ตอน ตอนที่ 338 (II) พังทลายสิ้น จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 338 (II) พังทลายสิ้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
Sign in Buddha’s palm 338 (II) พังทลายสิ้น
ซูฉินก็เปลี่ยนทิศทางมือและฟันไปทางชายท่าทางอ่อนแอ
แสงใบมีดสีดําสนิทตัดผ่านอากาศภายในเวลาไม่นานก็เกือบจะไปถึงหน้าชายท่าทางอ่อนแออยู่แล้ว
เมื่อเห็นคมมีดเล่มนั้น ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ตกใจกลัว ร่างของเขากลายเป็นสายลมไร้รูปร่างซ่อนตัวห่างออกไปหลายลี้ มองดูคมมีดของซูฉินตัดส่วนหนึ่งของภูเขาออกอย่างง่ายดายเห็นแบบนั้นเขาก็หวาดกลัวจนหัวหด
“โชคดีที่หุบเขาเทพพระพายของข้านั้นเก่งในเรื่องความว่องไวไม่เช่นนั้นคงถูกทําลายจนสิ้นแล้ว”ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอกลืนน้ำลายรีบถอยกลับไปในทันที
ซูฉินน่ากลัวจริงๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพีทั้งห้าที่ออกจากประตูเซียนได้ตกตายไปถึงสองคนทั้งยังถูกทําลายจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้เจอสิ่งนี้เกรงว่าพวกเขาจะต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
“ประกายแสงคมมีดเทพเจ้าปีศาจตัดผ่านอากาศช้าเกินไป” ซูฉันไม่แปลกใจเมื่อเห็นชายท่าทางอ่อนแอหนีไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังแข็งแกร่งเกินไปไหม?” ด้านนอกเทือกคุนหลุน ชายชราหน้าตอบและจอมยุทธคนอื่นๆ รวบรวมความกล้าเข้าไปใกลี่ยอดเขามากขึ้นเพื่อได้เห็นฉากนี้
ตามความเห็นของพวกเขา การที่เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าได้ผนึกกําลังกัน ไม่ว่ามนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะไร้เทียมทานเพียงใด อย่างดีที่สุดก็คงเก็บรักษาชีวิตเอาไว้ได้ส่วนการต่อกรหรือเอาชนะนั้น…….ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เหล่าเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าผนึกกําลังกัน มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะเอาอะไรมาสู้?จะเอาชนะได้อย่างไร?
แต่ความจริงคือสิ่งใด?
ต่อหน้าซูฉินเซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าไม่แม้แต่จะทันได้ทําอะไร และตกตายไปถึงสองคน
สังหารเซียนเทพปฐพีราวกับฆ่าสุนัข!
นี่มันการลงมือแบบไหน? ความสามารถนี้คืออะไร?
ไม่เพียงแต่ตํานานยุทธเหล่านั้นที่ไม่กล้าจินตนาการ แม้แต่ชายชราหน้าตอบที่คิดว่าตนเองมีไหวพริบดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้ได้ฉีก
ซูฉินจับที่ด้ามมีดเทพเจ้าปีศาจจากนั้นจึงใส่มันเข้าไปในพื้นที่ของระบบ และมองดูเซียนเทพปฐพีสามคนที่เหลือ
“ไม่เลว”
“สามารถหลบคมมีดของข้าได้ ประเมินเจ้าต่ําไปจริงๆ” ซูฉินจ้องมองไปที่ชายท่าทางอ่อนแอและกล่าวออกเบาๆ
ในตอนแรก ชายท่าทางอ่อนแอได้ปลดปล่อยกระบวนท่าไม้ตายจากหุบเขาเทพพระพายแต่ในสายตาของซูฉันมันกลับกลายเป็นว่า ‘พลังยังไม่เพียงพอ
แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาของชายท่าทางอ่อนแออย่างน้อยก็ในแง่ความเร็วในการหลบหลีกยังดีกว่าเด็กหนุ่มเมื่อครู่มาก
“ข้า……
ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอเปล่งน้ำเสียงขมขื่น ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีดินแดนศักดิ์สิทธิ์หุบเขาเทพพระพายอันสูงสง่าจากประตูเซียนปรากฏว่าได้รับการชื่นชมเพราะการหลบหนี…….
“สหายเต๋”
ขณะที่ซูฉันกําลังจะลงมือต่อ ในที่สุดเทพธิดาไม่อินก็กล่าวคําออกมาอีกครั้ง
เทพธิดาไก่อินจ้องซูฉันเขม็ง แล้วถามออกอย่างไม่แน่ใจ “เปลวเพลิงสีทองที่ปล่อยออก มาจากดวงตาของสหายเต่นั่นควรจะเป็นทิพยอานาจใช่หรือไม่?”
“เจ้ารู้จักทิพยอํานาจด้วย?” ซูฉินหยุดและมองไปทางเทพธิดาไท่อน แสดงความสนใจออกมา
ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธซุฉินก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทิพยอานาจเลย
ตัวอย่างเช่น ซูฉันอ่านคัมภีร์มากมายในวัดเส้าหลินและค้นพบทิพยอํานาจบางประเภทอย่างหูทิพย์การเหาะเหินเดินอากาศรวมไปถึงทิพยอานาจทางพุทธอื่นๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นทิพยอํานาจทางพุทธหรือทิพยอํานาจอื่นๆ พวกมันก็มีอยู่จริงเพียงแค่ในตํานานเท่านั้นและไม่เคยมีใครเห็นทิพยอานาจจริงๆ
ซึ่งเรื่องนี้ แม้แต่ดินแดนโพ้นทะเลก็เป็นเช่นเดียวกัน
และทิพยอํานาจทั้งหลาย ซูฉินก็ได้รับมาเพราะการลงชื่อเข้าใช้ทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเทพธิดาไก่อินจะรู้จักทิพยอํานาจ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันคิดว่าดวงตาตะวันสีทองของซูฉินเป็นทิพยอํานาจไปได้
“ข้าเคยเห็นในหนังสือโบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลักไก่อินว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศจะมีความสามารถในการควบคุมทิพยอํานาจ”
“นอกจากนี้ทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด พวกเขาก็ยังสืบทอดพลังทิพยอานาจเหล่านั้นผ่านทางสายเลือด”
ขณะที่เทพธิดาไม่อินกล่าวเช่นนี้เสียงของนางก็หยุดลงไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วกระซิบถามว่า“เป็นไปได้ไหมว่าสหายเต่เป็นทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุด?”
แม้แต่ในยุคที่กระแสปราณฉีเฟื่องฟู ก็มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้นที่สามารถควบคุมทิพยอานาจได้
และเมื่อจิตวิญญาณแรกกําเนิดไม่เหลืออยู่แล้ว ร่างของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอก็ล้มพับลงกับพื้นถึงแม้ว่าหัวใจยังเต้นอยู่ปราณเลือดก็โคจรตลอดเวลาแต่เมื่อไม่มีจิตวิญญาณแรกกําเนิดคอยควบคุมไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นได้เพียงศพเดินได้
“ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน ก็คงเร็วไม่เท่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหรอกใช่ไหม?”
ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นไร้ลักษณ์แต่ทรงพลานุภาพไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆ จะนําเอาความเร็วของกายเนื้อมาเทียบได้หรือ?
“ตาของพวกเจ้า!”
หลังจากซูฉินสังหารชายท่าทางอ่อนแอเขาก็ยกมือขวาขึ้นฟาดออกไปทางเทพธิดาไท่อนและชายชราคิ้วขาว
“พลังจันทรากระจ่าง!”
สัญลักษณ์รูปดวงจันทร์เจิดจ้าส่องแสงระยับอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วของเทพธิดาไท่อนจากนั้นพลังจากแสงจันทร์ในรัศมีหลายสิบลก็พวยพุ่งรุนแรงฟาว
เมื่อเทียบกับการเข้าต้านทานของเทพธิดาไท่อินชายชราคิ้วขาวนั้นเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหลบหนีออกจากร่างกายโดยไม่ลังเลและพุ่งทิ้งระยะออกไปไกลไม่น้อยด้วยความว่องไว
หลังจากที่ชายชราคิ้วขาวเห็นว่าซูฉินสังหารเซียนเทพปฐพี่ไปถึงสามคนเพียงขยับกายไหนเลยจะกล้าต่อสู้กับซูฉินอีกจึงละทิ้งกายเนื้อโดยตรงใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดพุ่งหนีไป
ท้ายที่สุดแล้วจิตวิญญาณแรกกาเนิดก็เป็นสิ่งที่ชายชราผมขาวถนัด ตราบใดที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลบหนีไปได้ก็จะไม่นับว่าสูญเสียอะไรมากนัก ส่วนร่างกายนั้น…..
ขนาดตํานานยุทธขั้นสูงสุดยังสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้วเซียนเทพปฐพี่จะทําไม่ได้หรือ?
จิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นรวดเร็วมาก ชั่วครู่ก็ไม่พบร่องรอยของชายชราคิ้วขาวแล้ว
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะ จดจําพลังฉีของชายชราคิ้วขาวเอาไว้
ดวงตาแห่งสัจจะสามารถเห็นปราณฉีได้ทั่วทั้งโลก ตราบใดที่ชายชราคิ้วขาวยังคงอยู่บนโลกแม้จะหนีไปจนสุดขอบโลกยังไงซูฉินก็สามารถจับตําแหน่งได้
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เซียนเทพปฐพี่ทั้งห้าจากประตูเซียนสามคนตกตาย หลบหนีไปหนึ่งคนเหลือเพียงเทพธิดาไท่อนที่มีสีหน้าซีดเซียว
ทุกอย่างแทบจะพังทลายจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]