เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 169

อากาศหนาวเย็นยะเยือก นับตั้งแต่เวลาที่พวกเขามาก็เกือบสามชั่วโมง ซ่งหลิงเอ๋อร์ยังดี เธอสามารถย้ายชี่แท้ของตัวเองจึงไม่ถึงขั้นเหนื่อยล้าเกินไป ในขณะที่หงส์แดงตัวสั่นนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวยังคงสวมเสื้อกันลมตัวเดิมกับตอนที่เซียวชุ่นพบเธอ ด้านในเป็นชุดหนังรัดรูปซึ่งบางมาก

“ช่างมันเถอะ คืนนี้พอเท่านี้แหละ กลับกันก่อนเถอะ ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดถูก หลังจากนี้ยังมีเวลาอยู่อีก”เซียวชุ่นกุมขมับพลางพูดอย่างสิ้นหวังนิดหน่อย

หลังจากพูดจบก็ก้าวเดินไปที่ประตูหน้า ซ่งหลิงเอ๋อร์กับหงส์แดงเองก็เดินตามหลังมาติด ๆ

ทันทีที่เดินถึงลานด้านหน้า แสงจันทร์ที่สวยงามและเงียบสงบก็สาดแสงปกคลุมทั่วพื้นดิน เซียวชุ่นเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดฝีเท้าทันทีและระบายยิ้มออกมา

“กลับเข้าไป!”

เมฆและหมอกจางหายไป แสงจันทร์หนาวเย็นสาดแสงไปยังบ้านของตระกูลซือคง

เซียวชุ่นสัมผัสถึงชี่ทิพย์ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ทันที สำหรับเหตุผล น่าจะเป็นเพราะร่างทิพย์นั้นถือโอกาสออกมาดูดซับแสงจันทร์จึงถูกจับได้คาหนังคาเขาทันที ดังนั้นเขาจึงพาซ่งหลิงเอ๋อร์กับหงส์แดงหันหลังกลับในทันควัน

ไม่นานก็พบต้นเอล์มเก่าแก่ในสวนหลังบ้าน

“นี่แหละมัน”

มองต้นเอล์มต้นนั้นจากไกล ๆ คล้ายกรงเล็บของปีศาจที่ยื่นออกมาจากใต้ดินซึ่งดูบิดเบี้ยวและน่ากลัว

ทั้งสามคนเดินมาถึงใต้ต้นไม้ เซียวชุ่นหมุนรอบต้นไม้สองครั้งเพื่อตรวจสอบ

“มีอะไรผิดสังเกตุไหม?”หงส์แดงพูดถาม

“ที่นี่ คือ สวน พืชที่ปลูกที่นี่ล้วนเป็นต้นไม้ใบเขียวกับดอกไม้สวยงามนิดหน่อย ส่วนต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้น่าเกลียดมาก เห็นได้ชัดว่ามันทำลายความสวยของที่นี่ ฉันวิเคราะห์ถูกใช่ไหม? ท่านอาจารย์”

ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาทันทีด้วยความสนใจ

ความคิดของสาวน้อยคนนี้ช่างแปลกประหลาด เซียวชุ่นเมินเธอ เขาหยิบม้วนไหมพรมขนสัตว์สีแดงออกจากอกเสื้อ เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลิวหยุนเซียงถักเสื้อไหมพรมที่บ้านในเวลาว่าง ตอนเขาออกมาก็เอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างง่ายดาย

ด้านหนึ่งดึงหัวเส้นไหมออกไว้ต้นไม้รอบ ๆ อย่างเอาจริงเอาจัง อีกด้านหนึ่งก็ผูกเป็นปมที่รั้วพลางพูด: “หงส์แดง คุณหาจุดยิงและสักครู่ถ้าเห็นว่ามีอะไรบางอย่างก็ยิงให้หมดแม็กเลย”

“เถ้าแก่ ฉันเป็นมือปืนไรเฟิลนะ”

หงส์แดงพูดด้วยความอึดอัดอย่างมาก

หญิงสาวคนนี้แตกต่างกับซ่งหลิงเอ๋อร์โดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนคิดอะไรง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ดังนั้นให้เธอใช้ปืนไรเฟิลมายิงหมดแม็ก เรื่องนี้เกินขอบเขตความสามารถของเธออย่างเห็นได้ชัด

“งั้นสองสามนัดก็ได้”เซียวชุ่นเอามือก่ายหน้าผาก

หงส์แดงส่งเสียงตอบรับ เธอมองไปรอบ ๆ โดยใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์ เธอนั่งยอง ๆ อยู่ข้างภูเขาจำลองในแปลงดอกไม้และเปิดกล่องแล้วนำปืนไรเฟิลออกมา หลังจากฝึกเล็กน้อยเธอก็เปิดปากพูด: “แสงไม่ดี ไม่เอื้ออำนวยต่อการยิง”

“เป้าหมายชัดเจนอยู่แล้ว คุณแค่อย่ายิงฉันก็พอ”

“อ้อ”

ซ่งหลิงเอ๋อร์ได้ยินว่าสักครู่อาจจะมีบางอย่างโผล่ออกมาก็หดคอแล้วเคลื่อนตัวไปข้าง ๆ เซียวชุ่น ความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ของคนเป็นสิ่งที่มีตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะที่นี่ที่ดูรกร้างและวังเวงนิดหน่อย

“ฉัน......สักครู่ ฉันต้องทำอะไร?”

เซียวชุ่นชำเลืองมองเธอ:”สักครู่ คุณก็หลบอยู่ด้านหลังฉันและทำตัวน่ารักก็พอ”

“อา นั่นไม่ค่อยเหมาะสมรึเปล่า?”ซ่งหลิงเอ๋อร์กล่าว

“มา หลบหน่อย อย่าบังทางฉัน”เซียวชุ่นดันเธอออกจากข้างกายเบา ๆ พลางพูด

ท่าทีของซ่งหลิงเอ๋อร์ทำให้เขานึกถึงตัวเองตอนที่ติดตามท่านอาจารย์ในช่วงแรก แต่ชายชราไม่ใจดีอย่างตัวเอง อย่างต่ำก็โยนเขาเข้าไปต่อสู้กับพวกร่างทิพย์หนึ่งยก

“ท่านอาจารย์ คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”ซ่งหลิงเอ๋อร์ถามกับหลังของเขา

“นี่เรียกว่าค่ายภูตจองจำใช้เพื่อจับร่างทิพย์โดยเฉพาะ”เซียวชุ่นพูดอย่างไม่ต้องคิด

ค่ายภูตจองจำคือ วงแหวนเวทย์พื้นฐานที่นักพรตมู่เหยียนสอนให้เขาซึ่งเขาใช้มานับครั้งไม่ถ้วนจนคุ้นชินมานานแล้ว

“ค่ายภูตจองจำ? ร่างทิพย์?”ซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น

“มัน คือ การจับผีนั่นแหละ”

ในเวลานี้ หงส์แดงพูดออกมากะทันหันแล้วพูดพึมพำว่า:”ใช้ปืนไรเฟิลยิงผี เถ้าแก่มีความคิดสร้างสรรค์มาก”

“เอ๋?”ซ่งหลิงเอ๋อร์กลืนน้ำลาย

“อย่าฟังหงส์แดงพูดไร้สาระเลย คนต่างชาติเข้าใจว่าร่างทิพย์คือ ผี ฉันบอกเลยนะว่าร่างทิพย์ไม่ใช่ผี คุณสามารถเข้าใจว่าการสะสมชี่ทิพย์เป็นเวลานานมันจะอัดแน่นเป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มพลังงานนี้มากเสียจนอาจจะทำให้เกิดสติปัญญา มีความเฉลียวฉลาด แต่ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันนับว่าร่างทิพย์ทั่วไปมีสติปัญญาไม่ค่อยสูง

แน่นอนว่าหากร่างทิพย์มีอายุหลายพันหลายหมื่นปีก็อาจจะมีสติปัญญาสูง”เซียวชุ่นพูดอธิบาย

เขาไม่รู้ว่าในโลกนี้มีผีหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยเจอเลยในชีวิต 20 กว่าปีของเขา เขาเคยถามท่านอาจารย์นักพรตมู่เหยียนแล้ว ท่านอาจารย์เองก็ไม่เคยเจอ

และตอนที่เขาเดินทางไปกับท่านอาจารย์กลับได้พบร่างทิพย์แบบนี้มาไม่น้อย

“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ทั้งคน พาหงส์แดงมาเผื่อมีเรื่องไม่คาดคิดละด้วย อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น”เซียวชุ่นพูดอย่างมั่นใจ

“ค่ายภูตจองจำนี่ใช้ได้ผลจริง ๆ ใช่ไหม?”

หลังจากที่ซ่งหลิงเอ๋อร์ยื่นมือสัมผัสเพื่อยืนยันว่านั่นก็แค่ไหมพรมขนสัตว์ธรรมดา เธอก็ยิ่งไม่แน่ใจ ใช้ไหมพรมขนสัตว์เหรอได้ด้วยเหรอ?

ตอนนี้ไม่ใช่ควรจะหยิบดาบไม้เถาขึ้นมาสักเล่มหรือยันต์ปราบวิญญาณร้ายสองสามใบอะไรแบบนี้หรือ มันดูน่าเชื่อถือกว่าสิ่งนี้เยอะ

“วางใจเถอะ บางครั้งถ้าเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย ใช้กิ่งไม้วาดบนพื้นโดยตรงก็ได้ผล”

เซียวชุ่นพูดราวกับมีแผนในใจ ไม่ว่าจะถูกหรือไม่ ถึงอย่างไร ท่านอาจารย์ของเขาก็จะทำอยู่ดี

“อา”ซ่งหลิงเอ๋อร์เห็นใบหน้าที่ดูพร้อมรับมือกับทุกปัญหาของเขาก็พยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อใจ

จากการทำซ้ำ ๆ ประมาณ 20 นาที ในที่สุดค่ายภูตจองจำก็เสร็จสมบูรณ์

“ย้าย!”

หลังจากสั่งให้ซ่งหลิงเอ๋อร์อยู่ห่างสักหน่อย เซียวชุ่นก็ใช้นิ้วกดลงบนเงื่อนตายทำให้ชี่ทิพย์ย้ายขึ้นไป หนึ่งปมเท่ากับหนึ่งปุ่ม จากหนึ่งปุ่มขยายไปอีกปุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ ชั่วขณะหนึ่ง รัศมีสีฟ้าอ่อนฉายแสงจาง ๆ ท่ามกลางแสงจันทร์คล้ายกับค่ายภูตจองจำแบบแผนผังแปดทิศปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตา

เซียวชุ่นยิ้มอย่างพอใจ: ”ทำสำเสร็จแล้ว”

ซ่งหลิงเอ๋อร์: ”แล้วยังไงต่อ?”

“รอ ค่ายภูตจองจำนี่สามารถดึงดูดให้ร่างทิพย์ที่อยู่รอบ ๆ ออกมา”

“ท่านอาจารย์ คุณสุดยอดไปเลย……”

พูดไม่ทันจบ ทันใดนั้น เหมือนกับแผ่นดินสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งสองถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกวิตกกังวลในทันที โดยเฉพาะซ่งหลิงเอ๋อร์ที่เผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าร่างทิพย์เป็นครั้งแรกจึงค่อนข้างประหม่า

หงส์แดงก็ใช้ภูเขาจำลองข้างแปลงดอกไม้เป็นที่กำบังและจดจ่อกับการมองหาเป้าหมาย

การเคลื่อนไหวนี้ค่อนข้างรุนแรง ในใจของเซียวชุ่นรู้สึกวิตกกังวล

ไม่นานแผ่นดินก็สั่นไหวอีกรอบ

“ท่านอาจารย์ ต้นไม้นั่นดูเหมือนจะขยับแล้ว”ซ่งหลิงเอ๋อร์หลบด้านหลังเซียวชุ่นและพูดเตือนเบา ๆ

“เห็นแล้ว”

เซียวชุ่นย้ายชี่ทิพย์ของตัวเองเพื่อปกป้องพวกเขาทั้งคู่ เขาหรี่ตาพลางป้องกันอย่างระมัดระวัง

เขารู้สึกมีบางอย่างแปลก ๆ โดยปกติแล้ว แม้ว่าจะเป็นร่างทิพย์ของต้นไม้โบราณอายุพันปีที่อยู่ในเขาลึกและป่าทึบก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้รุนแรงขนาดนี้ ชี่ทิพย์ในเมืองขาดแคลนมากขึ้น ดังนั้นสิ่งนี้ไม่ควรมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้

ตู้ม!!

ทันใดนั้น ต้นเอล์มเก่านั้นก็ดูเหมือนกับมีชีวิตอีกครั้ง ลำต้นสีเข้มที่แตกร้าวโอนเอียงไปมาสองสามครั้งโดยไม่คาดคิด รากบิดเบี้ยวนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากพื้นดินทันทีราวกับถูกยั่วยุ มันกวาดไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่งและดุร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊