว่า “ซูเจี้ยละ เธอไม่มาหรอ?”
“เธอเหรอ? เธอน่าจะเดาออกนะว่าซูเจี้ยไม่น่าจะมา ”
เหยาเหม่ยเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ฉันสั่งนมมาให้เธอ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“ไม่มี”ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งที่โซฟา ใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมคิดว่าก่อนจะคลอดอยากจะเจอเพื่อนรักสองคนก่อน แต่ซูเจี้ยกลับไม่มา
หลังจากที่ซูเจี้ยตรวจอัลตราซาวด์Bแบบสามมิติแล้ว ก็ไม่เคยเจอเธอมาอีกเลยหนึ่งเดือน ไม่รู้ว่าเธอยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
ความจริงเธอรู้แก่ใจดี ซูเจี้ยมาไม่ได้เพราะไม่ว่าง แต่เป็นเพราะไม่อยากเจอเธอเลยด้วยซ้ำ
เธอไม่เชื่อว่าเพราะเธอโกหกเลยทำให้ซูเจี้ยเป็นแบบนี้
เเต่เธอก็พูดไม่ออกว่าเพราะอะไรซูเจี้ยถึงโกรธ
เหยาเหม่ยเอียงตัวมาลูบลูกในท้องของเธอแล้วบอกว่า “ โตเร็วจังเลยนะ ไม่เจอกันแค่สองสามอาทิตย์ก็ดูโตขึ้นเยอะเลย”
“ครบเดือนแล้วนิ ท้องก็โตเป็นพิเศษ”
“จริงหรอ? ครั้งก่อนเธอบอกว่าจะคลอดเมื่อไหร่นะ ”
“อีกไม่กี่วัน”
“เร็วจัง งั้นเธอก็จะได้หลุดพ้นแล้วสิ”
“อืม อีกนิดเดียวฉันก็จะกลับมาอิสระเหมือนเดิมแล้วละ ”ไป๋มู่ชิงพูดพร้อมหัวเราะไป ใจกลับรู้สึกเสียใจ เธอไม่อยากได้ชีวิตที่อิสระเอาสะเลย
หากรู้ว่าลูกตัวเองต้องเกิดมาเพื่อจากเธอไปละก็ เธอยอมให้ลูกมีชีวิตอยู่ในท้องเธอตลอด แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้
นั่งกับเหยาเหม่ยสักพัก แล้วก็เดินเที่ยวตึกขาวข้างๆแล้วรอบหนึ่ง เสี่ยวชิงกับไป๋มู่ชิงก็กลับบ้านไปเลย
เดิมที่เธอไม่ได้อยากกลับเช้าขนาดนี้หรอก แต่ซูวยาหยงกลับมาถึงบ้านแล้วไม่เห็นเธอ เลยโวยวายหนักเลย ทำให้พวกรับใช้อยู่ไม่สุข
ไป๋มู่ชิงไม่สนใจเรื่องที่ซูวยาหยงอาละวาดได้ แต่เธอไม่สนใจคนรับใช้ที่ต้องเดือดร้อนเพราะเธอไม่ได้ เลยเลือกกลับบ้านเร็วๆ
พอเดินเข้าประตู เธอก็เห็นซูวยาหยงที่สีหน้าไม่ดีนั่งอยู่ที่โซฟา เหมือนกำลังรอตัวเองอยู่ว่างั้น
เธอยังไม่ทันพูดอะไร ซูวยาหยงก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันทีด้วยสีหน้าโกรธ มองหน้าเธอแล้วด่าทันที ”ไป๋มู่ชิง เวลาไหนแล้วยังออกไปเดินเพ่นพ่านอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...