ถึงแม้ว่ามู่หรงหว่านเอ๋อร์จะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องด้วยการบังคับอันน่าเกรงขามของมู่หรงจาง ยังคงต้องกล่าวขอโทษอย่างขอไปที
หลินหยางเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอ
“สิ่งที่เธอได้ยินมา อาจจะไม่ใช่ความจริง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ เธอควรจะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฟังข่าวลือไม่มีมูล แล้วมาตัดสินคนคนหนึ่งเอาง่ายๆ”
หลินหยางเอ่ยกล่าวเสียงเรียบ
“นายเก่งมาจากไหน? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างโกรธเคือง
มู่หรงจางจ้องเธอด้วยสายตาดุร้ายทีหนึ่ง กล่าวกับหลินหยาง “น้องชายได้โปรดให้อภัย”
หลินหยางโบกมือกล่าว “ไม่จำเป็นต้องพูดจาสุภาพ เพียงเพราะผมช่วยชีวิตคุณเอาไว้ครั้งหนึ่ง คุณควรจะจ่ายค่ารักษา”
“ใช่ๆ นี่เป็นเรื่องที่สมควร ไม่ทราบว่าน้องชายจะเก็บค่ารักษาเท่าไหร่?”
มู่หรงจางกล่าว
ที่หลินหยางยอมยื่นมือช่วยมู่หรงจาง ทั้งหมดก็เพื่อเงิน
ออกมาจากตระกูลฉิน เขาไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ยากจนข้นแค้น จำเป็นต้องหาเงินเล็กน้อยมาไว้ในมือ
“คุณคิดว่าชีวิตของคุณมีค่ามากแค่ไหน?”
“คำถามนี้ ถามได้ดี แต่ว่าฉันไม่มีนิสัยพกเงินติดตัวตอนออกจากบ้าน เอาแบบนี้แล้วกัน เธอทิ้งช่องทางการติดต่อเอาไว้ อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนส่งเช็กใบหนึ่งให้คุณ คุณคิดว่าเท่าไหร่เหมาะสม ก็เขียนเท่านั้นเลย”
มู่หรงจางนับว่าเป็นคนที่ค่อนข้างใจกว้าง
“ตอนนี้ผมไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แล้วก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วย”
หลินหยางกล่าวอย่างจนปัญญา
“เป็นผีพนันอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แพ้พนันจนไม่มีแม้กระทั่งปัญญาจะซื้อโทรศัพท์มือถือ คนแบบนายเนี่ย ต่อให้เงินนายมากขนาดไหน ก็ไม่พอให้เอาไปแพ้พนันหรอก”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างเยาะหยัน
“ห้ามเสียมารยาท”
มู่หรงจางกล่าวตำหนิ จากนั้นกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ เธอตามฉันลงเขาด้วยกัน ไปที่บ้านของฉัน ฉันจะให้เช็กเธอ”
“ได้ครับ”
หลินหยางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา จากนั้นเดินนำหน้าลงเขาไป
“พ่อคะ เจ้าหมอนี่จะต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ ๆ เมื่อครู่จะต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าว
“เมื่อครู่นี้ผมเห็นเขาฝังเข็ม ค่อนข้างมีลำดับขั้นตอน อีกทั้งเหมือนกับว่าใช้เทคนิคพลังชี่ในการขับเคลื่อนเข็ม คน ๆ นี้อาจจะไม่ธรรมดา”
เจียงจั่วเฟิงกล่าว
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!” มู่หรงหว่านเอ๋อร์รีบกล่าวโต้แย้ง
“ปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าถึงจะฝึกพลังชี่แท้ออกมาได้ พี่ดูพฤติกรรมพวกนั้นของเขา ก็คือผีพนันที่ยากจนข้นแค้น นอนตามข้างถนนเท่านั้น จะเป็นปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าได้ยังไง”
“จั่วเฟิง เธอแน่ใจว่ามองไม่ผิดใช่ไหม?”
มู่หรงจางได้ฟังยินว่าหลินหยางพูดว่าตัวเองไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ อันที่จริงในใจก็เชื่ออยู่หน่อย ๆ แล้วว่าเขาเป็นผีพนัน แม้ว่าฝีมือการรักษาโรคจะไม่เลว แต่เมื่อพัวพันกับการพนัน ก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้เลย
คนประเภทนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะคบค้าสมาคมด้วย
แต่ถ้าหากเขาเป็นปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้า ถ้าอย่างนั้นก็แตกต่างออกไปแล้ว
ทั้งเมืองลั่ว มีเพียงแค่สี่มหาปรมาจารย์ แต่ละคนล้วนเฒ่าชรา
ถ้าหากปรมาจารย์อายุน้อยแบบนี้ อนาคตจะต้องยาวไกลแน่นอน ควรค่าแก่การคบค้าสมาคมสร้างความสนิทสนมมด้วย
“ไม่กล้ายืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
เจียงจั่วเฟิงกล่าวตามความจริง
“พี่จั่วเฟิง พี่จะต้องมองผิดไปแน่ ๆ ถ้าหากเจ้าหมอนี่มีความสามารถจริง ฉันก้มหัวคำนับเขาก็ยังได้
ปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้า พอใช้กับเขาแล้ว ถือว่าเป็นการดูหมิ่นตำแหน่งปรมาจารย์อันทรงเกียรตินี้เลยทีเดียว!”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์เบะปากกล่าว
“พอแล้ว ยังไงเสียเขาก็ช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ อีกเดี๋ยวให้เงินเขาสักก้อนก็สิ้นเรื่อง”
มู่หรงจางเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าที่อายุยี่สิบต้น ๆ ทอดสายตามองไปทั่วทั้งเมืองหนานตู ก็มีเพียงไม่กี่คน
บทสนทนาของทั้งสามคน ถึงแม้จะกดเสียงให้เบาลง แต่หลินหยางหูตาว่องไว กลับได้ยินอย่างชัดเจน
เขาไม่ใส่ใจที่จะอธิบาย แต่กลับแสยะยิ้มเล็กน้อย
เมื่อเข้าไปนั่งในรถ มู่หรงจางยังอยากจะสืบประวัติของหลินหยางดูสักหน่อย จึงเอ่ยถาม “น้องชาย เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยการแพทย์ที่ไหนมาหรือ?”
“ผมไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยการแพทย์”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับรีบกล่าวต่อบทสนทนา “ถ้าอย่างนั้นนายจะแสร้งเป็นหมอทำไม? นายยังมีหน้ามาเรียกค่ารักษาอีก?”
ในใจของมู่หรงจางรู้สึกผิดหวังต่อหลินหยางโดยสิ้นเชิง ไม่เคยเรียนแม้แต่มหาวิทยาลัยการแพทย์ ถ้าอย่างนั้นจะต้องเป็นพวกมือสมัครเล่น เรียนรู้ทฤษฎีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วก็บังเอิญช่วยเขาจนฟื้นขึ้นมาได้
มู่หรงจางไม่อยากจะคุยกับหลินหยางต่ออีกแม้แต่ประโยคเดียว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงชื่อเสียงและหน้าตาของตัวเอง ก็คงจะไล่หลินหยางลงจากรถไปทันทีแล้ว
“เธอมันบ้า”
หลินหยางกล่าวเสียงเรียบ
ปืนของมู่หรงจาง ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
“จะเป็นผู้มีพระคุณ หรือว่าอยากจะเป็นคนที่ทำร้ายฉัน อีกเดี๋ยวก็จะได้รู้ผลแล้ว แต่ว่า ตอนนี้ฉันเชื่อคำพูดของหว่านเอ๋อร์ เธอ จะต้องเป็นนักต้มตุ๋นแน่นอน!”
มู่หรงจางกล่าวเสียงเยาะหยัน
“ทางที่ดีเธออย่าขยับดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงเธอให้ตายทันที”
หลินหยางแสยะยิ้มเล็กน้อย นั่งพิงเก้าอี้หลับตาพักผ่อน ความสนุกยังมาไม่ถึงน่ะ!
ด้านนอกรถ เจียงจั่วเฟิงห้าวหาญเต็มไปด้วยพลัง หมัดเหล็กทั้งคู่พละกำลังมหาศาล สามกระบวนท่าสองรูปแบบก็สามารถล้มชายกล้ามใหญ่สี่คนได้แล้ว ทั้งหมดอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย
และในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงมาจากรถแวน
“เจียงจั่วเฟิง แกเก่งกาจจริง ๆเลยนะ”
“แกเป็นใคร?” เจียงจั่วเฟิงกล่าวถาม
“คนที่จะมาเอาชีวิตแก”
ชายวัยกลางคนพูดจบ ก็พุ่งเข้ามาหมายฆ่าเจียงจั่วเฟิงทันที รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เจียงจั่วเฟิงตกใจ
ทั้งสองคนประมือกันไม่ถึงห้ากระบวนท่า ก็มีเสียงตูมดังขึ้น เจียงจั่วเฟิงถูกหมัดโจมตีกระแทกเข้ากับรถ ประตูรถยุบลงไป กระจกแตกละเอียด
“พี่จั่วเฟิง!”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์ร้องด้วยความตกใจ
“อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด รีบพานายท่านหนีไป”
เจียงจั่วเฟิงได้รับบาดเจ็บจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด ตะโกนกล่าวเสียงดังกับมู่หรงหว่านเอ๋อร์
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด มู่หรงจางก็นั่งไม่ติดก้นแล้วเช่นกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ต่อหน้ายอดฝีมือระดับเจ็ด ไม่มีโอกาสหลบหนีได้เลยสักนิด
เจียงจั่วเฟิงพุ่งตัวออกไปอีกครั้งโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ไร้ประโยชน์ ถูกหมัดของอีกฝ่ายโจมตีเข้าอีกครั้ง เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกครั้งแล้วล้มลงไปบนพื้น ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ได้อีก
ขาข้างหนึ่งของชายวัยกลางคนเหยียบลงไปบนหัวของเจียงจั่วเฟิง ตะโกนกล่าวกับมู่หรงจางที่อยู่ในรถ “มู่หรงจาง บอดี้การ์ดของแกอ่อนแอเกินไป ลงมาจากรถเสียดี ๆ ให้ฉันได้ส่งแกไปนรกสักครั้ง”
“พ่อคะ ทำยังไงดีคะ? พี่จั่วเฟิงแพ้แล้ว! พวกเราต้องตายแล้วใช่ไหมคะ?”
สีหน้าของมู่หรงหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้างามซีดเซียว กล่าวพร้อมเสียงสะอื้น
มู่หรงจางก็ไร้หนทางเช่นกัน สีหน้าดูแย่มาก ส่งยอดฝีมือระดับเจ็ดมาตามฆ่า ทำแบบนี้คือการไม่ให้เขาเหลือทางรอดโดยสิ้นเชิง
“วันนี้เกรงว่าพวกเราคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว”
มู่หรงจางกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ในเวลานี้ หลินหยางที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ลืมตาขึ้น เอ่ยปากกล่าว “ให้ผมห้าร้อยล้าน ผมสามารถยื่นมือช่วยพวกคุณได้”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง