เจ้าสาวของนายน้อยลี่ นิยาย บท 10

โรงพยาบาล

ยายเห็นว่าเจียงตานจวี๋อยู่โรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ยายอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ตานจวี๋ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า"

“ไม่มีอะไรค่ะ คุณยาย อย่าคิดมากแล้วนอนพักเถอะค่ะ หนูจะหาหมอที่เก่งกว่านี้มารักษาให้ คุณยายจะต้องหายดี"

เจียงตานจวี๋นั่งอยู่หน้าเตียง ลูบไล้ใบหน้าที่ซูบผอมของคุณยาย หัวใจของเธอเจ็บเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง

ตัวเธอช่างไร้ประโยชน์จริงๆ เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถที่จะให้การรักษาที่ดีกว่านี้ได้แต่ตัวเธอกลับไม่สามารถทำให้ยายตัวเองได้ เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็รู้สึกเกลียดลี่ซุ่ยหานมาก

ก่อนหน้านี้บอกคุณยายไว้ว่าจะย้ายไปโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้ แต่กลับทำไม่สำเร็จแถมตัวเธอเองก็ย้ายออกมาจากบ้านตระกูลลี่แล้ว

ตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ได้คิดจะอยู่ยาว เธอต้องออกไปเช่าห้องอยู่เองแต่ก่อนอื่นต้องหางานทำก่อน

เจียงตานจวี๋นึกถึงข้อความที่เขากำลังหาจิตรกรพาร์ทไทม์ที่ประตูทางเข้างานดังนั้นเธอจึงรีบไปสอบถามด้วยความสนใจ

เธอไปได้เวลาพอดี ที่นั่นกำลังทำการคัดเลือก ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกร่างภาพคน ดอกไม้และนกได้

เจียงตานจวี๋เลือกที่จะร่างภาพ "ดอกไม้บานยามค่ำคืน" ซึ่งเป็นภาพวาดโดยพู่กันซึ่งพรรณนาถึงดอกไม้ที่ยามค่ำคืน ภาพแตกกิ่งก้านใบอย่างประณีต ดอกบานออกเป็นกระจุกดอกสีขาวและใบสีเขียวให้สีที่บริสุทธิ์และน่าดึงดูดใจ

ไม่ได้วาดมาตั้งนานตอนเริ่มวาดก็มือแข็งหน่อยๆจากนั้นก็ค่อยๆปรับตัวได้

เจียงตานจวี๋ใช้เวลาทั้งบ่ายในการวาดภาพก่อนจะส่งผลงานไปและเดินออกมา

ไม่ว่าจะวาดออกมายังไงแต่เธอก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เธอตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้งานพาร์ทไทม์นี้

พนักงานที่จังซื่อขอให้ผู้สมัครกลับไปรอฟังข่าว

ลี่สุ่ยเหนียนบังเอิญมาที่ร้านพู่กันจังซื่อเพื่อมารับพู่กันที่สั่งทำไว้ เห็นกลุ่มคนที่เพิ่งเดินออกมา มีแผ่นหลังที่คุ้นเคยเหมือนว่าจะเป็นเจียงตานจวี๋

ในเวลานี้สือจยาหัวหน้าแผนกจิตรกรรมของจังซื่อเพิ่งออกมาจากสตูดิโอด้านใน

"คุณมาทำอะไรที่นี่"

“คุณลี่ เรากำลังรับสมัครจิตรกรพาร์ทไทม์ที่นี่และเพิ่งมีการแข่งขันวาดภาพไป”สือจยาตอบ

ลี่สุ่ยเหนียนเดินเข้าไปในสตูดิโอด้วยความสนใจและมองดูงานแบบภาพสเก็ตช์ของที่อยู่บนโต๊ะมีภาพ"ดอกไม้บานยามค่ำคืน" ที่ข้างบนเขียนชื่อว่าลี่สุ่ยเหนียน

ดูเหมือนว่าตัวเองจะไม่ได้ดูผิด น่าจะเป็นของเจียงตานจวี๋

เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็ได้ยินข่าวว่าลี่ซุ่ยหานไล่เธอออกจากโรงพยาบาลลี่ รู้ว่าเธอออกจากคฤหาสน์เฉิงหนานไปแล้ว กำลังจะไปหาเธอพอดีคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอจะออกมาหางานพาร์ทไทม์ทำข้างนอกแล้ว

สือจยาเห็นลี่สุ่ยเหนียนยืนอยู่หน้าภาพวาดของเจียงตานจวี๋และเดินไปถาม “คนวาดเป็นคนที่คุณลี่รู้จักเหรอ”

ลี่สุ่ยเหนียนชี้ไปที่ภาพวาด “การลงสีทำได้ดีมาก ลงสีขาวในหินได้ละเอียดมาก ดูเหมือนว่าเธอจะมีทักษะอยู่บ้างแต่ลายเส้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้ฝึกฝนมานานดูแล้วแข็งไปนิด"

“คุณลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจิตรกรรมพู่กัด เขาตอกตะปูที่ศีรษะ พูดได้ถูกจุดมากๆเลย”

"รับเธอเข้าทำงานแล้วพอถึงเวลาก็เอาภาพที่เธอวาดทั้งหมดมาให้ฉัน"ลี่สุ่ยเหนียนกล่าวอย่างแผ่วเบา "ให้ราคาภาพเธอมากกว่าราคาในท้องตลาดถึงสิบเท่าบอกเธอว่าคนในจังซื่อซื่อมองเห็นความสามารถของเธอ"

สือจยายิ้มและพูดว่า “รับทราบ คุณลี่”

ลี่สุ่ยเหนียนมาสั่งทำพู่กันที่ร้านจางซื่อตลอด สือจยาสนิทกับเขามาก ลี่สุ่ยเหนียนเป็นดาวเด่นในโลกศิลปะโดยควบคู่ไปกับอารมณ์อันปราณีตของเขาและเป็นคนถ่อมตัว ผู้หญิงจำนวนมากในไป๋เฉิงก็พากันหมายปอง

สือจยาเห็นเขาอยู่คนเดียวโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าคนในใจเขาจะมาปรากฎตัวที่สตูดิโอจังซื่อ เธอยังคงจำได้ว่าผู้หญิงที่วาดภาพนี้มีความโดดเด่นแค่วาดภาพแย่ไปนิดหน่อย

เนื่องจากเป็นผู้หญิงที่คุณชายลี่ชอบแสดงว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดีแน่ๆ

ในวันต่อมา เจียงตานจวี๋ได้รับโทรศัพท์จากจังซื่อและได้ยินราคาของภาพวาดที่พุ่งไปถึงราคาของศิลปินที่มีชื่อเสียงแล้ว เธอพูดขอบคุณทางโทรศัพท์ เธอไม่คิดว่าจังซื่อจะใจป้ำขนาดนี้

บทที่10 ให้ราคาเธอมากกว่าราคาในท้องตลาดสิบเท่า 1

บทที่10 ให้ราคาเธอมากกว่าราคาในท้องตลาดสิบเท่า 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวของนายน้อยลี่