“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมจะดื่มเป็นเพื่อนคุณสักแก้วสองแก้วแล้วกัน” เฉียวซือเหิงทำเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ แล้วพูดต่อ:“แต่ห้ามดื่มเกินลิมิตนะ มันเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่าย”
เฉียวซือเหิงยกแก้วของตัวเองขึ้นมาแล้วยื่นไปทางเธอ ยิ้มในที่มืด:“เมื่อไหร่คุณจะเลิกเรียกผมว่าคุณชายเฉียวสักที เรียกให้เหมือนไป๋มู่ชิงที่เรียกหนานกงเฉินว่าสามีหรือเฉินดีกว่าไหม?”
“วันไหนที่คุณรักฉันเหมือนที่หนานกงเฉินรักไป๋มู่ชิง ฉันก็จะเรียกคุณแบบนั้นเอง”
“ผมรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองรักคุณมากกว่าที่หนานกงเฉินรักไป๋มู่ชิงซะอีก เพียงแต่คุณรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง” เฉียวซือเหิงพูดจบก็รีบพูดต่อ:“เรื่องที่ผ่านไปแล้วพวกเราจะไม่พูดถึง ได้ไหม?”
“ก็ได้ ไม่พูดถึงอดีต พูดถึงอนาคตแล้วกัน” ซูซี่ส่งแก้วเปล่าให้เขารินเหล้า แล้วส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ:“แต่อนาคต......ทำไมฉันถึงไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดนะ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
“คงเป็นเพราะผมมั่นใจว่าจะรักคุณไปตลอดชีวิตล่ะมั้ง” เฉียวซือเหิงพูด
ซูซี่มองไปที่เขา ในใจเธอหวั่นไหวไม่น้อยกับคำพูดเขา บางทีเธอก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะเปิดใจ แล้วให้โอกาสเขาอย่างจริงๆจังๆสักครั้ง
ทุกคนต่างบอกให้เธอลองเปิดใจ หรือว่าตัวเธอเองจะดื้อดึงเกินไปจริงๆ จริงจังเกินไปจริงๆงั้นเหรอ?
เธอยกเหล้าที่อยู่ข้างๆมือขึ้นดื่มหนึ่งอึกอย่างไม่สบายใจ
เฉียวซือเหิงรีบแย่งแก้วในมือของเธอมา:“พอแล้ว คุณพึ่งดื่มหมดไปหลายแก้วแล้วนะ ห้ามดื่มต่อแล้ว”
“ที่พึ่งดื่มไปคือไวน์นะ แค่ไวน์เอง ฉันคงไม่เมาขนาดนั้นหรอก” ซูซี่หัวเราะ
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเหล้าขาวขวดนี้มีแอลกอฮอล์เท่าไหร่” เฉียวซือเหิงกัดฟันพูดอย่างคับแค้นใจ:“หนานกงเฉินบอกไว้ว่าตอนนี้ตัวเองสุขภาพแข็งแรงดีแถมยังไม่มีเรื่องทุกข์ใจอะไร มันจะต้องดื่มเหล้าที่แรงที่สุดให้ได้ แล้วมันก็เอาเหล้าที่ตัวเองเก็บสะสมไว้อย่างดีมาแล้วด้วย”
“งั้นเหรอ? นี่เป็นของสะสม? มิน่าล่ะรสชาติถึงดีขนาดนี้” ซูซี่ทั้งพูดแล้วคิดไปด้วยว่าจะหยิบเหล้าขวดนั้นมาริน เฉียวซือเหิงแย่งขวดเหล้าไป แล้วยัดจุกขวด:“เหล้านี้แพงมาก เหลือไว้ให้เขาสักหน่อยเถอะ พวกเราอย่าสิ้นเปลืองเลย”
“ขี้งก......!” ซูซี่มองขวางเขาอย่างไม่สบอารมณ์
--
ระดับคอในการดื่มเหล้าของซูซี่ไม่นับว่าแย่มาก แต่ก็ไม่ได้แข็งอะไรขนาดนั้น เหล้าขาวสองแก้ว ไหนจะไวน์แดงไม่กี่แก้วที่ดื่มเข้าไปอีก ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร แต่พอผ่านไปสักพักก็รู้สึกว่าไม่โอเคแล้ว วิงเวียนศีรษะ ร้อนไปทั้งตัว ขนาดเดินยังต้องพึ่งเฉียวซือเหิงให้ช่วยพยุง
“บอกให้คุณอย่าดื่มเยอะ ก็ยังจะดื่มเยอะ” เฉียวซือเหิงเห็นเธอเดินอย่างลำบาก ก็เลยอุ้มเธอให้นอนแล้วเดินไปทางที่จอดรถ
“ดื่มเหล้าถ้าไม่ดื่มให้เต็มที่แล้วจะเรียกว่าดื่มเหล้าเหรอ” ซูซี่ใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของเขาไว้:“คนที่กำลังเสียใจเหมือนกัน ก็ควรดื่มให้เมาสักรอบ”
“ผิดแล้ว ผมไม่ได้เสียใจ ตอนนี้ผมมีความสุขดี”
“งั้นเหรอ? มองไม่ออกเลยอะ”
“ตอนนี้ด้านบนผมมีแม่ ด้านล่างมีลูก ตรงกลางยังมีภรรยาที่น่ารักที่อยู่ในอ้อมกอดอีก ผมมีความสุขมาก”
“ขี้โม้......” ซูซี่ใช้มือลูบไปที่คิ้วของเขา:“คุณดูสิ คิ้วย่นจนจะเสียทรงอยู่แล้ว”
“นั่นมันเป็นรูปยิ้มต่างหาก” เฉียวซือเหิงพูด เขาพยายามรองร่างกายของเธอไว้ หลังจากที่ใช้มือดึงประตูรถอย่างยากลำบาก ก็วางเธอลงบนที่นั่งของเบาะข้างคนขับ พร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อย
หลังจากที่เสร็จสรรพทั้งหมด เขาก็กลับมานั่งที่คนขับ หันหน้าไปก็พบว่าซูซี่สะลึมสะลือพิงเบาะเก้าอี้พักผ่อนไปแล้ว หลังจากที่เขามองเธอแล้วยิ้มออกมา ก็เริ่มขับรถออกจากที่จอดรถ
ระหว่างทาง ถึงแม้ว่าเฉียวซือเหิงจะพยายามรักษารถให้คงที่ แต่ความสั่นไหวก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง ซูซี่ที่ติดเตียงแต่ไหนแต่ไรมาก็พลิกไปพลิกมาอย่างไม่สบายตัว ลืมตาขึ้น จ้องเฉียวซือเหิงที่กำลังขับรถด้วยสายตาทั้งสองข้างที่พร่ามัว
เฉียวซือเหิงหันหน้ามามองเธอ พบวาเธอกำลังจ้องตัวเองอยู่ ก็เลยยิ้มมุมปาก:“ทำไม? ไม่ใช่ว่าไม่รักผมเหรอ? ทำไมทำท่าทำทางเหมือนอยากจะใช้กำลังบีบบังคับผม”
ซูซี่ยิ้มลางๆ ยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัย หลังจากนั้นก็ล้มลุกคลุกคลานปีนไปบนเก้าอี้
“คุณจะทำอะไร? รีบนั่งดีๆ” เฉียวซือเหิงเห็นว่าเธอปีนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ก็ร้อนใจขึ้นมา
“จะทำอะไรได้? ก็ใช้กำลังบีบบังคับคุณไง” ซูซี่นั่งยองบนเก้าอี้ หลังจากนั้นร่างกายเธอก็โงนเงนไปมาแล้วล้มไปทางเขา
แรงที่เธอล้มไปนั้นไม่เบาเลย โชคดีที่เฉียวซือเหิงเตรียมตัวไว้แล้ว เลยยังบังคับพวงมาลัยได้ดีอยู่
เขาขมวดคิ้ว ยื่นมือดันเธอกลับไปยังที่นั่งด้านข้าง:“เสี่ยวซี อย่าวุ่นวาย ผมกำลังขับรถอยู่”
“ฉันจะวุ่นวาย” ซูซี่ปีนไปบนตัวเขาใหม่อีกครั้ง คร่อมนั่งบนขาเขาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด มือทั้งสองข้างโอบต้นคอเขาไว้ แล้วก้มหน้าจูบไปที่ริมฝีปากของเขา
เฉียวซือเหิงถูกเธอทำให้ตกใจ รีบเอาหน้าออกจากจูบของเธอ เขาพยายามควบคุมพวงมาลัยไปด้วยยืดคอมองถนนไปด้วย แถมยังต้องรีบต่อต้านเธออีกด้วย:“เสี่ยวซี่ แบบนี้อันตรายมากนะ คุณกลับไปนั่งดีๆ ถนนเส้นนี้หยุดรถไม่ได้......เด็กดี......กลับไปนั่งนะ”
ซูซี่ที่เมานั้น ไม่รู้ว่าอะไรอันตรายไม่อันตราย เธอใช้มือทั้งสองข้างบังคับใบหน้าของเขาให้หันกลับมา สายตายังคงพร่ามัว:“คุณเคยบอกว่าคุณจะเอ็นดูฉันรักฉัน......ทำไมถึงไม่ให้ฉันจูบคุณ? คุณโกหกฉันใช่ไหม? คุณพูดสิ......”
พูดจบ เธอก็ใช้มือทั้งสองข้างเปลี่ยนไปดึงเสื้อผ้าของเขาตรงกลางอกเข้ามา แล้วผลักร่างกายของเขาอย่างแรง
“ไม่ใช่......”
“งั้นทำไมคุณไม่ให้ฉันจูบ......? หรือว่าคุณจะเก็บไปให้พวกผู้หญิงต่ำช้าพวกนั้นจูบ? คุณ......คุณพูดสิ!”
“เสี่ยวซี่ คุณหยุดมือเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เฉียวซือเหิงจับข้อมือของเธอไว้ คิดไว้ว่าจะจับเธอลงมาจากร่างของตัวเอง แต่เสี่ยวซี่กลับกอดรัดคอเขาแน่นกว่าเดิม อย่างกับปลาหมึกเหนียวติดอยู่บนร่างกายเขา ถึงขนาดว่าเธอเริ่มคลอเคลียเขาอย่างไม่รู้ตัว
เฉียวซือเหิงถูกเธอทรมานจนทนไม่ไหว โชคดีที่ถนนนี้เส้นตรงรถน้อย ไม่งั้นคงชนกันไปนานแล้ว
“เสี่ยวซี่......รอก่อนแปปหนึ่ง......รอผมจอดรถให้ดีก่อน” น้ำเสียงของเฉียวซือเหิงขอร้องอ้อนวอน เพราะเขาถูกเธอทรมานจนใกล้จะพ่นไฟแล้ว
“ไม่ฟังคุณหรอก” เสี่ยวซี่ยิ้มชั่วร้าย แล้วเริ่มอวดดี
ในที่สุด......เฉียวซือเหิงก็ควบคุมไม่ไหว
เสียงโครมดังขึ้น รถที่เดิมทีขับไม่ค่อยจะดีชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง เฉียวซือเหิงตาไวมือไวรีบกอดร่างของซูซี่ไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลังของเธอชนเข้ากับพวงมาลัย
เพราะว่าเขา ซูซี่ก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แค่พิงไปด้านหลังตามความเคยชิน เธอร้องออกมา แล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้บนร่างเฉียวซือเหิงอีกครั้ง
“คนเลว นี่คุณหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ!” เฉียวซือเหิงไม่ได้สนใจรถ ตรวจสอบร่างกายของตัวเอง แล้วดึงเบรกรถ หลังจากนั้นก็รีบให้ความร่วมมือกับเธอในการปลดปล่อยตัวเองจากความปรารถนานี้ที่ใกล้จะระเบิดเต็มที
เดิมทีเขาไม่อยากฉวยโอกาสในช่วงอันตรายแบบนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้ทำให้ร่างกายเขาทรมานเกินไป เขาอยากจะปล่อยเธอสักครั้งแต่ก็ทำไม่ได้!
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกคนลากรถไป เฉียวซือเหิงจำเป็นต้องจบกิจกรรมนี้อย่างเร็วที่สุด
หลังจากที่เขาช่วยซูซี่ที่สะลึมสะลือจัดกระโปรงให้ดีแล้ว ก็อุ้มเธอกลับไปนั่งเบาะข้างคนขับเหมือนเดิม จับหน้าเธอเอาไว้:“เด็กดี กลับไปพวกเราค่อยมาต่อกันนะครับ”
ซูซี่เชอะออกมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ นั่งไม่นิ่งตรงพนักพิงเบาะเก้าอี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ฟังเข้าใจไหม
หลังจากที่เฉียวซือเหิงจัดตำแหน่งให้เธอเสร็จก็ลองถอยรถ พบว่ารถยังสามารถขับได้ เขาก็ขับกลับบ้านเลย
ขณะที่เฉียวซือเหิงอุ้มซูซี่กลับมาที่คอนโด ในห้องเงียบสนิท
เขาอุ้มซูซี่ตรงไปยังห้องนอน วางเธอไว้บนเตียงด้านข้าง ตรงกลางเตียงใหญ่มีเสี่ยวกว้านกำลังนอนหลับอยู่ หลับอย่างสงบ
เฉียวซือเหิงหมุนร่างแล้วนั่งลงบนเตียง สายตาจับจ้องไปที่คนที่เขารักสองคนนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกได้ถึงความสุขที่กำลังคืบคลานเข้ามา
ซูซี่หลับสบายเลย เขาไม่ได้ใจแข็งพอที่จะรบกวนเธอ และก็ไม่ได้ทำต่อจากที่ยังไม่เสร็จ เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างระมัดระวัง เพื่อให้เธอนอนหลับสนิทอย่างต่อเนื่อง
--
วันที่สอง หลังจากที่ซูซี่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองยังคงใส่ชุดเมื่อคืนที่ออกไปข้างนอก
เธอลุกจากเตียงขึ้นมานั่งทันที ก้มหน้ามองตัวเอง แล้วมองไปรอบๆ ความทรงจำเมื่อคืนก็เริ่มกลับเข้ามาทีละนิดๆ สีหน้าเธอก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ......
เธอไม่เพียงแต่นึกออกว่าเมื่อคืนดื่มเหล้าด้วยกันกับเฉียวซือเหิง แถมยังนึกออกว่าตัวเองบังคับอะไรเขาและผ่านอะไรกันมาบนรถ
เธอที่พูดอยู่เต็มปากว่าไม่ได้รักเฉียวซือเหิง กลับบังคับเฉียวซือเหิงให้ทำเนี่ยนะ!
พระเจ้า!มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
เหล้าไม่ใช่ของดีเลยจริงๆ เหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง โคตรเสียหน้าเลย!
ขณะที่เธอเอาใบหน้าเล็กๆของตัวเองก้มไประหว่างเข่านั้น ขณะที่เธอใช้มือทั้งสองข้างก็ยีผมของตัวเอง เสียใจแทบจะอยากตาย เสียงของเฉียวซือเหิงก็ดังมาจากด้านนอก:“ตื่นแล้วเหรอ?”
ซูซี่เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จ้องสายตาเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอับอายขายขี้หน้า
“ดูแล้วคุณไม่ได้ลืมเรื่องราวเมื่อคืนสินะ” เฉียวซือเหิงเดินก้าวเข้ามา ใช้มือเชยคางของเธอ สังเกตแล้วพูดพร้อมทำเสียงจุ๊ปาก:“จุ๊ๆ......ใบหน้าเล็กๆนี่แดงซะจน......เมื่อคืนทำไมไม่เห็นคุณหน้าแดงขนาดนี้นะ”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” ซูซี่ตัดสินใจว่าจะแกล้งไม่รู้
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“ฉันเมา จำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
“จำไม่ได้แล้วทำไมหน้าแดง?”
ซูซี่ก้มหน้าลง ทั้งอายทั้งโกรธ แล้วรีบเงยหน้ามองเขา:“งั้นทำไมคุณไม่ห้ามฉัน?”
“ผมห้ามแล้ว แถมยังพยายามห้ามสุดกำลังแล้วด้วย แต่คุณจะฉวยโอกาสผมให้ได้ แถมส่งเสียงเอะอะโวยวายอยากจะใช้กำลังบังคับผม ผมจะทำอะไรได้?” เฉียวซือเหิงพูดอย่างคนไม่มีความผิด
หน้าของซูซี่ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
เฉียวซือเหิงยิ้มปลอบโยน:“แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงซะก็เป็นสามีภรรยากัน ผมไม่ให้คุณรับผิดชอบหรอก”
“คุณจะให้ฉันรับผิดชอบ?” ซูซี่มองบนอย่างหมดคำพูด
“ไม่ควรเป็นงั้นเหรอ? ผมถูกคุณบังคับนะ แถมยังถูกบังคับจนขับรถชน”
ซูซี่อับอายจนไม่มีหน้าไปมองหน้าเขาแล้ว ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง:“คุณออกไปได้หรือยัง?”
เฉียวซือเหิงพยักหน้า:“ได้ แต่คุณต้องรีบออกมาทานมื้อเช้านะ เสี่ยวกว้านยังรอคุณให้คุณออกไปช๊อปปิ้งด้วยกันอยู่”
“คุณไม่พาเขาไปเองล่ะ?”
“เขาบอกว่าอยากไปด้วยกันกับพ่อแม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...